กระแดดหรือผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส คืออะไร
กระแดด หรือ ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส Keratoses Actinic คือ กระแดด หรือ กระบอกอายุ นั่นเอง โดยเมื่อมีอายุมากขึ้นเราอาจเริ่มสังเกตเห็นจุดขรุขระและเกล็ดปรากฏบนมือ แขน หรือใบหน้า
ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส หรือกระแดด นั้น มักเกิดขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากการได้รับแสงแดดมานานหลายปี โดยบริเวณผิวที่เสียนี้เกิดขึ้นเมื่อมีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสหรือกระแดดซึ่งเป็นสภาพผิวที่พบบ่อยมาก
ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวที่เรียกว่า เคอราโทซิสเริ่มเติบโตผิดปกติ สร้างเกล็ดและจุดที่เปลี่ยนสี จนทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีอื่น เช่น:
- สีน้ำตาล
- สีแทน
- สีเทา
- ชมพู
สีเหล่านี้จะเกิดขึ้นบนผิวเมื่อสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน และจะเกิดขึ้นกับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่:
- มือ
- แขน
- ใบหน้า
- หนังศีรษะ
- คอ
ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสไม่ได้บอกว่า ผิวกำลังเป็นมะเร็ง แต่ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสอาจกลายเป็น โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัส ได้ แม้โอกาสที่จะเกิดเป็นมะเร็งประเภทนี้จะไม่สูงก็ตาม
ทั้งนี้ หากไม่ได้รับการรักษา ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสราว 10 เปอร์เซ็นต์ จะกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสต่อไป โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสเป็นมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดามะเร็งผิวหนัง เนื่องจากกระเหล่านี้อาจกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสได้ จึงควรให้แพทย์ตรวจดูอยู่เสมอ .
สาเหตุของการเกิดกระแดด
โดยหลัก ๆ แล้วกระแดดเกิดจากการที่ผิวได้รับผลกระทบจากแสงแดดเป็นเวลานาน ปัจจัยดังต่อไปนี้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส หรือกระแดด :
- มีอายุมากกว่า 60 ปี
- ชนชาติผิวขาวและมีดวงตาสีฟ้ามักเป็นกลุ่มชนชาติที่เสี่ยงต่อการเป็นกระแดด
- เป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะโดนแดดเผาได้อย่างง่าย
- มีประวัติการถูกแดดเผามาก่อน
- ตากแดดบ่อย ๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแดดบ่อย ๆ
- ติดเชื้อ โรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)
อาการและอาการแสดงของกระแดด
ผิวที่เกิดกระแดดจะเริ่มต้นจากการเกิดเกล็ดหนาบนผิว และผิวจะเป็นแผ่นหนา ๆ โดยแผ่นบนผิวนี้จะมีขนาดเท่ายางลบดินสอขนาดเล็ก อาจมีอาการคันหรือไหม้ในพื้นที่ที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไป แผลอาจหายไปเองได้ หรืออาจขยายตัวลุกลามไปทั่วได้ หรืออาจมีขนาดเท่าเดิม หรืออาจกลายเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสก็ได้เหมือนกัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสจะไม่มีทางที่จะรู้ว่า รอยผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสใดอาจกลายเป็นมะเร็งบ้าง ทั้งนี้ ผู้ที่มีผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสควรให้แพทย์ตรวจผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสที่เกิดขึ้นทันที หากสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้:
-
แผ่นหนังบริเวณที่เกิกระแดดเกิดการแข็งตัว
-
เกิดการอักแสบบริเวณที่เกิดกระแดด
-
รอยแข็งขยายตัวลุกลามไปยังพื้นที่อื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
-
มีเลือดออกบริเวณกระ
-
บริเวณกระแดดเกิดเป็นสีแดง
-
เกิดเป็นผลอักเสบ
อย่างไรก็ตาม หากมีการเปลี่ยนแปลงที่อาจคล้ายการเกิดมะเร็ง ผู้เป็นกระแดดไม่ควรตกใจ ทั้งนี้ โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสมักจะเป็นกันง่าย มักตรวจพบได้ง่าย และสามารถรักษาให้หายได้ในระยะแรก ๆ
แพทย์วินิจฉัยการเกิดกระแดด
แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยการเกิดกระแดดได้ง่าย โดยการตรวจดูด้วยตาเปล่า ทั้งนี้ แพทย์อาจต้องตัดชิ้นเนื้อผิวหนังส่วนที่เป็นผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเพื่อส่งตรวจ อย่างไรก็ตาม การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ อาจไม่ได้บอกได้ทั้งหมดว่าชิ้นส่วนที่ส่งตรวจจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัสหรือไม่
การรักษากระแดด
แพทย์อาจรักษากระแดดด้วยวิธีดังต่อไปนี้:
ตัดส่วนที่เป็นกระแดดออก
ตัดหรือเล็มบางส่วนที่เกิดกระแดด ทั้งนี้ แพทย์อาจตัดเนื้อเยื่อรอบ ๆ หรือลึกใต้แผลลงไป หากผู้ป่วยกังวลว่าจะเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ทั้งนี้ แพทย์อาจไม่เย็บแผลให้ ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแผลเป็นหลัก
ใช้วิธีจี้
หากใช้วิธีการจี้เอาผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสออก แผลจะถูกเผาด้วยกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะฆ่าผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสได้
การบำบัดด้วยความเย็น
การบำบัดด้วยความเย็น หรือที่เรียกว่า ศัลยกรรมผ่าตัดด้วยความเย็น เป็นการรักษาอีกประเภทหนึ่ง โดยฉีดพ่นผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสด้วยสารละลายที่ใช้เพื่อทำศัลยกรรมด้วยความเย็นจัด เช่น ไนโตรเจนเหลว การรักษาด้วยวิธีนี้จะช่วยหยุดการเติบโตและฆ่าเซลล์ผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสออกได้ ทั้งนี้ แผลจะตกสะเก็ดและร่วงหล่นภายในไม่กี่วันหลังจากการรักษา
การรักษาเฉพาะที่
การรักษาเฉพาะที่บางวิธีอาจใช้สารเคมีแตกต่างกัน เช่น การใช้ไฟว์เอฟยู (5-fluorouracil) ซึ่งอาจทําให้เกิดการอักเสบและการทําลายแผลได้ ส่วนการรักษาเฉพาะที่ด้วยเคมีตัวอื่น ๆ ได้แก่ การใช้ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) และเจลเมบูตาเต อินเจโนล (Mebutate ingenol) เป็นต้น
การฉายรังสี
-
ในระหว่างการบำบัดด้วยวิธีฉายรังสี แพทย์จะใช้น้ำยาบางอย่างทาลงบนผิวบริเวณที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสและผิวหนังรอบ ๆ จากนั้น แพทย์จะใช้เลเซอร์เข้มข้นยิงไปยังบริเวณผิวหนังที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสเป้าหมายเพื่อฆ่าเซลล์ ทั้งนี้ น้ำยาที่ใช้ทาบริเวณผิวหนังที่เกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิสและยาตามใบสั่งแพทย์บางชนิด อาจรวมถึง กรดอะมิโนเลโวลินิก และเมธิลอะมิโนลิโวลิเนตครีม
เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดกระแดดได้อย่างไร
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันผิวหนังของเราในการเกิดผื่นแอกทินิกเคอราโทซิส คือ การลดการสัมผัสกับแสงแดด ซึ่งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเป็น มะเร็งผิวหนัง ได้อีกด้วย คำแนะนำเพิ่มเติมมีดังต่อไปนี้:
-
สวมหมวกและเสื้อเชิ้ตแขนยาวเมื่ออยู่กลางแสงแดดจ้า
-
หลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกตอนเที่ยงวันซึ่งเป็นช่วงที่แดดจัดที่สุด
-
หลีกเลี่ยงการนอนอาบแดด
-
ใช้ครีมกันแดดเสมอเมื่อออกนอกบ้าน วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ครีมกันแดดที่มีระดับการป้องกันแสงแดด (SPF) อย่างน้อย 30 ซึ่งครีมกันแดดประเภทนี้จะปกป้องผิวหนังจากแสงอัลตราไวโอเลต A (UVA) และแสงอัลตราไวโอเลต B (UVB)
นอกจากนี้ หากไปตรวจสุขภาพผิวเป็นประจำก็จะยิ่งดีมาก คอยสังเกตและเฝ้าระวังว่ามีกายเจริญเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงผิดปกติของผิวหนังในบางพื้นที่หรือไม่ เช่น:
ยิ่งไปกว่านั้น ให้คอยสังเกตว่ามีการเกิดผิวใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างบนผิวของอวัยวะเหล่านี้:
- ใบหน้า
- คอ
- หู
- บนแขนหรือมือ หรือฝ่ามือ หรือใต้แขน
ทั้งนี้ ให้นัดพบแพทย์ทันทีหากพบความผิดปกติบนบริเวณผิวของอวัยวะเหล่านี้แล้วทำให้รู้สึกกังวล
ดูแลกระแดดด้วยธรรมชาติ
แม้ว่าการเยียวยาตามธรรมชาติอาจช่วยจัดการกับอาการบางอย่างได้ แต่ก็ไม่สามารถทดแทนการรักษาพยาบาลได้ หากคุณสงสัยว่าคุณเป็นกระแดด ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ต่อไปนี้เป็นวิธีการรักษาตามธรรมชาติสำหรับผู้ที่มีกระแดด:- การป้องกันแสงแดด: วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันกระแดด คือการปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งรวมถึงการสวมชุดป้องกัน หมวกปีกกว้าง และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำ
- การรักษาเฉพาะที่:
- Apple Cider Vinegar: บางคนเชื่อว่าการใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลเจือจางกับบริเวณที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยได้ อย่างไรก็ตาม วิธีการรักษานี้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน และอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองในบางคนได้
- ว่านหางจระเข้: ว่านหางจระเข้ขึ้นชื่อในเรื่องคุณสมบัติผ่อนคลายและอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายที่เกิดจากโรคผิวหนังได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถทำให้กระแดดหายไปได้
- การเปลี่ยนแปลงด้านอาหาร:
- การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากผักและผลไม้อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวโดยทั่วไป สารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระซึ่งอาจเกิดจากรังสียูวี
- สมุนไพร:
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด เช่น สารสกัดจากชาเขียว ได้รับการศึกษาถึงคุณสมบัติในการปกป้องผิวได้ ชาเขียวมีสารประกอบที่อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ
- ความชุ่มชื้น:
- การรักษาความชุ่มชื้นให้กับบริเวณที่ได้รับผลกระทบอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายที่เกิดจากความแห้งและเป็นสะเก็ดได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/actinic-keratosis/symptoms-causes/syc-20354969
-
Actinic Keratosis
-
https://www.nhs.uk/conditions/actinic-keratoses/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team