คนเรากอดกัน (Hugging) เมื่อรู้สึกตื่นเต้น มีความสุข รู้สึกเศร้า หรือเมื่อต้องการปลอบประโลมใจ การกอดคือการปลอบประโลมที่นิยมใช้กันทั่วโลก พบว่าการกอดจะทำให้ผู้คนรู้สึกดีขึ้น และการกอดยังได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขมากขึ้นได้
นักวิทยาศาสตร์กล่าวถึงประโยชน์ของการกอดว่าให้มากกว่าความรู้สึกอบอุ่นที่ผู้คนจะได้รับเมื่อสวมกอดใครสักคนเอาไว้ในอ้อมแขน
ประโยชน์ของการกอด
1. การกอดช่วยลดความเครียดเมื่อเป็นการกอดเพื่อสนับสนุนกันและกัน
เมื่อเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวกำลังเผชิญกับเรื่องที่เจ็บปวดหรือไม่เรื่องราวไม่สบายใจขึ้นในชีวิตให้สวมกอดพวกเขาเอาไว้
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าการสนับสนุนบุคคลอื่นสามารถทำได้โดยการสัมผัสพวกเขาเอาไว้ ซึ่งการสัมผัสจะช่วยลดความเครียดให้กับบุคคลคนนั้นได้ เป็นการปลอบประโลมกัน การกอดยังสามารถลดความเครียดของผู้ที่กำลังต้องการการปลอบโยนได้ดี
จากผลการศึกษาที่น่าเชื่อถือได้ของคู่รักต่างเพศ 20 คู่ พบว่าฝ่ายชายจะรู้สึกถึงไฟฟ้าช็อตโดยไม่คาดฝัน ในระหว่างที่สัมผัสกับผู้หญิง หรือมีโอกาสสวมกอดกับเธอ
นักวิจัยพบว่าองค์ประกอบต่าง ๆ ในสมองของผู้หญิงแต่ละคนล้วนสัมพันธ์กับความเครียด ซึ่งความเครียดจะมีโอกาสลดลงเมื่อได้ทำกิจกรรมในฐานะแม่เพิ่มมากขึ้น การกอดใครสักคนเพื่อปลอบโยนพวกเขานั้น องค์ประกอบต่าง ๆ ในสมองของผู้สวมกอดก็ได้รับการตอบสนองที่คล้ายคลึงกัน
2. การกอดช่วยปกป้องผู้คนจากโรคภัยไข้เจ็บ
เมื่อสามารถลดความเครียดจากการกอดได้ ก็จะช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
การศึกษาผู้ใหญ่ประมาณ 400 คน นักวิจัยพบว่าการกอดอาจลดโอกาสที่ผู้คนจะป่วยได้ ผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่มีองค์ประกอบสนับสนุนอื่น ๆ เพิ่มเติมจะมีโอกาสป่วยลดลง และยิ่งในกรณีของผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ได้รับการสนับสนุนนี้ก็จะมีอาการของโรคลดน้อยกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการสนับสนุนเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเลย
3. การกอดอาจช่วยเพิ่มสุขภาพของหัวใจของคุณ
การกอดจะส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจของผู้คนได้ จากการศึกษาของแหล่งที่เชื่อถือได้ นักวิทยาศาสตร์ได้แบ่งกลุ่มกรณีศึกษาวัยผู้ใหญ่ประมาณ 200 คนออกเป็น 2 กลุ่ม:
กลุ่มแรกเป็นคู่รักโรแมนติกที่จับมือกันเป็นเวลา 10 นาทีและกอดกันเป็นเวลา 20 วินาที
กลุ่มที่ 2 เป็นคู่รักที่ไม่ค่อยโรแมนติกนัก โดยจะนั่งอยู่ด้วยกันเฉย ๆ เป็นเวลา 10 นาที 20 วินาที
พบว่าในกลุ่มแรกระดับความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจจะลดลงดีกว่ากลุ่มที่สอง
การวิจัยนี้ทำให้พบว่าความสัมพันธ์ที่แสดงถึงความรักจะส่งผลดีต่อสุขภาพของหัวใจได้
4. การกอดช่วยทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขเพิ่มมากขึ้น
ออกซิโทซินเป็นสารเคมีในร่างกายของมนุษย์ที่บางครั้งนักวิทยาศาสตร์จะเรียกชื่อว่า “ฮอร์โมนกอด” เนื่องจากระดับของสารนี้จะสูงขึ้นเมื่อคนเราสวมกอด สัมผัส หรือนั่งใกล้ชิดกัน ออกซิโทซินเป็นสารที่สัมพันธ์กับความสุข และลดความเครียดได้
นักวิทยาศาสตร์พบว่าฮอร์โมนนี้มีผลต่อผู้หญิงมากกว่า ออกซิโทซินช่วยลดความดันโลหิตและลดฮอร์โมนแห่งความเครียดนอร์เอพิเนฟริน
การศึกษาอีกหนึ่งกรณีพบว่าประโยชน์ของฮอร์โมนออกซิโทซินนั้นจะยิ่งดีมากขึ้นในกรณีที่ผู้หญิงคนนั้นเมื่อพวกเธอมีความสัมพันธ์กับคนรักที่ดีมาก มีการสวมกอดกับคู่รักอย่างโรแมนติกบ่อย ๆ ผู้หญิงยังเห็นผลที่ดีของฮอร์โมนออกซิโทซินเมื่อพวกเธอได้อุ้มทารกอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
5. การกอดช่วยลดความวิตกกังวลได้
นักวิทยาศาสตร์พบว่าการสัมผัสกันจะช่วยลดความวิตกกังวลให้กับผู้ที่มีความรู้สึกนับถือตนเองต่ำได้ การสัมผัสยังช่วยป้องกันไม่ให้ผู้คนแยกตัวจากสังคม โดยเฉพาะความรู้สึกอยากตายของพวกเขาได้ดี
นักวิทยาศาสตรยังพบว่าการสัมผัสกับสิ่งของที่ไม่มีชีวิตก็สามารถช่วยได้เช่นกัน เช่นในกรณีที่ได้กอดตุ๊กตาหมีผู้กอดก็จะสามารถลดความวิตกกังวลได้เช่นกัน
6. การกอดอาจช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวดได้
งานวิจัยพบการสัมผัสบางรูปแบบสามารถลดความเจ็บปวดให้ลดน้อยลงได้
งานศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคปวดกล้ามเนื้อที่ได้รับการบำบัดด้วยการสัมผัส 6 ครั้ง โดยการรักษาแต่ละครั้งเกี่ยวข้องกับการบำบัดด้วยแสงบนผิวหนัง ผู้เข้าร่วมทำการทดลองจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และอาการเจ็บปวดจากโรคจะลดลง
การกอดก็เป็นรูปแบบการสัมผัสอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถลดความเจ็บปวดได้
7. การกอดช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
การสื่อสารของมนุษย์ส่วนมากคือการพูดจาหรือแสดงสีหน้าท่าทาง การสัมผัสจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญเมื่อผู้คนต้องการส่งข้อความถึงกันได้
นักวิทยาศาสตร์พบว่าคนแปลกหน้าสามารถแสดงอารมณ์ที่หลากหลายต่อบุคคลอื่นได้ เมื่อสัมผัสส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีการแสดงอารมณ์บางอย่างออกมา ทั้งความโกรธ ความกลัว ความรังเกียจ ความรัก ความกตัญญู ความสุข ความเศร้า และความเห็นอกเห็นใจได้
การกอดคือการสัมผัสที่อ่อนโยน และปฏิสัมพันธ์กันได้
คนเราควรกอดกันกี่ครั้ง?
นักบำบัดครอบครัว Virginia Satir เคยกล่าวไว้ว่า “คนเราต้องการกอดกันอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน เพื่อการใช้ชีวิตที่ดี การกอดกัน 8 ครั้งต่อวันจะส่งผลดีต่อการรักษาโรค การกอดกัน 12 ครั้งต่อวันจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต” อย่างไรก็ดีพบว่าการกอดกันหลาย ๆ ครั้งจะเป็นการดีต่อสุขภาพมากกว่าการกอดน้อยเกินไป
การกอดกี่ครั้งต่อวันจึงจะส่งผลดีต่อสุขภาพได้? ตามทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์พบว่าการกอดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือการช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุด
น่าเสียดายที่คนตะวันตกส่วนมากในปัจจุบัน เริ่มขาดโอกาสได้สัมผัสกัน ผู้คนหลายคนล้วนใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หรือหลีกหนีความวุ่นวายโดยลดปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการสัมผัส
การใช้ชีวิตในสังคมสมัยใหม่จะผลักดันให้ตนเราไม่กล้าแตะต้องคนอื่นที่ไม่รู้จักกันโดยตรง แม้ส่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์มากมายจากการสัมผัสกับผู้อื่นเพียงเล็กน้อย
หากต้องการรู้สึกดีกับตนเองมากขึ้น ความเครียดลดลง สามารถปรับปรุงปฏิสัมพันธ์ ความสุข และสุขภาพให้ดีขึ้นได้ ให้เริ่มที่การสวมกอดกันให้มากขึ้นก่อน
หากรู้สึกกังวลว่าจะกอดใครให้มากขึ้น ให้ลองเริ่มจากการกอดเพื่อนและสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดก่อน
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าการกอดเป็นประจำกับคนที่ใกล้ชิด แม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถส่งผลดีต่อสมอง และร่างกายได้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็กไม่ได้รับการกอด
การกอดและการแสดงความรักทางกายมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจของเด็ก แม้ว่าผลกระทบเฉพาะของการไม่เคยได้รับการกอดอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเด็ก แต่ก็อาจส่งผลทางอารมณ์ จิตใจ และสังคมที่เกี่ยวข้องกับการขาดความรักใคร่ทางกายและการเลี้ยงดู ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้บางส่วนมีดังนี้:
- การพัฒนาทางอารมณ์:การขาดความรักทางกาย รวมถึงการกอด อาจส่งผลต่อพัฒนาการทางอารมณ์ของเด็กได้ การกอดให้ความรู้สึกปลอดภัย ความสบายใจ และการให้กำลังใจ หากปราศจากการแสดงความรักเหล่านี้ เด็กอาจรู้สึกถูกละเลย ความเหงา หรือความไม่มั่นคง
- ปัญหาความผูกพัน:การกอดและการสัมผัสทางร่างกายมีบทบาทสำคัญในการสร้างความผูกพันที่ปลอดภัยระหว่างเด็กและผู้ดูแล การขาดความรักทางกายอาจนำไปสู่ปัญหาความผูกพัน ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเด็กที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจและดีในอนาคต
- สุขภาพจิต:การขาดความรักทางกายในวัยเด็กอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล อาการซึมเศร้า และความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ การสัมผัสทางกายสามารถช่วยควบคุมอารมณ์และลดความเครียดได้ ส่วนการสัมผัสที่ขาดหายไปอาจเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวทางอารมณ์ได้
- ทักษะในการสื่อสาร:การแสดงความรักทางกาย รวมถึงการกอด เป็นรูปแบบสำคัญของการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูด เด็กที่ไม่มีสัมผัสทางกายภาพอาจมีปัญหาในการทำความเข้าใจและแสดงอารมณ์อย่างมีประสิทธิภาพผ่านสัญญาณที่ไม่ใช่คำพูด
- การพัฒนาสังคม:การกอดและการแสดงความรักใคร่ทางกายเป็นส่วนหนึ่งของปฏิสัมพันธ์ทางสังคมตามปกติ เด็กที่ไม่ได้รับการกอดอาจประสบปัญหาในการบูรณาการทางสังคมและสร้างมิตรภาพ พวกเขาอาจมีปัญหาในการทำความเข้าใจขอบเขตและการติดต่อทางกายภาพที่เหมาะสมในสถานการณ์ทางสังคม
- การเห็นคุณค่าในตนเอง:ความรักทางกายสามารถช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองและความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของเด็กได้ การขาดความรักทางกายอาจส่งผลต่อความรู้สึกไม่เพียงพอและส่งผลเสียต่อความภาคภูมิใจในตนเอง
- การควบคุมความเครียด:การกอดและการสัมผัสทางกายสามารถช่วยให้เด็กๆ ควบคุมความเครียดและความวิตกกังวลได้ หากไม่มีกลไกการรับมือเหล่านี้ เด็กอาจมีปัญหาในการจัดการกับความเครียดและอาจพัฒนาวิธีการรับมือที่ไม่เหมาะสม
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.nbcnews.com/better/pop-culture/health-benefits-hugging-ncna920751
-
https://www.webmd.com/balance/ss/slideshow-health-benefits-cuddling
-
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/25526910/
-
https://www.newscientist.com/article/mg24732944-300-how-to-hug-people-in-a-coronavirus-stricken-world/