ยาคลินดามัยซิน (Clindamycin) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
คลินดามัยซิน

คลินดามัยซิน (Clindamycin) คืออะไร

คลินดามัยซิน (Clindamycin) คือ ยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในร่างกาย นิยมใช้เพื่อรักษาสิวอักเสบ ผิวหนังอักเสบ ภาวะติดเชื้อในข้อต่อกระดูก ภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ การติดเชื้อในช่องปาก ช่องท้อง หรือรักษาแบคทีเรียบริเวณช่องคลอด นอกจากใช้เป็นยารักษาโดยตรงแล้ว ยังสามารถใช้ควบคู่กับยาปฏิชีวนะตัวอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา

สรรพคุณของยาคลินดามัยซิน (Clindamycin)

ยาคลินดามัยซินมีสรรพคุณรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อ) ชนิดหนึ่งที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Clindamycin ยาสำหรับรักษาภาวะติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น แต่ไม่ออกฤทธิ์ต่อการติดเชื้อไวรัส หากไม่ควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะให้ดี อาจเป็นสาเหตุของอาการดื้อยาในอนาคตได้

วิธีการใช้ยา Clindamycin

  • การรับประทาน ยาคลินดามัยซินต้องใช้ตามที่แพทย์กำหนดเท่านั้น และปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด ห้ามปรับปริมาณยาเอง เมื่อรับประทานยาแล้ว ให้ดื่มน้ำตามประมาณ 1 แก้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองคอ การตวงปริมาณยาที่อยู่ในรูปแบบน้ำให้ใช้ไซริงค์ ช้อนตวงยา หรือถ้วยตวงยาสำหรับยาน้ำโดยเฉพาะ
  • การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ยาคลินดามัยซินบางครั้งสามารถใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือหลอดเลือดดำได้ ซึ่งผู้ฉีดต้องมีความรู้ความเข้าใจในวิธีการฉีดยาที่ถูกต้อง เข็มฉีดยา หลอดฉีด หรืออุปกรณ์อื่นสำหรับฉีดยาที่ผ่านการใช้งานแล้ว ต้องถูกกำจัดอย่างเหมาะสม
  • การใช้ในรูปแบบเจลและโฟม (มีคลินดามัยซินเป็นส่วนผสม 1%) หรือที่เรียกว่า Clinda m ด้วยคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดี จึงเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ บริเวณหัวสิวจะมีจุดสีขาวเล็ก ๆ หรือที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง ซึ่งเชื้อแบคทีเรีย P.Acne คือตัวการที่เปลี่ยนชั้นไขมันใต้ผิวหนังให้อักเสบ บวม เมื่อเม็ดเลือดขาวเข้ามาจัดการกับเชื้อแบคทีเรีย ก็จะเกิดเป็นหนอง  และก้อนปูดขึ้นมากลายเป็นเนินน้อย ๆ บนผิว ซึ่งหากอักเสบไม่มาก ก็สามารถยุบหายได้เอง แต่หากอาการรุนแรง บวมมากก็ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อคลินด้าเอ็มมาช่วยรักษา

Clindamycin

ข้อควรระวังในการใช้ยา Clindamycin

กรณีผู้ใช้เคยมีอาการแพ้ยา Clindamycin ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนรับยานี้ ตัวยาอาจไม่ใข่สาเหตุของการแพ้โดยตรง แต่เป็นส่วนประกอบอื่น ๆ ได้ จึงควรปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลแนะนำการใช้งาน กรณีมีอาการของโรคตับ โรคไต  โรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร/ลำไส้ (อาทิ ลำไส้อักเสบ ท้องเสียจากเชื้อแบคทีเรีย)  มีอาการภูมิแพ้ (เช่น หอบหืด ผื่นที่ผิวหนัง) ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา Clindamycin ผลกระทบของยา Clindamycin กับประสิทธิภาพของวัคซีนที่ทำจากแบคทีเรียเชื้อเป็นบางชนิด (เช่น ไทฟอยด์วัคซีน) ดังนั้นไม่ควรฉีดวัคซีนในระหว่างที่มีการใช้ยานี้  ยกเว้นกรณีที่แพทย์สั่ง ผลกระทบต่อการผ่าตัด จึงควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าผู้ป่วยกำลังใช้ยานี้อยู่ กรณีของผู้สูงอายุมักมีผลข้างเคียง โดยทำให้เกิดอาการท้องเสียเรื้อรังได้ ในหญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตรตัวยาอาจผ่านไปยังทารกได้ จึงต้องแจ้งแพทย์ทราบก่อนรับยา กรณีใช้เพื่อการรักษาสิว ไม่ควรใช้คลินดาเอ็มกับสิวแบบ สิวผด สิวเสี้ยน สิวหิน เพราะจะไม่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว และยังส่งผลให้ผิวบริเวณนั้น ๆ เกิดอาการดื้อยาได้ และทำให้การรักษาสิวยากขึ้นได้

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Clindamycin

เมื่อใช้ยาคลินดามัยซิน แล้วเกิดอาการแพ้ยา เช่น ผื่นขึ้น หายใจติดขัด หน้าบวม หรืออาการอื่น ๆ ตามที่จะระบุต่อไปนี้ ให้ใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

ใครที่ไม่ควรใช้ Clindamycin

คลินดามัยซินเป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ แม้ว่าโดยทั่วไปจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับบุคคลจำนวนมาก แต่ก็มีสถานการณ์และเงื่อนไขบางประการที่การใช้ยาคลินดามัยซินอาจมีข้อห้ามหรือต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บุคคลที่จัดอยู่ในประเภทต่อไปนี้ควรใช้ความระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการใช้คลินดามัยซิน:
  • ปฏิกิริยาการแพ้:
      • บุคคลที่ทราบว่าแพ้คลินดามัยซินหรือลินโคมัยซิน ไม่ควรใช้คลินดามัยซิน ปฏิกิริยาการแพ้อาจมีตั้งแต่ผื่นผิวหนังเล็กน้อยไปจนถึงปฏิกิริยารุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • ประวัติความเป็นมาของภาวะระบบทางเดินอาหาร:
      • การใช้คลินดามัยซินมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดอาการลำไส้ใหญ่บวมชนิดรุนแรงที่เรียกว่า Clostridium difficile-associated อาการท้องร่วง (CDAD) บุคคลที่มีประวัติเกี่ยวกับภาวะระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะอาการลำไส้ใหญ่บวมอักเสบ ควรใช้คลินดามัยซินด้วยความระมัดระวัง และควรตัดสินใจโดยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
  • ความผิดปกติของตับ:
      • บุคคลที่เป็นโรคตับอย่างรุนแรงหรือทำงานผิดปกติอาจจำเป็นต้องใช้คลินดามัยซินด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากยาจะถูกเผาผลาญในตับ อาจจำเป็นต้องมีการติดตามการทำงานของตับอย่างใกล้ชิด
  • ความผิดปกติของไต:
      • คลินดามัยซินถูกขับออกทางไต บุคคลที่มีความผิดปกติของไตอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือการรักษาทางเลือกอื่น การติดตามการทำงานของไตเป็นสิ่งสำคัญในกรณีเช่นนี้
  • โรคหอบหืดหรือภูมิแพ้รุนแรง:
      • บุคคลที่มีประวัติโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้รุนแรงอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อคลินดามัยซิน แนะนำให้มีการติดตามอย่างใกล้ชิดและการดูแลทางการแพทย์
  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร:
      • ความปลอดภัยของคลินดามัยซินในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพก่อนใช้ยาคลินดามัยซิน และควรพิจารณาความเสี่ยงและผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
  • เด็ก:
      • อาจใช้คลินดามัยซินในเด็กได้ แต่ควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาและการติดตามอย่างระมัดระวัง
  • ผู้สูงอายุ:
      • ผู้สูงอายุอาจมีความไวต่อผลข้างเคียงบางอย่างของคลินดามัยซินมากกว่า และอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาตามปัจจัยต่างๆ เช่น การทำงานของไตและตับ
  • ใช้ร่วมกับตัวแทนการปิดกั้นประสาทและกล้ามเนื้อ:
    • คลินดามัยซินอาจเพิ่มผลของสารปิดกั้นประสาทและกล้ามเนื้อซึ่งนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าทางเดินหายใจ ข้อควรระวังเมื่อใช้ clindamycin ร่วมกับสารดังกล่าว
เช่นเดียวกับยาอื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องแจ้งแพทย์ทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ รวมถึงสภาวะสุขภาพที่มีอยู่ อาการแพ้ หรือยาที่คุณกำลังใช้อยู่ ข้อมูลนี้จะช่วยพิจารณาว่าคลินดามัยซินเป็นตัวเลือกการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสถานการณ์เฉพาะของคุณหรือไม่ ใช้คลินดามัยซินเสมอภายใต้การดูแลและใบสั่งยาของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีคุณสมบัติ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a603021.html
  • https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements/Clindamycin-topical-route/proper-use/drg-20063064
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด