ประโยชน์เมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Health Benefits)

ถึงแม้เมล็ดฟักทองจะมีขนาดเล็ก แต่กลับพบว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า การรับประทานเมล็ดฟักทองในปริมาณน้อยก็สามารถให้ไขมัน แมกนีเซียม และสังกะสีที่ดีต่อสุขภาพที่มีคุณภาพได้มากมาย เพราะเหตุนี้เอง เมล็ดฟักทองจึงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ซึ่งรวมไปถึงการทำให้สุขภาพของหัวใจ ต่อมลูกหมากดีขึ้น และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง ยิ่งกว่านั้น เมล็ดฟักทองยังเป็นสิ่งที่หารับประทานได้ง่าย ต่อนี้ไปคือประโยชน์เพื่อสุขภาพของเมล็ดฟักทองที่ได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์

1. เมล็ดฟักทองสารอาหารที่ทรงคุณค่า

เมล็ดฟักทองหรือที่รู้จักกันดีว่า “เพ็พพิต้า” – เป็นชื่อเม็กซิกันสเปน ต่างจากเมล็ดฟักทองสีขาวแข็งที่เห็นจากฟักทองแกะสลัก เมล็ดฟักทองส่วนใหญ่ที่ซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเป็นแบบไม่มีเปลือก เมล็ดที่ปราศจากเปลือกนี้จะมีสีเขียว แบนและเป็นรูปทรงวงรี เมล็ดฟักทองไม่มีเปลือก 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีแคลลอรี่ราว 151 แคลลอรี่ หลักๆเป็นไขมันและโปรตีน เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีส่วนประกอบคือ :
  • เส้นใยอาหาร: 1.7 กรัม
  • คาร์บ: 5 กรัม
  • โปรตีน: 7 กรัม
  • ไขมัน: 13 กรัม (เป็นโอเมก้า 6s อยู่ 6 กรัม)
  • วิตามินเค: 18% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • ฟอสฟอรัส: 33% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • แมงกานีส: 42% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • แมกนีเซียม: 37% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • เหล็ก: 23% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • สังกะสี: 14% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
  • ทองแดง: 19% ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน
เมล็ดฟักมองยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวในปริมาณที่เหมาะสม โปแตสเซียม วิตามินบี2 (ไรโบเฟลวิน)และโฟเลต เมล็ดฟักทองและน้ำมันเมล็ดจะมีสารอาหารอื่นๆและสารประกอบพืชที่แสดงให้เห็นแล้วว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ 

2. เมล็ดฟักทองสรรพคุณมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระเช่น แคโรทีนอยด์และวิตามินอี สารต้านอนุมูลอิสระสามารถลดการอักเสบและช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้เกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ สิ่งนี้เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงควรบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเพราะสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคต่างๆมากมาย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสูงในเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้นได้ จากการศึกษาพบว่าเมล็ดฟักทองช่วยลดการอักเสบในหนูที่เป็นโรคข้ออักเสบโดยไม่ส่งผลข้างเคียง  

3. มีผลช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง

การรับประทานเมล็ดฟักทองปริมาณมากพบว่าช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ดังนี้ จากการศึกษาขนาดใหญ่พบว่าการรับประทานเมล็ดฟักทองสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในหญิงวัยทองได้ จากการศึกษาชิ้นอื่นๆยังพบด้วยว่าสารลิกแนนในเมล็ดฟักทองอาจมีบทบาทที่สำคัญในการป้องกันและรักษามะเร็งเต้านมได้ จากการศึกษาในหลอดทดลองพบว่าอาหารเสริมที่มีเมล็ดฟักทองเป็นส่วนประกอบอาจช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ 

4. ช่วยทำให้สุขภาพของต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะดีขึ้น

เมล็ดฟักทองอาจช่วยลดอาการโรคต่อมลูกหมากโต ซึ่งเป็นโรคที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุร่วมกับการปัสสาวะ จากการศึกษาในคนพบว่าการรับประทานเมล็ดฟักทองช่วยลดอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากโรคต่อมลูกหมากโตได้ จากการศึกษาผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตกว่า 1,400 คนเป็นเวลา 1 ปี คนที่รับประทานเมล็ดฟักทองอาการของโรคลดน้อยลงและช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย จากการวิจัยเพิ่มเติมยังแนะนำให้รับประทานเมล็ดฟักทองหรือผลิตภัณฑ์เช่นอาหารเสริมที่เกี่ยวกับเมล็ดฟักทองจะสามารถช่วยรักษาอาการของภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน จากการศึกษาผู้หญิงและผู้ชาย 45 คนที่มีภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน โดยให้รัประทานเมล็กฟักทองสกัด 10 กรัมเป็นประจำทุกวันช่วยให้การทำงานเกี่ยวกับปัสสาวะดีขึ้น 

5. เมล็ดฟักทองอบมีแมกนีเซียมที่สูงมาก

เมล็ดฟักทองคือแหล่งแมกนีเซียมตามธรรมชาติที่ดีที่สุด-คือแร่ธาตุที่คนในแถบตะวันตกมักขาดแคลน ในสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ใหญ่ราว 79% บริโภคแมกนีเซียมต้ำกว่าที่แนะนำควรบริโภคต่อวัน แมกนีเซียมมีความต้องการสารเคมีมากกว่า 600 ชนิดในการทำปฏิกิริยาในร่างกายของคุณ ระดับแมกนีเซียมที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อ:
  • การควบคุมความดันโลหิต
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
  • สร้างเสริมและรักษาสุขภาพของกระดูก
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

Pumpkin Seeds Health Benefits

6. ประโยชน์เมล็ดฟักทองช่วยสุขภาพหัวใจให้ดีขึ้น

เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระ แมกนีเซียม สังกะสีและกรดไขมัน-ซึ่งทุกตัวอาจช่วยรักษาดูแลสุขภาพของหัวใจได้ จากการศึกษาในสัตว์แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดฟักทองอาจช่วยลดความดันเลือดสูงและระดับคอเลสเตอรอลสูง-ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาหญิงวัยหมดประจำเดือน 35 รายเป็นเวลา 12 สัปดาห์พบว่าคนที่รับประทานอาหารเสริมน้ำมันเมล็ดฟักทองนั้นช่วยลดค่าความดันโลหิตต่ำสุด (เป็นค่าที่อ่านตัวล่าง) ลดได้ 7%และช่วยเพิ่มคอเรสเตอรอลตัวดี HDL ได้ 16%  จากการศึกษาอื่นๆพบว่าฟักทองสามารถช่วยเพิ่มไนตริกออกไซด์ในร่างกายที่อาจเป็นตัวช่วยทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นได้ ไนตริกออกไซด์อาจช่วยขยายเส้นเลือด ช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดคราบพลาคในหลอดเลือด 

7. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

จากการศึกษาในสัตว์แสดงให้เห็นว่าฟักทอง เมล็ดฟักทอง ผงเมล็ดฟักทองและน้ำฟักทองสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคเบาหวาน คนที่ต้องต่อสู้กับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จากการศึกษาพบว่าอาหารเสริมที่มีน้ำฟักทองหรือผงฟักทองอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ แมกนีเซียมที่มีอยู่สูงในเมล็ดฟักทองอาจมีหน้าที่ส่งผลดีสำหรับโรคเบาหวาน

8. ใยอาหารสูง

เมล็ดฟักทองคือแหล่งของใยอาหารที่ดีที่สุด -เมล็ดแบบมีเปลือกให้ใยอาหาร 1.1 กรัม ต่อหนึ่งเสิร์ฟ 1 ออนซ์ (28กรัม) การบริโภคใยอาหารมีผลดีต่อสุขภาพของการย่อยอาหาร ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานใยอาหารสูงยังช่วยความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน 

9. อาจช่วยทำให้สเปิร์มมีคุณภาพ

เมื่อระดับสังกะสีต่ำอาจทำให้สเปิร์มไม่มีคุณภาพและเพิ่มความเสี่ยงในภาวะมีบุตรยาก ในเพศชาย เพราะเมล็ดฟักทองคือแหล่งที่อุดมไปด้วยสังกะสี จึงอาจช่วยทำให้สเปิร์มมีคุณภาพที่ดีขึ้น จากการศึกษาในหนูพบว่าเมล็ดฟักทองสามารถช่วยป้องกันสเปิร์มไม่ให้เกิดความเสียหายที่มีสาเหตุมาจากการทำเคมีบำบัดและโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตนเอง เมล็ดฟักทองมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและมีสารอาหารอื่นๆที่มีส่วนช่วยดูแลระดับเทสโทสเตอโรนให้ดีและช่วยเรื่องสุขภาพโดยรวม ทั้งหมดนี้เองคือ ปัจจัยที่อาจมีประโยชน์ต่อระดับเทสโทสเตอโรนและการทำงานของระบบสืบพันธุ์ โดยเฉพาะในเพศชาย

10. อาจช่วยทำให้การนอนดีขึ้น

หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ คุณอาจจำเป็นต้องทานเมล็ดฟักทองก่อนนอน เมล็ดฟักทองมีทริพโตเฟนเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญ และกรดอะมิโนนั้นๆสามารถช่วยในเรื่องการนอนหลับได้ บริโภคทริพโตเฟนราว 1 กรัมเป็นประจำทุกวันช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณอาจจำเป็นต้องรับประทานเมล็ดฟักทองราว 7 ออนซ์ (200กรัม)เพื่อให้ได้ปริมาณทริพโตเฟนตามที่ต้องการ สังกะสีที่พบในเมล็ดฟักทองอาจช่วยเปลี่ยนทริพโตเฟนเป็นเซโรโทนิน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นเมลาโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอน เพิ่มเติม เมล็ดฟักทองคือแหล่งแมกนีเซียมที่ดีมาก เมื่อมีระดับแมกนีเซียมที่เพียงพอมีส่วนช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น จากการศึกษาขนาดเล็กพบว่าการรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียมสามารถช่วยทำให้คุณภาพการนอนและเวลานอนรวมของคนที่มีระดับแมกนีเซียมต่ำดีขึ้น 

11. ง่ายต่อการนำไปรับประทาน

หากคุณเคยได้รับประโยชน์จากเมล็ดฟักทอง จะพบว่าง่ายต่อการนำไปรวมกับอาหารอื่นๆ ในหลายๆประเทศพบว่ามักนำเมล็ดฟักทองมาเป็นอาหารว่าง ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบหรือแบบอบ แบบคลุกเกลือหรือไม่คลุกเกลือ และยังนำมารับประทานตามที่ตนเองต้องการ สามารถนำไปใส่เพิ่มเติมในน้ำปั่น กรีกโยเกิร์ตและผลไม้ คุณสามารถนำเมล็ดฟักทองไปโรยใส่จานสลัด ซุปหรือซีเรียล บางคนอาจใช้เมล็ดฟักทองในการอบ นำไปเป็นส่วนผสมในของหวานหรือขนมปังและเค้ก แต่อย่างไรก็ตามยังมีเมล็ดและถั่วที่มีกรดไฟทิกเป็นส่วนประกอบ ซึ่งสามารถลดชีวปริมาณออกฤทธิ์ในสารอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปได้ หากคุณรับประทานเมล็ดฟักทองและถั่วบ่อยๆ คุณอาจต้องนำไปแช่เพื่อลดกรดไฟทิก การนำไปอบก็อาจช่วยได้ดีเช่นกัน บทสรุป เมล็ดฟักทองสามารถนำไปผสมกับจานอาหารอื่นๆหรือเป็นขนมว่างในมื้ออาหารหรือขนมอบ

ข้อเสียของเมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองเป็นของว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่มีข้อควรพิจารณาหรือข้อเสียบางประการที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค:
  • ปริมาณแคลอรี่สูง:เมล็ดฟักทองมีแคลอรี่หนาแน่น การรับประทานอาหารในปริมาณมากโดยไม่กลั่นกรองสามารถส่งผลให้ได้รับแคลอรี่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้
  • ไขมันธรรมชาติ:แม้ว่าเมล็ดฟักทองจะมีไขมันที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่ก็มีปริมาณไขมันสูงเช่นกัน การบริโภคที่มากเกินไปอาจทำให้ได้รับไขมันและแคลอรี่เพิ่มขึ้น
  • โรคภูมิแพ้:บางคนอาจมีอาการแพ้เมล็ดฟักทองทำให้เกิดอาการแพ้ได้ อาการอาจแตกต่างกันตั้งแต่มีอาการคันเล็กน้อยและบวมไปจนถึงปฏิกิริยารุนแรง เช่น หายใจลำบาก
  • ปริมาณกรดไฟติก:เมล็ดฟักทองมีกรดไฟติกซึ่งถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ กรดไฟติกอาจลดการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น เหล็กและสังกะสี การคั่วหรือแช่เมล็ดสามารถช่วยลดปริมาณกรดไฟติกและปรับปรุงการดูดซึมแร่ธาตุได้
  • ปัญหาทางเดินอาหารที่อาจเกิดขึ้น:บางคนอาจรู้สึกไม่สบายทางเดินอาหารเมื่อบริโภคเมล็ดฟักทองในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไวต่ออาหารที่มีเส้นใยสูง
  • ปริมาณออกซาเลต:เมล็ดฟักทองมีออกซาเลตซึ่งสามารถตกผลึกในร่างกายและอาจนำไปสู่นิ่วในไตสำหรับบุคคลที่อ่อนแอต่อภาวะนี้
โซเดียมสูงในเมล็ดคั่ว:เมล็ดฟักทองที่เตรียมในเชิงพาณิชย์หรือคั่วอาจมีการเติมเกลือ ส่งผลให้มีปริมาณโซเดียมสูง ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณโซเดียม

ประเด็นสำคัญ

เมล็ดฟักทองมีสารอาหารสูงและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังสูงรวมอยู่ด้วย การรับประทานเมล็ดฟักทองจะช่วยแก้ปัญหาโภชนาการบกพร่องได้และอาจช่วยป้องกันการเกิดปัญหาเรื่องสุขภาพที่หลากหลายได้ ในความเป็นจริง เมล็ดฟักทองแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยทำให้สุขภาพของหัวใจ ระดับน้ำตาลในเลือด ระบบการสืบพันธุ์ และคุณภาพการนอนดีขึ้น ยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งมากมาย  เพิ่มเติมคือเมล็ดฟักทองมีสารอาหารที่อาจช่วยเรื่องประโยชน์ด้านสุขภาพ เช่นช่วยเพิ่มพลังงาน อารมณ์และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น สิ่งที่ดีคือเมล็ดฟักทองนั้นง่ายในการนำไปรับประทาน และส่งผลที่ดีมากมาย 

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/303864
  • https://www.medicinenet.com/how_much_pumpkin_seeds_should_i_eat_per_day/article.htm
  • https://www.webmd.com/diet/health-benefits-pumpkin-seeds
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด