หากคุณเคยคิดที่จะไม่ให้นมลูกที่เพิ่งเกิดของคุณ นั่นเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคล แต่คุณจะต้องพลาดประโยชน์ดีๆ มากมากของการที่ให้ลูกดื่มนมแม่
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ หรือถ้าคุณต้องการความมั่นใจว่านมแม่เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ ควรทำความรู้จักกับประโยชน์ของการที่ให้ลูกน้อยดื่มนมแม่กันดีกว่า
นมแม่ให้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับทารก มีสารอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ย่อยง่าย และหาได้ง่ายๆ
ประโยชน์ 11 ประการ ของการที่ลูกได้ดื่มนมแม่ตามหลักวิทยาศาสตร์มีดังนี้
สารอาหารในน้ำนมแม่ และประโยชน์นมแม่
1. นมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกมากที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพส่วนใหญ่แนะนำให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว อย่างน้อย 6 เดือนหรือนานกว่านั้น น้ำนมแม่มีทุกสิ่งที่ทารกต้องการในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตในปริมาณที่เหมาะสม องค์ประกอบของมันยังเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทารกด้วเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนแรกของชีวิต ในช่วงวันแรกหลังคลอด หน้าอกของคุณแม่จะสร้างของเหลวข้น และสีเหลืองที่เรียกว่า น้ำนมเหลือง มีโปรตีนสูง น้ำตาลต่ำ และเต็มไปด้วยสารที่เป็นประโยชน์ เป็นอาหารมหัศจรรย์อย่างแท้จริงและไม่สามารถแทนที่ด้วยสูตรได้ คอลอสตรัมเป็นนมชนิดแรกที่ดีที่สุด และช่วยให้ระบบย่อยอาหารของทารกแรกเกิดพัฒนา หลังจาก 2-3 วันแรก เต้านมจะเริ่มผลิตน้ำนมในปริมาณที่มากขึ้น ตามอายุของทารก สิ่งเดียวที่น้ำนมมหัศจรรย์ของแม่อาจจะมีในปริมาณน้อย คือ วิตามิน D เว้นแต่ว่าแม่จะมีวิตามิน D ปริมาณมากในร่างกาย ส่วนใหญ่แล้วทารกต้องการรับวิตามิน D เพิ่มจากอาหารเสริม2. น้ำนมแม่มีแอนติบอดี้ที่สำคัญ
น้ำนมแม่นั้นเต็มไปด้วยแอนติบอดี้ที่ช่วยให้ลูกน้อยของคุณต้านทานต่อเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเดือนแรกๆ ที่เด็กๆ ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนี้ใช้กับน้ำนมเหลืองซึ่งเป็นนมชนิดแรก คอลอสตรัมให้อิมมูโนโกลบูลิน A (IgA) ในปริมาณสูง รวมทั้งแอนติบอดี้อื่นๆ อีกหลายชนิด เมื่อคุณแม่สัมผัสกับไวรัสหรือแบคทีเรีย แม่จะเริ่มผลิตแอนติบอดี้ที่เข้าไปในน้ำนม และนี้คือ ภูมิคุ้มกันที่ดีของลูกน้อย! อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร3. นมแม่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรค
การให้นมแม่อย่างเดียวหมายความว่า ทารกได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ลดการได้รับอาหารที่ปนเปื้อน ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและโรคต่าง ๆ ของทารก ได้แก่:- การติดเชื้อที่หูชั้นกลาง ควรให้ลูกน้อยได้รับนมนานที่สุดเท่าที่ทำได้ การได้รับนมแม่ในระยะยาวป้องกันการติดเชื้อในหูชั้นกลาง คอหอย และไซนัสได้ดีกว่าทารกที่ไม่ได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่อง
- การติดเชื้อทางเดินหายใจ การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่สามารถป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารเฉียบพลันได้หลายชนิด
- โรคหวัด และการติดเชื้อ ทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวเป็นเวลา 6 เดือน จะลดความเสี่ยงที่จะเป็นหวัดรุนแรงและติดเชื้อที่หูหรือคอ
- การติดเชื้อในลำไส้ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เชื่อมโยงกับการลดการติดเชื้อในลำไส้
- ความเสียหายของเนื้อเยื่อลำไส้ การให้นมแม่แก่ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะลำไส้อักเสบจากเนื้อตาย (Necrotizing enterocolitis) ที่ลดลง
- กลุ่มอาการเสียชีวิตกะทันหันของทารก (SIDS) การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์กับการลดลงของ SIDS โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพี่ยงอย่างเดียว
- โรคภูมิแพ้ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์กับการลดลงของโรคหอบหืด โรคผิวหนังภูมิแพ้ และโรคเรื้อนกวาง
- โรคลำไส้ ทารกที่กินนมแม่อาจเป็นโรคโครห์น และอาการลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผลได้น้อยกว่า
- โรคเบาหวาน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์กับความลดลงการพัฒนาโรคเบาหวานประเภท 1 และประเภท 2
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็ก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีความสัมพันธ์กับการลดลงของความเสี่ยงต่อมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวัยเด็ก
4. น้ำนมแม่ส่งเสริมให้ลูกมีน้ำหนักที่สมบูรณ์
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยเพิ่มน้ำหนักของทารกที่ดี และช่วยป้องกันโรคอ้วนในวัยเด็ก มีงานวิจัยที่พบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานกว่า 4 เดือน มีโอกาสที่ทารกจะมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ดี และเป็นโรคอ้วนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการพัฒนาของแบคทีเรียในลำไส้ที่แตกต่างกัน ทารกที่ดื่มนมแม่มีแบคทีเรียในลำไส้ที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่สูงกว่า ซึ่งส่งผลต่อการสะสมไขมัน ทารกที่ดื่มนมแม่ยังมีเลปตินในระบบมากกว่าทารกที่กดื่มนมผง เลปตินเป็นฮอร์โมนสำคัญในการควบคุมความอยากอาหาร และการสะสมไขมัน ทารกที่ดิ่มนมแม่เขาสามารถควบคุมการดื่มได้ตามต้องการ สามารถดื่มได้ทุกเมื่อเวลาหิว ทำให้เขามีพัฒนาการด้านการรับประทานที่ดี5. น้ำนมแม่ช่วยให้เด็กๆ ฉลาด
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อาจช่วยให้ทารกมีพัฒนาการด้านสมองที่ดีขึ้นได้ แต่จะมีความแตกต่างในการพัฒนาสมองระหว่างทารกที่ดื่มนมแม่และทารกที่ดื่มนมผง ความแตกต่างนี้อาจเกิดจากความใกล้ชิดทางร่างกาย การสัมผัส และการสบตาของแม่ลูกระหว่างการให้นม ตลอดจนสารอาหารที่ได้รับ6. การให้นมลูกช่วยให้คุณแม่น้ำหนักลดลง
เราคงเคยได้ยินกันมาแล้วว่า คุณแม่ระหว่างให้นมลูก จะมีน้ำหนักที่ลดลง แต่ก็มีเพียงบางคนที่การให้นมลูกไม่ได้มีผลต่อน้ำหนัก เนื่องด้วยการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากกว่า และหลังจากให้นมลูกมา 3 เดือน คุณอาจพบว่ามีการเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับแม่ที่ไม่ได้ให้นมบุตร7. การให้นมลูกทำให้มดลูกหดตัว
ในระหว่างตั้งครรภ์ มดลูกของคุณแม่จะเติบโตอย่างมาก โดยขยายจากขนาดของเท่าลูกแพร์ไปจนเต็มช่องท้องเกือบทั้งหมด หลังคลอดลูกน้อย มดลูต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Involution ซึ่งช่วยให้มดลูกกลับคืนสู่ขนาดเดิม Oxytocin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ ช่วยเป็นสารหลักที่กระตุ้นกระบวนการนี้ ร่างกายหลั่ง Oxytocin ในปริมาณสูงในระหว่างคลอด เพื่อช่วยคลอดบุตร และลดเลือดที่เสียออก นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความผูกพันกับลูกน้อยใหม่ได้ Oxytocin ยังเพิ่มขึ้นในระหว่างการให้นมลูก ช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก และลดการตกเลือด ช่วยให้มดลูกกลับมามีขนาดเท่าเดิม8. การให้นมลูกช่วยลดความเสี่ยงของการซึมเศร้า
ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด (PPD) เป็นภาวะซึมเศร้าประเภทหนึ่งที่สามารถพัฒนาได้ไม่นานหลังคลอด คุณแม่ที่มีอาการซึมเศร้าหลังคลอดมักจะมีปัญหาในการให้น้ำนมลูกน้อยได้เช่นกัน9. การให้น้ำนมลูกช่วยลดความเสี่ยงโรค
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีแนวโน้มปกป้องสุขภาพในระยะยาวต่อต้านมะเร็งและโรคต่างๆ ระยะเวลาทั้งหมดที่แม่ให้นมลูกมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงสำหรับมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ ผู้หญิงที่ให้นลูกจะมีความเสี่ยง โรคเหล่านี้ที่ลดลง- ความดันโลหิตสูง
- ข้ออักเสบ
- ไขมันในเลือดสูง
- โรคหัวใจ
- โรคเบาหวานประเภทที่ 2
10. การให้นมลูกป้องกันการมีประจำเดือน
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ตกไข่ และการมีประจำเดือนหยุดชะงัก การหยุดของรอบประจำเดือนอาจเป็นวิธีธรรมชาติในการทำให้มั่นใจว่า สามารถเพลิดเพลินกับเวลาอันมีค่ากับทารกแรกเกิด ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการมีประจำเดือน11. ให้นมลูกช่วยประหยัดเงิน
การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เอง โดยส่วนใหญ่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นค่าใช้จ่ายสำหรับการให้คำปรึกษาด้านการให้นมบุตร หรือการปั๊มนม นี่คือข้อดีจากการที่ให้นมลูก คุณไม่ต้องทำสิ่งเหล่านี้- ใช้จ่ายเงินกับนมผง
- คำนวณปริมาณที่ลูกน้อยของคุณต้องดื่มต่อวัน
- ใช้เวลาทำความสะอาด และฆ่าเชื้อขวด
- ผสม และอุ่นขวดในตอนกลางคืน (หรือกลางวัน)
- หาวิธีอุ่นขวดนมขณะเดินทางไกล
แม่ที่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารใด
ในขณะที่ให้นมบุตร สิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่คือต้องรักษาอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทั้งตนเองและทารก แม้ว่าจะไม่มีรายการอาหารที่เข้มงวดที่ต้องหลีกเลี่ยง แต่คุณแม่บางคนอาจพบว่าอาหารบางชนิดอาจทำให้ทารกเกิดอาการแพ้หรือไม่สบายได้ ข้อควรพิจารณาทั่วไปบางประการมีดังนี้:- คาเฟอีน:
-
-
- แม้ว่าการบริโภคคาเฟอีนในระดับปานกลางโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย แต่การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการหงุดหงิดหรือนอนหลับยากในทารกบางคน ขอแนะนำให้บริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะและสังเกตว่าลูกน้อยของคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร
-
- อาหารรสเผ็ด:
-
-
- เครื่องเทศ เช่น พริกหรือแกง บางครั้งอาจทำให้รสชาติของนมเปลี่ยนไปได้ ทารกบางคนอาจไวต่ออาหารรสเผ็ด ทำให้เกิดอาการจุกจิกหรือรู้สึกไม่สบายทางเดินอาหาร ใส่ใจกับปฏิกิริยาของทารกและปรับอาหารให้เหมาะสม
-
- อาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส:
-
-
- อาหารบางชนิด เช่น ผักตระกูลกะหล่ำบางชนิด (บร็อกโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ) ถั่ว และเครื่องดื่มอัดลม สามารถผลิตก๊าซได้ ในบางกรณีอาจทำให้ทั้งแม่และลูกรู้สึกไม่สบาย การติดตามการตอบสนองของทารกสามารถช่วยระบุตัวกระตุ้นที่เฉพาะเจาะจงได้
-
- ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว:
-
-
- ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม เกรปฟรุต และมะเขือเทศ มีสารประกอบที่เป็นกรดซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในทารกบางคน หากคุณสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ให้พิจารณาลดการบริโภคและติดตามการตอบสนองของทารก
-
- นมวัวและผลิตภัณฑ์นม:
-
-
- ทารกบางคนอาจมีความไวต่อโปรตีนในนมวัวที่ผ่านทางน้ำนมแม่ หากคุณสงสัยว่ามีอาการแพ้ คุณสามารถเลือกงดผลิตภัณฑ์จากนมและติดตามอาการของทารกได้ อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องรักษาปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอจากแหล่งหรืออาหารเสริมอื่นๆ ไว้
-
- อาหารที่เป็นภูมิแพ้:
-
-
- หากมีประวัติครอบครัวแพ้อาหาร คุณแม่บางคนอาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ถั่วลิสง ถั่วเปลือกแข็ง ถั่วเหลือง ข้าวสาลี หรือไข่ อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานที่จำกัดที่สนับสนุนการหลีกเลี่ยงอย่างเข้มงวดสำหรับมารดาทุกคน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนที่จะเลิกรับประทานอาหารกลุ่มหลัก
-
- แอลกอฮอล์:
-
- แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางจะถือว่ายอมรับได้ แต่การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้ ขอแนะนำให้จำกัดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และใช้เวลาเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำนมแม่ ให้เวลาเพียงพอสำหรับการเผาผลาญแอลกอฮอล์ก่อนให้นมบุตร
บทสรุปประโยชน์ของนมแม่
ประโยชน์ของการที่คุณแม่ให้นมแม่กับลูกมีมากมายจนสถาบันสุขภาพส่วนใหญ่แนะนำให้เด็กๆ ทุกคนกินนมแม่ให้นานที่สุด ยกเว้นมีปัญหาทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องหยุดดื่มนมแม่ น้ำนมแม่ประกอบด้วยแอนติบอดี้ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่ปกป้องลูกน้อย จสากความเจ็บป่วยและโรคเรื้อรัง เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่สุดถ้าทำได้ สุดท้ายไม่ว่าคุณแม่จะตัดสินใจเรื่องให้นมอย่างไร ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพและความสะดวก เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการให้นมลูกนั้นมีประโยชน์มากมายจริงๆหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น