มนุษย์จัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลแตกต่างกันไป สำหรับผู้เป็นโรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) จะมีแรงกระตุ้นที่ทำให้ดึงผมของตัวเองมากเกินไป เมื่อเวลาผ่านไป อาจส่งผลให้บริเวณที่ดึงล้านเป็นจุด ๆ และสร้างความวิตกกังวลที่มากขึ้นไปอีก
ในบทความนี้ เราจะพูดคุยเกี่ยวกับอาการและการรักษาโรคนี้
โรคดึงผมตัวเองคืออะไร
โรคดึงผมตัวเอง Trichotillomania (TTM) คือ ความผิดปกติทางจิตใจ ที่เมื่อคน ๆ นึงเกิดความเครียดหรือวิตกกังวล เขาจะดึงผมของตัวเองออก งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า 0.5 – 2 เปอร์เซนต์ของมนุษย์เป็นโรคนี้
ผู้ที่มีโรคนี้ในวัยเด็กมักจะดึงผมจากศีรษะตัวเองในหนึ่งถึงสองจุด อย่างไรก็ตามผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่เพียงแต่จะดึงผมออกจากศีรษะเท่านั้น พวกเขายังดึงขนจากส่วนอื่นของร่างกายด้วยเช่นกัน เช่น ขนคิ้ว ขนตา และส่วนอื่น ๆ ที่มีขน เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะทำให้ขนในส่วนต่าง ๆ หายไปและบางลง
โรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับวัยรุ่น แต่มักเกิดขึ้นในวัยเด็กเช่นกัน และเมื่อมันเริ่มขึ้นแล้วอาจเกิดต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โรคนี้เกิดขึ้นในผู้หญิงและผู้ชายในสัดส่วนที่เท่า ๆ กันในวัยเด็ก แต่พบในผู้หญิงมากกว่าในวัยผู้ใหญ่
ผู้หญิงบางคนเริ่มที่จะดึงผมจากศีรษะเมื่อเริ่มมีประจำเดือน งานวิจัยด้านจิตวิทยากล่าวว่า ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงในวัยเริ่มมีประจำเดือนอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ แต่ยังไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัดว่าทำไม นอกจากนี้ ในบางกรณีศึกษายังชี้ให้เห็นว่าอาการของโรคนี้แย่ลงระหว่างการตั้งครรภ์อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส์
อาการของโรคดึงผมตัวเองมีอะไรบ้าง
อาการของโรคนี้มีดังนี้:
- ดึงผมอย่างรวดเร็ว
- ดึงผมให้เป็นชิ้น ๆ
- กินผม (ราพันเซลซินโดรม)
- รู้สึกปลดปล่อยเมื่อได้ดึงผม
บริเวณที่ผมหรือขนมักถูกดึง:
-
หนังศีรษะ
-
ขนคิ้ว
-
ขนตา
-
หนวด
-
ขนอวัยวะเพศ
เมื่อเวลาผ่านไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ดังนี้:
-
คันหรือชาบริเวณที่ผมถูกดึง
-
หัวล้านเป็นจุด ๆ
-
ผม/ ขนบางลง
-
ระคายเคืองผิวหนัง
-
กังวลเมื่อต้องเข้าสังคม
โรคดึงผมตัวเองมีสาเหตุมาจากอะไร
นักวิจัยยังไม่สามารถหาเหตุผลที่แน่ชัดที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุผลมาจากพันธุกรรมหรือปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดก็เป็นได้
จากงานวิจัยในปี 2016, ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 10-13 ปี อาการมักเริ่มจากการดึงผมจากหนังศีรษะ ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกังวลหรือเครียดน้อยลง
ผู้ป่วยบางคนไม่รู้ตัวว่าดึงผมตัวเอง การได้รับรู้ว่าตัวเองดึงผมของตัวเองนั้นสามารถทำให้เกิดความวิตกกังวลและความอับอาย ซึ่งทำให้เกิดวังวนแห่งความวิตกกังวล เพราะเมื่อดึงผม จะรู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด จากนั้นก็จะรู้สึกอับอายที่ดึงผมตัวเอง แล้วสุดท้ายก็กลับมาดึงผมอีก
โรคดึงผมตัวเองนั้นเป็นปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งในบางครั้งสามารถเกี่ยวโยงกับโรคอื่นได้ดังนี้:
-
โรคย้ำคิดย้ำทำ obsessive-compulsive disorder(OCD)
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เป็นโรคเหล่านี้จะเป็นโรคดึงผมตัวเอง อาการนี้อาจเริ่มจากสาเหตุหลาย ๆ อย่าง เช่น:
-
มีความสุขกับความรู้สึกที่ได้จับเส้นผม
-
มีความสุขกับความรู้สึกที่ดึงผมจากหนังศีรษะ
-
ภาวะอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ความวิตกกังวล ความเบื่อหน่าย ความโกรธ ความอับอาย หรือ ความเครียด
โรคดึงผมตัวเองรักษาอย่างไร
การรักษาโรคนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาจแนะนำวิธีการเหล่านี้:
พฤติกรรมบำบัด
จากงานวิจัยปี 2012 พฤติกรรมบำบัดมีประโยชน์หลายด้าน ดังนี้:
-
ช่วยให้ผู้ป่วยตระหนักถึงอาการและสิ่งกระตุ้นของโรคดึงผมตัวเองเพิ่มขึ้น
-
เปลี่ยนจากพฤติกรรมการดึงผมเป็นพฤติกรรมอื่นแทน
-
สร้างแรงบันดาลใจในการหยุดดึงผม
-
เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ จากสถานะการณ์ต่าง ๆ
ยารักษา
จากการศึกษาในปี 2013 มียา 3 ชนิดที่ช่วยรักษาโรคดึงผมตัวเอง
-
เอ็น-อะเซทิลซิสเทอิน
-
โอแลนซาปีน
-
โคลมิพรามีน
นักวิจัยกล่าวว่า ตัวอย่างกลุ่มวิจัยที่ได้รับยาเหล่านี้ยังมีน้อยมาก
ภาวะแทรกซ้อนของโรคดึงผมตัวเอง
โรคดึงผมตัวเองเป็นโรคทางจิตที่มีลักษณะเฉพาะคือมีความอยากดึงเส้นผมของตนเองออกส่งผลให้ผมร่วงและอาจเกิดความทุกข์หรือบกพร่องในการทำงานในแต่ละวัน แม้ว่าภาวะแทรกซ้อนหลักของโรคดึงผมตัวเองคือผลกระทบทางกายภาพของผมร่วง แต่ก็มีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอื่นๆ อีกหลายประการที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากความผิดปกตินี้ ภาวะแทรกซ้อนบางประการ ได้แก่:- ผลที่ตามมาทางกายภาพ: การดึงผมบ่อยครั้งอาจทำให้ผมร่วง ผมบาง และทำลายรูขุมขนอย่างเห็นได้ชัด ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ผมร่วงและเป็นแผลเป็นถาวรได้
- ความเสียหายต่อผิวหนัง: การดึงซ้ำๆ สามารถทำลายผิวหนังบนหนังศีรษะ ทำให้เกิดการระคายเคือง แผล และการติดเชื้อในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ
- ความทุกข์ทางจิตใจ: โรคดึงผมตัวเองสามารถนำไปสู่ความทุกข์ทางอารมณ์ ความอับอาย และความลำบากใจอย่างมากเนื่องจากผมร่วงที่มองเห็นได้ สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การเห็นคุณค่าในตนเองต่ำ ความโดดเดี่ยวทางสังคม และความยากลำบากในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
- ความบกพร่องทางอาชีพและการเรียน: เวลาที่ใช้ในการดึงผมอาจรบกวนความสามารถในการมุ่งความสนใจไปที่งาน โรงเรียน หรือกิจกรรมสำคัญอื่นๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางวิชาการหรืออาชีพ
- พฤติกรรมการหลีกเลี่ยง:บุคคลที่เป็นโรคดึงผมตัวเองอาจมีพฤติกรรมการหลีกเลี่ยง เช่น การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางสังคม สถานที่สาธารณะ หรือกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจไปที่อาการผมร่วง สิ่งนี้สามารถจำกัดคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้อีก
- ความผิดปกติร่วม: โรคดึงผมตัวเองมักเกี่ยวข้องกับความผิดปกติด้านสุขภาพจิตอื่นๆ เช่น โรควิตกกังวล ซึมเศร้า และโรคย้ำคิดย้ำทำ ความผิดปกติร่วมเหล่านี้อาจทำให้ผลกระทบโดยรวมต่อความเป็นอยู่ที่ดีของแต่ละบุคคลรุนแรงขึ้น
- ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์:ในบางกรณี มีผู้ป่วยที่กินเส้นผมที่ดึงออกมาซ้ำๆ อาจทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าไทรโคบีซัวร์ ซึ่งมีเส้นผมจำนวนมากสะสมอยู่ในกระเพาะอาหารและระบบทางเดินอาหาร สิ่งนี้อาจทำให้เกิดการอุดตันในทางเดินอาหารและปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ภาระทางการเงิน:การแสวงหาการรักษา การซื้อวิกผมหรือแฮร์พีชเพื่อปกปิดผมร่วง และการแก้ไขปัญหาทางการแพทย์หรือจิตใจที่เกี่ยวข้อง อาจนำไปสู่ความเครียดทางการเงินได้
- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์: โรคดึงผมตัวเองอาจทำให้ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว เพื่อน หรือคนรักตึงเครียด เนื่องจากบุคคลอาจประสบปัญหาในการอธิบายหรือจัดการพฤติกรรมการดึงผม
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/trichotillomania/symptoms-causes/syc-20355188
-
https://www.nhs.uk/conditions/trichotillomania/
-
https://kidshealth.org/en/teens/trichotillomania.html
-
https://www.webmd.com/anxiety-panic/guide/trichotillomania
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team