ในการตัดเล็บให้สวย อุปกรณ์สองอย่างที่ต้องเตรียมพร้อม คือ
  • กรรไกรตัดเล็บหรือกรรไกรทำเล็บ
  • ตะไบเล็บ

การตัดเล็บด้วยกรรไกรตัดเล็บ

กรรไกรตัดเล็บถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการตกแต่งเล็บ แต่มันก็อาจทำให้เล็บเสียหายได้เช่นกัน  กรรไกรตัดเล็บนั้นบังคับยากและยากต่อการตัดเล็บ แต่ง่ายเมื่อใช้กับมือข้างที่ไม่ถนัดมากกว่ากรรไกร นี่คือวิธีตัดเล็บด้วยกรรไกรตัดเล็บ:
  1. ต้องมั่นใจว่าเล็บทั้งหมดยาวเท่ากัน ใช้เล็บที่สั้นที่สุดเป็นตัววัดความการโตของเล็บ หรือว่าส่วนที่มีสีขาว เพื่อเว้นไว้ตอนที่ตัดเล็บทั้งหมด
  2. ตัดด้านข้างหนึ่งของเล็บแล้วตัดอีกข้างหนึ่ง 
  3. สุดท้ายตัดตรงกลางของเล็บ ถ้าตัดไปทีเดียว จะทำให้เล็บแตกและอาจจะทำให้เกิดแรงดันบนแผ่นเล็บ

ตัดเล็บด้วยกรรไกร

กรรไกรไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ใบมีดของที่ตกแต่งเล็บหรือกรรไกรตัดนั้นปลายที่มีรูปร่างโค้งทำให้ง่ายต่อการตกแต่งทรงเล็บ ตัดเล็บด้วยกรรไกรนี้ให้เริ่มตัดจากด้านข้าง ทำให้เกิดบาดแผลจากการตัดเล็บน้อยกว่ากรรไกรตัดเล็บ ง่ายต่อการควบคุม แม่นยำ เรียบเนียน แต่จะยากเวลาที่ใช้กับมือข้างที่ไม่ถนัด เมื่อใช้กรรไกร ใบมีดจะไม่ได้มีช่องห่างระหว่างกัน เวลาใช้ให้ใบมีดสองอันขัดกัน วิธีการตัดเล็บด้วยกรรไกรมีดังนี้: 
  1. ให้ด้านโค้งของใบมีดอยู่ที่หน้าเล็บและตัดเบา ๆ จากด้านใดด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ตัดให้เรียบ 
  2. ทำให้มั่นใจว่าเวลาที่ตัดเสร็จแล้วเล็บที่ตัดออกไปแล้ว ไม่ต้องฉีกหรือดึงออก
ขอบเล็บจะเรียบเนียนหลังการการตัดด้วยกรรไกร แต่ส่วนมากจะใช้ตะไบเล็บเพื่อเพิ่มความเรียบเนียนและจัดแต่งทรง

การตัดเล็บโดยไม่ใช้กรรไกรตัดเล็บ

คุณสามารถตัดเล็บได้ด้วยการใช้ตะไบเพื่อความเรียบเนียนและแต่งทรงเล็บ สามารถใช้ตัดเล็บได้ในเวลาที่ไม่มีอุปกรณ์ตัดเล็บ เว้นแต่เป็นการตัดเล็บที่ยาวมาก ช่างทำเล็บมืออาชีพส่วนมากจะชอบใช้ตะไบเพื่อตะไบเล็บออกมากกว่าการใช้อุปกรณ์ตัด

เคล็ดลับการใช้ที่ตัดเล็บ

นี่คือเคล็ดลับที่ดีที่สุดเมื่อใช้อุปกรณ์ตัดแต่งเล็บ
  • ใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการตัดเล็บมือโดยเฉพาะ
  • ห้ามใช้อุปกรณ์ที่ใช้ตัดเล็บเท้าตัดเล็บมือ
  • เลือกอุปกรณ์ที่คุณภาพดี อาจจะมีราคาสูงแต่จะลดการเกิดการฉีกของเล็บมากกว่าอุปกรณ์ที่ราคาไม่สูง
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์เป็นประจำด้วยการเช็ดกับน้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำอุ่น เป็นวิธีการลดอัตราการติดเชื้อ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับคนหลายคน
  • เก็บเศษเล็บที่ตัดแล้วทิ้งลงในถังขยะ บางคนก็ตัดเล็บในอ่างอาบน้ำง่ายต่อการเก็บเล็บที่ตัดแล้ว

How to Cut Fingernails

เล็บมือควรยาวเท่าไหร่

ความยาวของเล็บมือมีผลต่อภาพลักษณ์ของบุคคล แต่ก็มีประโยชน์ที่จะทำให้เล็บสั้นไว้ ข้อเปรียบเทียบระหว่างเล็บมือที่ยาวและสั้น มีดังนี้: 
  • ถูกทำลายและแตกหักน้อยกว่า
  • ลดที่อยู่ของสิ่งสกปรกหรือแบคทีเรียที่อาจจะก่อให้เกิดการติดเชื้อ
  • ง่ายต่อการดูแลรักษา
  • ง่ายต่อการพิมพ์และหยิบสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ 
เล็บสามารถตัดให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ ได้หลายรูปทรง รวมถึงวงกลม วงรี สี่เหลี่ยม และทรงอัลมอนด์ เล็บจะแซ็งแรงที่สุดเมื่ออยู่ในรูปทรงวงรีที่เหมือนกับปลายเล็บ ตัดแบบทรงสี่เหลี่ยมง่ายต่อการฉีกหัก

เมื่อไหร่ที่ควรตัดเล็บ

วิธีการตัดเล็บขึ้นอยู่กับเล็บไม่ว่าเล็บนั้นจะเปียกหรือแห้งเมื่อตอนที่ตัด ถ้าตัดหรือตกแต่งเล็บควรตัดเมื่อตอนที่เล็บเปียก ถ้าจะเติมเล็บควรทำตอนเล็บแห้ง

เล็บเปียก

เล็บนิ่มมีโอกาสที่จะเปราะและแตกน้อยน้อยกว่าเมื่อตัดเล็บ เมื่อเล็บดูดซึมน้ำและทำให้เล็บนิ่มที่สุดเวลาที่เปียกน้ำ หลังจากอาบน้ำเป็นเวลาที่ดีในหารตัดเล็บ  แต่การแช่เล็บในน้ำเปล่าหรือน้ำสบู่สักพักก็เป็นวิธีที่ดี ต้องเช็ดน้ำส่วนเกินออกที่ก่อนที่ตัดแต่งเล็บ

เล็บแห้ง

ถ้าจะตัดแต่งเล็บด้วยกับตะไบเล็บเล็บควรแห้ง เล็บนิ่มและเปียกอาจจะทำให้เล็บที่ได้อยู่ในรูปทรงที่ไม่ต้องการ เล็บจะง่ายต่อตะไบเล็บเมื่อเล็บนั้นแห้ง

เราควรตัดเล็บบ่อยแค่ไหน

โดยทั่วไปเล็บมือจะยาวขึ้นประมาณ 2.5 มิลลิเมตรต่อเดือน ถ้าหากเกิดการบาดเจ็บขึ้นที่เล็บ แล้วเล็บหลุดออกจะใช้เวลา 6 เดือนในการยาวขึ้นใหม่ ถ้าต้องการไว้เล็บให้มีความยาวคงที่ ตัดเล็บ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าต้องการไว้เล็บให้ยาวก็ตัดให้น้อยลง ต้องเอาเล็บที่เสียหรือเล็บที่ฉีกออก

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเล็บ

เล็บมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ และสามารถให้ข้อมูลอันมีคุณค่าเกี่ยวกับสุขภาพและรูปแบบการใช้ชีวิตของคุณได้ ข้อเท็จจริงสำคัญบางประการเกี่ยวกับเล็บมีดังนี้:
  1. อัตราการเจริญเติบโต : เล็บโดยทั่วไปจะเติบโตในอัตราเฉลี่ยประมาณ 3 มิลลิเมตร (0.1 นิ้ว) ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ พันธุกรรม และสุขภาพโดยรวม
  2. ส่วนประกอบ : เล็บมือประกอบด้วยโปรตีนที่เรียกว่าเคราตินเป็นหลัก เคราตินยังพบได้ในเส้นผมและชั้นนอกของผิวหนัง
  3. โครงสร้าง : ส่วนที่มองเห็นได้ของเล็บมือเรียกว่าแผ่นเล็บ รากเล็บซึ่งอยู่ใต้หนังกำพร้าคือบริเวณที่เกิดเซลล์เล็บใหม่ เมื่อเซลล์ใหม่เติบโตขึ้น เซลล์เก่าจะถูกผลักไปข้างหน้า แข็งตัว และกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นเล็บ
  4. สีและความโปร่งใส : เล็บที่มีสุขภาพดีมักมีสีชมพู โดยจะมีบริเวณรูปพระจันทร์เสี้ยวสีขาวใกล้กับโคนที่เรียกว่าลูนูลา เล็บมักจะโปร่งแสงเล็กน้อย ทำให้พื้นเล็บมีสีชมพูโผล่ออกมา
  5. รูปแบบการเจริญเติบโตของเล็บ : เล็บบนนิ้วแต่ละนิ้วอาจยาวได้ในอัตราที่แตกต่างกัน และบางคนอาจมีเล็บที่ยาวเร็วกว่าคนอื่นๆ นิ้วกลางมักจะมีเล็บที่โตเร็วที่สุด
  6. สุขภาพเล็บ : สุขภาพเล็บสามารถสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมได้ การเปลี่ยนแปลงสี พื้นผิว หรือความหนาของเล็บอาจบ่งบอกถึงสภาวะทางการแพทย์หรือภาวะขาดสารอาหาร
  7. การดูแลเล็บ : การดูแลเล็บที่เหมาะสมรวมถึงการรักษาความสะอาดและตัดแต่งเล็บ แต่หลีกเลี่ยงการตัดเล็บให้สั้นเกินไปหรือดันหนังกำพร้ามากเกินไป เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
  8. ความผิดปกติของเล็บ : ความผิดปกติของเล็บต่างๆ อาจส่งผลต่อรูปลักษณ์และสุขภาพของเล็บ รวมถึงการติดเชื้อรา เล็บคุด เล็บขบ และโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ หากคุณสงสัยว่าเป็นโรคเล็บ ให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพหรือแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษา
  9. ความชุ่มชื้น : เล็บอาจเปราะได้หากแห้งเกินไป การทามอยเจอร์ไรเซอร์บนเล็บและหนังกำพร้าสามารถช่วยให้เล็บและหนังกำพร้าชุ่มชื้นได้
  10. โภชนาการ : อาหารที่สมดุลด้วยสารอาหารที่เพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีน ไบโอติน และวิตามิน เช่น A และ C เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของเล็บที่แข็งแรง
  11. การป้องกัน : เล็บช่วยปกป้องปลายนิ้วที่บอบบาง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับงานต่างๆ เช่น หยิบของเล็กๆ ได้อีกด้วย
  12. การกัดเล็บ : การกัดเล็บสามารถทำลายเล็บและผิวหนังโดยรอบ ทำให้เกิดการติดเชื้อและปัญหาอื่นๆ การทำลายนิสัยนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพเล็บ
  13. การเจริญเติบโตของเล็บหลังการบาดเจ็บ : หากคุณทำให้เล็บได้รับบาดเจ็บ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าเล็บจะงอกกลับมาสมบูรณ์ อัตราการงอกใหม่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบาดเจ็บ
  14. ลายเล็บและเทรนด์ : หลายๆ คนชอบตกแต่งเล็บด้วยยาทาเล็บ เพ้นท์เล็บ หรือการต่อเล็บเทียม เช่น เล็บอะคริลิกหรือเจล
  15. การป้องกันรังสี UV : เล็บมือจะช่วยปกป้องผิวหนังที่อยู่ด้านล่างจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่เป็นอันตรายจากแสงแดด
โดยรวมแล้ว การดูแลเล็บให้แข็งแรงนั้นเกี่ยวข้องกับสุขอนามัยที่ดี การรับประทานอาหารที่สมดุล และความใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์หรือเนื้อสัมผัสของเล็บที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับเล็บ ลองปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพหรือแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำและประเมินผล  
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด