ประโยชน์ของการจูบ (Kiss Health Benefits)

จูบคืออะไร และดีอย่างไร

การจูบเป็นเรื่องธรรมดาในวัฒนธรรมตะวันตกที่สามารถจะจูบกันที่ไหนก็เป็นเรื่องปกติ การจูบของตะวันตกนั้นสามารถทำได้กับคนในครอบครัวเพื่อแสดงความรัก หรืออาจจะเป็นการจูบดูดดื่มกับคู่รักเช่นกัน เพราะการจูบแม้กับคนในครอบครัวและเพื่อนก็มีประโยชน์มากมาย ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้การจูบกันมีค่าอย่างยิ่ง นี่คือข้อบ่งชี้ทางวิทยาศาสตร์

1. ช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข

การจูบกระตุ้นให้สมองปลดปล่อยสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดี เสมือนจุดประกายความสุขขึ้นที่สมอง โดยมีฮอร์โมนอย่างออกซิโทซิน โดปามีน และเซโรโทนินซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มเอมใจ และกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกรักใคร่ผูกพัน นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) ได้

2. สร้างความรู้สึกผูกพันกับอีกฝ่าย

ออกซิโตซินเป็นฮอร์เมนเกี่ยวข้องกับการสร้างสายใยความผูกพัน การที่ฮอร์โมนออกซิโตซินหลั่งออกมาในขณะที่กำลังจูบ จึงช่วยสร้างให้เกิดความรู้สึกรักใคร่ และผูกพัน การจูบคู่รักสามารถเพิ่มความพึงพอใจในความสัมพันธ์ และอาจส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้ความสัมพันธ์ยืนยาว

3. ผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมต่อความนับถือตนเอง

นอกจากฮอร์โมนความสุขจะเพิ่มขึ้นจากการจูบแล้ว ยังช่วยลดระดับคอร์ติซอลที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าได้อีกด้วย  แม้ว่าจะยังไม่มีผลค้นคว้าที่แน่ชัด แต่การที่คอร์ติซอลลดลงชั่วคราวในขณะที่จูบก็นับว่าเป็นวิธีที่ดีที่ช่วยให้ผ่านพ้นเรื่องแย่ ๆ นี้ไปได้

4. ช่วยลดความเครียด

เมื่อกล่าวคอร์ติซอล การจูบนั้นสามารถลดระดับคอร์ติซอล และความเครียดได้ การจูบและการสื่อสารด้วยความรัก เช่น การกอด และคำพูดว่า“ ฉันรักคุณ” ส่งผลต่อกระบวนการทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการรับมือกับความเครียด

5. ช่วยลดความวิตกกังวล

การจัดการกับความเครียดนั้นรวมถึงการจัดการกับความเครียด และความวิตกกังวลต่าง ๆ ซึ่งไม่มีวิธีใดเหมือนกับการจูบ และความเสน่หาที่จะช่วยให้เกิดความสงบได้ ออกซิโตซินช่วยลดความหวาดวิตก และสร้างความผ่อนคลาย และสุขภาพที่ดีKiss Health Benefits

6. ช่วยการขายตัวของหลอดเลือด ซึ่งจะลดความดันโลหิตลงได้

การจูบช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ในรูปแบบที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว โดย Andrea Demirjian ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Kissing” ได้อธิบายการจูบไว้ว่าคือทุกสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับความสุขซึ่งหอมหวานที่สุดในชีวิต” เมื่อหลอดเลือดขยายตัว การไหลเวียนของเลือดจะเพิ่มขึ้น ทำให้ความดันโลหิตลดลงทันที หมายความว่าการจูบดีต่อหัวใจอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงในนิยามเปรียบเทียบ 

7. ช่วยบรรเทาอาการตะคริว

ผลของการขยายหลอดเลือด ที่ทำให้การไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นจะช่วยบรรเทาอาการตะคริวได้ – ช่วยเพิ่มฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดี และบรรเทาอาการปวดตะคริวได้  บางครั้งการทำให้ใจสั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และอาจจะคุ้มค่า

8. บรรเทาอาการปวดหัว

“อย่างพึ่งที่รัก คืนนี้ฉันปวดหัว” คำแก้ตัวควรยกเลิกไป เพราะการจูบสามารถขยายหลอดเลือดและความดันโลหิตลดลงได้ จึงสามารถบรรเทาอาการปวดหัวได้ การจูบจึงช่วยป้องกันอาการปวดหัวได้ด้วยการลดความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวส่วนมาก

9. เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การแลกเปลี่ยนน้ำลายกันสามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ เป็นการสัมผัสกับเชื้อโรคใหม่ ๆ ที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย งานวิจัยในปี 2559 พบว่าคู่รักที่จูบกันมักจะแบ่งปันไมโครไบโอต้าในน้ำลายและที่ลิ้นระหว่างกัน

10. ลดอาการภูมิแพ้

การจูบแสดงให้เห็นว่าสามารถบรรเทาอาการลมพิษ และอาการภูมิแพ้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับละอองเรณูและไรฝุ่นได้  ความเครียดมักทำให้อาการภูมิแพ้แย่ลง ดังนั้นการจูบที่ลดความเครียดจึงสามารถลดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน

11. การจูบแบบดูดดื่มกับระดับคอเลสเตอรอลที่ดีขึ้น

การศึกษาในปี 2552 พบว่าคู่รักที่จูบแบบโรแมนติกกันบ่อย ๆ จะมีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดดีขึ้น การตรวจระดับคอเลสเตอรอลสามารถลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ รวมทั้งโรคหัวใจ และหลอดเลือดได้

12. ช่วยป้องกันฟันผุ เนื่องจากเพิ่มการผลิตน้ำลาย

การจูบช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายได้ จึงเพิ่มการผลิตน้ำลาย  น้ำลายช่วยหล่อลื่นปากเวลากลืนอาหาร และช่วยป้องกันเศษอาหารไม่ให้ติดฟัน จึงสามารถป้องกันฟันผุ และแมงกินฟันได้

13. เครื่องมือวัดความมั่นคง ความเข้ากันของคู่รักที่โรแมนติก

งานวิจัยในปี 2556  พบว่าการจูบจะช่วยให้คุณสามารถประเมินความพึงพอใจในคู่ครองได้อย่างมีศักยภาพ ผลการสำรวจผู้หญิงกับความรู้สึกในจูบแรก ที่มักตัดสินว่าจะสานสัมพันธ์ หรือหยุดความสัมพันธ์นั้น จากแรงดึงดูดที่มีระหว่างกัน

14. การจูบระหว่างคู่รักที่โรแมนติก สามารถเพิ่มแรงขับทางเพศได้

การจูบกันระหว่างคู่รักทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และมักเป็นแรงผลักดันสำหรับผู้หญิงในการเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์กับใครสักคน น้ำลายยังกระตุ้นฮอร์โมนในเพศชาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทต่อการปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศ ยิ่งจูบกันนานและเร่าร้อนมากขึ้นเท่าไหร่ ฮอร์โมนทางเพศนี้ก็จะยิ่งหลั่งออกมามากขึ้นเท่านั้น

15. การจูบมาก ๆ จะช่วยกระชับและปรับคุณภาพกล้ามเนื้อใบหน้าได้มากขึ้น

การจูบสัมพันธ์กับกล้ามเนื้อใบหน้า 2 ถึง 34 ส่วน การจูบบ่อย ๆ จะทำให้เกิดการใช้กล้ามเนื้อเหล่านี้เป็นประจำ เสมือนกับได้ออกกำลังกายสำหรับใบหน้า และลำคอได้ จึงควรที่จะชอบทำบ่อยๆ! วิธีนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อใบหน้าเต่งตึงขึ้น การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้ายังช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนที่มีส่วนช่วยให้ผิวกระชับ และดูอ่อนเยาว์

16. เผาผลาญแคลอรี่ได้ดี

การใช้กล้ามเนื้อใบหน้าบ่อย ๆ ยังเผาผลาญแคลอรี่ ผู้ที่จูบกันสามารถเผาผลาญพลังงานได้ตั้งแต่ 2 ถึง 26 แคลอรี่ต่อนาที ขึ้นกับว่าจูบนั้นเร่าร้อนแค่ไหน นี่อาจไม่ใช่วิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุด สำหรับการลดน้ำหนัก เพราะการออกกำลังกายให้เหงื่อออกต้องอาศัยเครื่องออกกำลังกายเฉพาะ

ข้อควรคำนึงของการจูบ

การจูบเป็นรูปแบบการแสดงความรักทางกายที่พบได้ทั่วไปและใกล้ชิด แต่มีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาและระวังเมื่อพูดถึงการจูบ:
  • ความยินยอม:ความยินยอมเป็นสิ่งสำคัญยิ่งเมื่อพูดถึงการจูบหรือความใกล้ชิดทางกายทุกรูปแบบ ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าทั้งคุณและคู่ของคุณเต็มใจที่จะเข้าร่วม อย่ากดดันหรือบังคับใครให้จูบ
  • สุขอนามัยในช่องปาก:สุขอนามัยช่องปากที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ การแปรงฟัน การใช้น้ำยาบ้วนปาก และการรักษาลมหายใจให้สดชื่นถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคุณและคู่จะได้รับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ
  • สุขภาพช่องปาก:คำนึงถึงสุขภาพช่องปากของตนเอง หากคุณมีการติดเชื้อในช่องปาก เริม หรืออาการอื่นๆ ในช่องปาก คุณควรแจ้งให้คู่รักของคุณทราบเพื่อตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับการจูบ
  • การติดเชื้อ:การจูบสามารถแพร่เชื้อได้ เช่น โรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ โรคโมโนนิวคลีโอซิส (มักเรียกว่า “โรคการจูบ”) และไวรัสเริม (เริม) สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์:แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการจูบจะไม่ใช่วิธีหลักในการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดสามารถแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสทางปากได้ สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารกับคู่ของคุณเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคุณและใช้การป้องกันตามความเหมาะสม
  • ความสบายและขอบเขต:ใส่ใจกับระดับและขอบเขตความสะดวกสบายของคู่ของคุณเสมอ ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสบายใจหรือสนใจในการจูบในระดับเดียวกัน และจำเป็นต้องเคารพความปรารถนาของพวกเขาด้วย
  • สถานที่:คำนึงถึงสถานที่ที่คุณเลือกจูบ การแสดงความรักในที่สาธารณะควรเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการคำนึงถึงคนรอบข้าง
  • การเชื่อมต่อทางอารมณ์:การจูบสามารถสื่อความหมายทางอารมณ์สำหรับคนจำนวนมากได้ สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงผลกระทบทางอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นและสื่อสารอย่างเปิดเผยกับคนรักเกี่ยวกับความตั้งใจและความรู้สึกของคุณ
  • ภาษากาย:ใส่ใจกับภาษากายของคู่ของคุณและสัญญาณที่ไม่ใช่คำพูด หากพวกเขาโน้มตัวเข้ามาเพื่อจูบหรือตอบแทน นั่นเป็นสัญญาณของการยินยอม หากพวกเขาถอยห่างหรือดูไม่สบายใจ สิ่งสำคัญคือต้องเคารพขอบเขตของพวกเขา
  • ความสบายใจส่วนตัว:การจูบเป็นทางเลือกส่วนบุคคล และไม่ใช่ทุกคนจะชอบการจูบ การสื่อสารระดับความสะดวกสบายของคุณกับคู่รักและกำหนดขอบเขตที่เหมาะกับคุณเป็นสิ่งที่ยอมรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • สไตล์การจูบ:ผู้คนต่างมีสไตล์การจูบและความชอบที่แตกต่างกัน สิ่งที่น่าเพลิดเพลินสำหรับคนคนหนึ่งอาจไม่ใช่สำหรับอีกคนก็ได้ การสื่อสารและการปรับตัวเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์การจูบที่ดี
การจูบเป็นรูปแบบการแสดงความรักทางกายที่สวยงามและสนุกสนาน แต่สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงลักษณะทางร่างกาย อารมณ์ และสังคมที่เกี่ยวข้องกับการจูบ การสื่อสารที่ดี ความยินยอม และความเคารพต่อขอบเขตของคุณและคนรักเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประสบการณ์การจูบที่ดี

ใจความสำคัญ

การจูบไม่ว่ากับใครก็สามารถส่งผลดีต่ออารมณ์ และร่างกายของคุณได้ การจูบทำให้ผู้ที่จูบกันรู้สึกดีทั้ง 2 ฝ่าย และสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ได้ทุกรูปแบบ ดังนั้นควรจูบกันบ่อย ๆ เพราะมันช่างดีสำหรับคุณ!

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/sex-relationships/features/kissing-benefits
  • https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/ConditionsAndTreatments/kissing-and-your-health
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด