ยาออเฟเนดรีน (Orphenadrine) – วิธีใช้ และผลข้างเคียง

ยา Orphenadrine คือยาอะไร

ปริมาณการใช้ยา Orphenadrine

การใช้ยา Orphenadrine

• อ่านฉลากยาและคำเตือนให้ละเอียดก่อนใช้ยาและทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
• ควรใช้ยาตามปริมาณและเวลาที่แพทย์แนะนำ
• หากลืมใช้ยา Orphenadrine ตามเวลาที่กำหนด ให้ใช้ยาทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้ถึงเวลาใช้ยาในรอบถัดไป ให้ทานยาในเวลาของรอบถัดไปและห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
• สำหรับยา Orphenadrine ในรูปแบบยาเม็ดผสมกับยาพาราเซตามอล ห้ามบด หัก หรือเคี้ยวยาชนิดเม็ด แต่ควรกลืนยาทั้งเม็ด
• ควรพักผ่อนให้เพียงพอและทำกายภาพบำบัดควบคู่กับการใช้ยา หรือการใช้ยาแก้ปวดอื่น ๆ ร่วมด้วย
• ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากใช้ยา Orphenadrine เกินกว่ากำหนด
• ควรเก็บยาไว้ให้พ้นจากสายตาผู้อื่น เพราะการขายหรือให้ยา Orphenadrine กับผู้อื่นโดยไม่ผ่านแพทย์เป็นเรื่องผิดกฎหมายในบางประเทศ
• เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรให้ยาถูกความร้อนและความชื้น และปิดฝาบรรจุภัณฑ์ให้สนิททุกครั้งหลังใช้ยา

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Orphenadrine

• รู้สึก ปากแห้ง คอแห้ง ซึ่งเป็นผลมาจากฤทธิ์ต้านฮีสตามีน
• รู้สึกง่วงนอน และตอบสนองช้า ซึ่งเป็นผลมาจากกดระบบประสาท
• ปัสสาวะคั่ง ปัสสาวะลำบากหรือมีอาการเจ็บขณะปัสสาวะร่วมด้วย ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ค่อยออกแล้วปวดท้อง ท้องผูก ตามัว ซึ่งเป็นผลมาจากฤทธิ์ต้านโคลิเนอร์จิก
• ผลของฤทธิ์ต่อหัวใจอาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วมีอาการทรุดลง
• วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
• หากallergy-0094/”>แพ้ยา จะมีอาการหายใจลำบาก ลมพิษ หน้าบวม คอบวม ลิ้นบวม และริมฝีปากบวม
• วิตกกังวล กระสับกระส่าย เห็นภาพหลอน ใจสั่น 
• อาเจียน
• ปวดศีรษะ

ข้อควรระวังในการใช้ยา Orphenadrine          

• ไม่ควรใช้ยา Orphenadrine ในผู้ป่วยที่เป็นมีอาการหลอดอาหารบีบตัวผิดปกติ กระเพาะหรือลำไส้อุดตัน เป็นโรคต้อหิน กล้ามเนื้ออ่อนแรง  ต่อมลูกหมากโต พอร์ไฟเรีย(Porphyria)
• ไม่ควรใช้ยาในเด็ก สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
• ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่สูง หรือใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเป็นพิษต่อตับ ไต และไขกระดูก
• ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากผู้ป่วยพบอาการผิดปกติใด ๆ เพิ่มเติม
• บุคคลที่เป็นโรคต้อหิน: Orphenadrine อาจทำให้อาการของโรคต้อหินแย่ลงได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากความดันภายในลูกตาเพิ่มขึ้น เนื่องจากยาอาจทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น ผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต้อหินควรหลีกเลี่ยง Orphenadrine เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและทำให้สภาพดวงตาแย่ลง
• ผู้ป่วยที่เป็นโรค Myasthenia Gravis: Myasthenia Gravis เป็นโรคทางประสาทและกล้ามเนื้อที่มีลักษณะกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเหนื่อยล้า Orphenadrine อาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น ทำให้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia gravis) ยาอาจรบกวนการส่งผ่านของประสาทและกล้ามเนื้อ อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่เกี่ยวข้องกับภาวะนี้แย่ลง
• ผู้ที่มีภาวะปัสสาวะไม่ออก: Orphenadrine สามารถมีฤทธิ์ต้านโคลิเนอร์จิค รวมถึงผลกระทบต่อระบบทางเดินปัสสาวะ บุคคลที่มีประวัติการเก็บปัสสาวะหรือปัญหาทางเดินปัสสาวะอื่น ๆ ควรใช้ความระมัดระวังเมื่อพิจารณาใช้ยา Orphenadrine เนื่องจากอาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นโดยทำให้การทำงานของกระเพาะปัสสาวะปกติแย่ลงไปอีก
• ผู้ที่มีความบกพร่องทางตับหรือไตอย่างรุนแรง: ผู้ป่วยที่มีตับหรือไตบกพร่องอย่างรุนแรงอาจประสบปัญหาในการเผาผลาญและกำจัด Orphenadrine ออกจากระบบ ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมของยาและเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับบุคคลที่มีการทำงานของตับหรือไตที่ถูกบุกรุกควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้ Orphenadrine
• สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ความปลอดภัยของยา Orphenadrine ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง และความเสี่ยงที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์หรือทารกที่ให้นมบุตรยังไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนัก สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้ Orphenadrine
• สรุป: Orphenadrine อาจเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการจัดการอาการกระตุกของกล้ามเนื้อและความเจ็บปวด แต่ไม่เหมาะสำหรับทุกคน บุคคลที่มีอาการป่วยเฉพาะ เช่น โรคต้อหิน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัสสาวะไม่ออก และตับหรือไตบกพร่องอย่างรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงยา Orphenadrine เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่นเดียวกับยาอื่นๆ บุคคลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนเริ่มใช้ยา Orphenadrine เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นทางเลือกการรักษาที่ปลอดภัยและเหมาะสมสำหรับสถานการณ์สุขภาพเฉพาะของตนเอง