กราโนล่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ (Health Benefits of Granola) 

กราโนล่า (Granonal) เป็นเครื่องโรยหน้าอาหารเช้าหรือของว่างที่เป็นที่นิยมมาก กรุบกรอบ หวาน และอร่อย มันรสชาติดี และดีต่อตัวคุณด้วย มีวิธีการกินให้อร่อยหลายวิธี โรยบนโยเกิร์ต บนไอศครีม ผสมกับนม หรือเทน้ำร้อนลงไปเป็นอาหารบำรุงให้อบอุ่นในวันหนาวเหน็บ หากคุณจะทำกราโนล่าเอง เลือกใช้ส่วนผสมได้มากมาย เช่น:
  • ข้าวโอ๊ต
  • อัลมอนด์
  • วอลนัท
  • เมล็ดเจีย
  • เมล็ดแฟล็กซ์
  • วานิลา
  • น้ำหวานเมเปิล
  • เกล็ดมะพร้าว
  • ผลไม้แห้ง
  • เมล็ดทานตะวัน
ผลดีต่อสุขภาพนั้นแตกต่างไปตามส่วนผสม แต่อาหารเช้าที่เป็นที่รักชนิดนี้ทำให้สุขภาพดีและอร่อยด้วย ดีต่อสุขภาพ  ส่วนประกอบต่างๆในกราโนล่านั้นเต็มไปด้วยไฟเบอร์ (ใยอาหาร)และไขมันชนิดดี ทำให้กราโนล่าเป็นอาหารที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหาร และนี่เป็นผลของการกินกราโนล่าต่อสุขภาพของคุณ

ลดน้ำหนัก 

กราโนล่าประกอบด้วยอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่นข้าวโอ๊ต ธัญพืชเต็มเมล็ด ทำให้อิ่มและอิ่มนาน การกินอาหารไฟเบอร์สูงช่วยลดน้ำหนักได้

ป้องกันโรค 

ผลไม้แห้งและถั่วต่างๆมี antioxidants เช่น วิตามินอี ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และยังป้องกันความเสียหายของเซลล์ซึ่งทำให้เกิดโรคร้ายแรงเช่นมะเร็ง

ปรับความดันโลหิต

อาหารบางชนิด เช่น เมล็ดแฟล็กซ์ ผลไม้และธัญพืชเต็มเมล็ด สามารถลดความดันโลหิตสูงได้ การเปลี่ยนอาหารและการดำเนินชีวิตเช่นกินอาหารที่เต็มไปด้วยธัญพืชเต็มเมล็ดและผัก อาจลดจำนวนยาที่ต้องกินได้ Health Benefits of Granola

ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 

ข้าวโอ๊ตมีสารที่ชื่อ เบต้ากลูแคนซึ่งช่วยลดระดับ low-density lipoproteins (LDL) หรือไขมันร้ายได้ ไขมันร้ายจะทำให้เส้นเลือดอุดตัน และนำไปสู่โรคหัวใจหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ธัญพืชเต็มเมล็ดที่เป็นส่วนประกอบของกราโนล่าเช่นควีนัว หรือ teff มีกรดอะมิโนที่สำคัญและโปรตีน

ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ธัญพืชเต็มเมล็ดและผลไม้แห้งมีใยอาหาร การกินใยอาหารให้มากขึ้นจะช่วยลดอัตราการย่อยน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต ป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้พุ่งสูงเกินไป

ช่วยเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร

ธัญพืชในกราโนล่ามี prebiotic fiber ซึ่งเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีในทางเดินอาหาร เมื่อเทียบกับซีเรียลที่ทำจากธัญพืชขัดสี

สารอาหาร

กราโนล่ามีโปรตีนและสารอาหารจำเป็นเช่น ธาตุเหล็ก วิตามินดี โฟเลตและสังกะสี ในมื้อหนึ่งมีปริมาณตั้งแต่1/4 ถ้วยจนถึงเต็มถ้วยตวง ขี้นกับชนิดและยี่ห้อที่คุณเลือก กราโนล่ายังเป็นแหล่งของยอดสารอาหารดังนี้
  • วิตามินบี
  • วิตามินซี
  • วิตามินอี
  • ฟอสฟอรัส
  • โพแทสเซียม
  • แคลเซียม
สารอาหารต่อหนึ่งที่ นี่คือตัวอย่างของสารอาหารสำหรับกราโนล่าไขมันต่ำ ผสมลูกเกดตรา Quaker® ¾ ถ้วย
  • แคลอรี่: 213
  • ไขมัน: 3 กรัม
  • โคเลสเตอรอล: 1 มิลลิกรัม
  • น้ำตาล: 14 กรัม
  • ใยอาหาร: 5 กรัม
  • โปรตีน: 5 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 44 กรัม
  • วิตามินเอ: 0 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี: 0 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม: 400 มิลลิกรัม
  • เหล็ก: 1.6 มิลลิกรัม
ปริมาณที่ควรกินแต่ละครั้ง กราโนล่าประกอบด้วยผลไม้แห้งซึ่งมีน้ำตาลสูง และถั่วที่มีไขมันสูงเช่นอัลมอนด์หรือวอลนัท หากกินมากเกินไป อาจมีปัญหาสุขภาพหรือได้แคลอรี่มากเกินไป อ่านฉลากก่อนซื้อและตรวจสอบแคลอรี่ น้ำตาล และปริมาณไขมัน มองหายี่ห้อที่มีธัญพืช ข้าวโอ๊ต เมล็ดพืชและผลไม้แห้งเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงยี่ห้อที่เพิ่มสารให้ความหวานหรือน้ำผึ้ง มีทางเลือกคือผสมกราโนล่าเอง การควบคุมปริมาณเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงแคลอรี่ที่มากเกิน หากวัดปริมาณกราโนล่าแต่ละมื้อได้จะดีมาก เพราะจะได้ไม่กินมากเกินไป

การทำกราโนล่า

กราโนล่าทำไว้ล่วงหน้าได้และเตรียมได้ง่าย และนี่คือวิธีกินกราโนล่า

  • เทกราโนล่าลงในถ้วย
  • เทนมหรือน้ำร้อนลงไป แล้วแต่ว่าอยากกินแบบร้อนหรือเย็น
  • โรยบนโยเกิร์ต
  • แบ่งใส่ถุงเล็กๆพกไปและหยิบกินได้ง่าย
คุณทำกราโนล่าเองได้ และยังหลีกเลี่ยงไขมันและน้ำตาลส่วนเกิน ซึ่งมักพบในยี่ห้อที่ขายในร้านอีกด้วย

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด