ประโยชน์ของสับปะรด (Health Benefits of Pineapple)

สรรพคุณของสับประรด

สับปะรด  (Ananas comosus) เป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อและเป็นผลไม้ในเขตร้อน สับปะรดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด สารต้านออกซิเดนและส่วนประกอบอื่นๆ เช่นเอนไซม์ที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อและโรคต่างๆ  สับปะรดและสารอาหารเกี่ยวข้องกับประโยชน์ทางสุขภาพมากมาย ได้แก่ ช่วยย่อยอาหาร กระตุ้นภูมิคุ้มกันและช่วยฟื้นฟูร่างกายจากการผ่าตัดให้หายเร็วขึ้น คุณประโยชน์ที่น่าประทับใจ 8 ประการของสับปะรด มีดังต่อไปนี้ 

1. น้ำสับปะรดอุดมไปด้วยวิตามิน

สับปะรดมีแคลอรี่ต่ำ แต่มีอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิดอย่างไรน่าเชื่อ สับปะรดบด 1 ถ้วย (5.8 ออนซ์หรือ 165 กรัม) ประกอบด้วยสารอาหารดังต่อไปนี้
  • แคลอรี่ 82.5
  • ไขมัน: 1.7 กรัม
  • โปรตีน : 1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต : 21.6 กรัม
  • ไฟเบอร์ : 2.3 กรัม
  • วิตามินซี : 131% ต่อ RDI
  • แมงกานีส : 76% ต่อ RDI
  • วิตามิน B6: 9% ต่อ RDI
  • ทองแดง : 9% ต่อ RDI
  • ไทอามีน : 9% ต่อ RDI
  • โฟเลต: 7% ต่อ RDI
  • โพสแทสเซียม: 5% ต่อ RDI
  • แมกนีเซียม: 5% ต่อ RDI
  • ไนอาซีน : 4% ต่อ RDI
  • กรดแพนโทเทนิก: 4%ต่อ RDI
  • ไรโบเฟลวิน : 3% ต่อ RDI
  • เหล็ก : 3% ต่อ RDI
นอกจากนี้สับปะรดยังมีแร่ธาตุรองที่ร่างกายต้องการเช่น วิตามินเอ และ เค ฟอสฟอรัส สังกะสีและแคลเซียม  สับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินซีและแมกนีเซียม โดยมีปริมาณ 131% และ 76% ตามปริมาณที่ร่างกายควรได้รับทุกวันตามลำดับ  วิตามินซีจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร ในขณะเดียวกันแมงกานีสเป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมีคุณสมบัติช่วยในการเจริญเติบโตและฟื้นฟูกระบวนการเผาผลาญ เพื่อสุขภาพที่ดีและยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

2. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อต่อสู้กับโรค

สับปะรดไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย แต่ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สารต้านอนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ช่วยให้ร่างกายต่อต้านความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ  ภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระหมายถึงภาวะที่มีสารอนุมูอิสระ (free radical) จำนวนมากในร่างกาย โดยสารอนุมูลอิสระเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากับเซลล์ของร่างกายและเป็นสาเหตุทำให้เซลล์ตาย ซึ่งเชื่อมโยงกับการติดเชื้อเรื้อรัง ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและการเกิดโรคร้ายต่างๆ ในสับปะรดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยเฉพาะฟลาวโวนอยด์และกรดฟีนอลิก นอกจากนี้การที่สับปะรดมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จึงทำให้สารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายในร่างกายและเกิดกระบวนการต้านอนุมูลอิสระได้ยาวนานมากขึ้น

3. มีเอนไซม์ที่ทำให้ย่อยอาหารง่ายขึ้น

ในสับปะรดมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหารมีชื่อเรียกว่าเอนไซม์โบรมิเลน โดยมีหน้าที่เช่นเดียวกับเอนไซม์โปรตีเอส ซึ่งทำหน้าที่ทำลายโมเลกุลโปรตีนให้กลายเป็นหน่วยโครงสร้างเช่น กรดอะมิโนและเส้นเปปไทด์ขนาดเล็ก เมื่อโมเลกุลโปรตีนถูกทำลายทำให้โปรตีนถูกดูดซึมผ่านลำไส้เล็กได้ง่ายขึ้น กระบวนการย่อยอาหารที่ง่ายขึ้นนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ไม่มีตับอ่อนหรือเป็นโรคที่ทำให้ตับอ่อนไม่สามารถผลิตเอนไซม์ย่อยอาหารได้เพียงพอHealth Benefits of Pineapple

4. สับปะรดลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการแบ่งเซลล์ที่เติบโตผิดปกติ ซึ่งกระบวนการเกิดโรคนี้มีความเชื่อมโยงกับความไม่สมดุลของสารอนุมูลอิสระและการอักเสบเรื้อรัง สับปะรดประกอบไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลาย ซึ่งช่วยลดความไม่สมดุลของสารอนุมูลอิสระและการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยก่อให้เกิดโรคมะเร็ง สารชนิดหนึ่งที่พบในสับปะรดได้แก่เอนไซม์โบมิเลน ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นเซลล์ที่ตายแล้วในเซลล์มะเร็งบางชนิดและช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น

5. ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ

สับปะรดถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยาในสมัยก่อนหลายศตวรรษ เนื่องจากสับปะรดประกอบไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่หลายชนิด รวมถึงเอนไซม์อย่างเช่นโบมิเลน ซึ่งสารเหล่านี้ช่วยเพิ่มภูมิกันให้กับร่างกายและลดการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยพบว่าโบมิเลนสามารถลดอาการอักเสบได้ จึงเชื่อได้ว่าสับปะรดมีคุณสมบัติต่อต้านการอักเสบและช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น

6. ช่วยบรรเทาข้อต่ออักเสบ

จากงานศึกษาวิจัยในผู้ป่วยโรคข้อกระดูกอักเสบพบว่าการทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของโบเมเลนช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ประสิทธิภาพสูงกว่ายารักษาโรคข้อต่ออักเสบทั่วไปอย่างเช่น ยา Diclofenac นอกจากนี้ในงานวิจัยชิ้นหนึ่งยังได้ทำการวิเคราะห์ความสามารถของเอนไซม์โบเลนที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการข้อต่ออักเสบ โดยเฉพาะในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถทรายได้แน่ชัดว่าเอนไซม์โบเมเลนมีประสิทธิภาพในการรักษาระยะยาวได้หรือไม่ ดังนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาศึกษานานขึ้นก่อนที่จะแนะนำให้ใช้เอนไซม์โบเมเลนเพื่อบรรเทาอาการข้ออักเสบ

7. กินสับปะรดทุกวันช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่าตัดหรือออกกำลังกายอย่างหนัก

การทานสับปะรดอาจช่วยลดระยะเวลาฟื้นฟูแผลผ่าตัดหรือบรรเทาอาหารปวดของกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังกาย เนื่องจากในสับปะรดมีสารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบเช่นเอนไซม์โบเมเลน การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเอนไซม์โบเมเลนช่วยลดอาการอักเสบ บวมฟกช้ำและเจ็บปวดที่มักเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดได้ นอกจากนี้ยังช่วยอาการอักเสบได้อีกด้วย เอนไซม์โปรทีเอสทำหน้าที่คล้ายกับเอนไซม์โบเมเลน เชื่อว่าเอนไซม์เหล่านี้มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายอย่างหนัก มีงานวิจัยหนึ่งได้ทำการทดลองให้ผู้เข้าร่วมทานอาหารเสริมที่มีเอนไซม์โบเมเลนหลังจากออกกำลังกายอย่างหนักบนลู่วิ่ง 45 นาที พบว่าผู้ที่ทานอาหารเสริมมีอาการอักเสบลดลงและร่างกายแข็งแรงขึ้น มีงานวิจัยอื่นๆที่พบว่าโบเมเลนสามารถช่วยทำให้อาการเมื่อยล้าหลังจากออกกำลังกายดีขึ้นได้เช่นกัน 

สับปะรดทำอะไรได้บ้าง

สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานและสามารถใช้ทานร่วมกับอาหารชนิดอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถหาทานได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไปในรูปแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นแบบผลสับปะรดสด กระป๋องหรือแช่แข็ง โดยส่วนมากมักนำสับปะรดมาทำเป็นสมูทตี้ สลัด หรือพิซซ่า รวมถึงอาหารคาว ไม่ว่าจะผัดหรือแกง

หากเรากินสับปะรดมากเกินไป

สับปะรดเป็นผลไม้ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เช่นเดียวกับอาหารอื่นๆ การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลที่ตามมาได้ สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้หากคุณกินสับปะรดมากเกินไป:
  • อาการไม่สบายทางเดินอาหาร:สับปะรดมีเอนไซม์ที่เรียกว่าโบรมีเลน ซึ่งสามารถสลายโปรตีนได้ โบรมีเลนในปริมาณมากอาจทำให้ระบบย่อยอาหารไม่สบาย รวมถึงปวดท้อง ท้องเสีย หรือตะคริว บางคนอาจมีความไวต่อโบรมีเลนมากกว่าคนอื่นๆ
  • สุขภาพช่องปาก:สับปะรดมีความเป็นกรดและมีน้ำตาลตามธรรมชาติ การบริโภคมากเกินไปอาจทำให้เกิดปัญหาทางทันตกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ฟันผุหรือเคลือบฟันกร่อน ขอแนะนำให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือบริโภคสับปะรดในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีอาการเสียวฟันหรือมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาทางทันตกรรม
  • อาการแพ้หรือความไวของโบรมีเลน:แม้ว่าการแพ้สับปะรดจะพบได้ยาก แต่บางคนอาจมีอาการแพ้หรือไวต่อโบรมีเลน ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่ผื่นผิวหนังเล็กน้อยหรือมีอาการคันไปจนถึงอาการรุนแรงมากขึ้น รวมถึงหายใจลำบากหรือภูมิแพ้
  • ปริมาณน้ำตาลสูง:สับปะรดมีน้ำตาลธรรมชาติ โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปของฟรุกโตส การบริโภคสับปะรดในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ได้รับน้ำตาลเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และปัญหาสุขภาพอื่นๆ หากไม่สมดุลกับการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและรูปแบบการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉง
  • กรดไหลย้อน (GERD):ความเป็นกรดในสับปะรดสามารถกระตุ้นหรือทำให้อาการกรดไหลย้อนรุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริโภคในปริมาณมาก ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนอาจต้องการระมัดระวังการกินอาหารที่เป็นกรดมากเกินไป
  • ความไม่สมดุลของสารอาหาร:แม้ว่าสับปะรดจะเป็นแหล่งวิตามินซีและสารอาหารอื่นๆ ที่ดี แต่การบริโภคมากเกินไปอาจรบกวนความสมดุลของสารอาหารในอาหารของคุณได้ อาหารที่หลากหลายและสมดุลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพโดยรวม
  • ปริมาณเส้นใย:สับปะรดเป็นแหล่งใยอาหารที่ดีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการย่อยอาหาร อย่างไรก็ตาม หากคุณบริโภคไฟเบอร์มากเกินไปในคราวเดียว อาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด มีแก๊สในท้อง หรือท้องร่วงได้
สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าการรับประทานสับปะรดในปริมาณปานกลางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลโดยทั่วไปจะปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สับปะรดเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี เพื่อป้องกันผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคมากเกินไป ขอแนะนำให้ควบคุมอาหารให้พอประมาณและรวมผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในอาหารของคุณเพื่อให้แน่ใจว่ารับประทานอาหารได้อย่างครบถ้วนและมีคุณค่าทางโภชนาการ  

บทสรุป

สับปะรดเป็นผลไม้ที่อร่อย มีแคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ เนื่องด้วยสารอาหารและส่วนประกอบต่างๆในสับประรดมีความเกี่ยวข้องกับการให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ได้แก่ทำให้การย่อยดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น บรรเทาอาการข้อต่ออักเสบและช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากการผ่านตัดและออกกำลังกายอย่างหนัก นอกจากนี้สับปะรดยังมีประโยชน์หลายอย่างและสามารถนำมารับประทานได้หลากหลายวิธี

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/276903
  • https://www.webmd.com/food-recipes/benefits-pineapple
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด