แสบตา (Burning Eyes) : แสบตาคืออะไร สาเหตุ การรักษา

อาการแสบตา (Burning Eyes) คืออาการระคายเคืองและมีอาการแสบคันและบวมแดงบริเวณดวงตาร่วมด้วย    ในขณะที่เมื่อเกิดอาการ ผู้ป่วยสามารถไปร้านขายยาเพื่อหายาหยอดตา หรือครีมทาเพื่อลดอาการระคายเคืองรอบดวงตา แต่รู้หรือไม่ว่าคุณสามารถบรรเทาอาการแสบตาได้เองที่บ้านด้วยเช่นกันด้วยวิธีธรรมชาติ Burning Eyes

การรักษาอาการแสบตา

อาการแสบตาอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถลืมตา หรือมองเห็นภาพต่าง ๆ ได้ตามปกติ แต่คุณสามารถปฎิบัติตามคำแนะนำนี้ได้เองเบื้องต้นเพื่อบรรเทาอาการแสบตา:
  • ล้างเปลือกตาด้วยน้ำอุ่น สามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองออกจากดวงตา ลดการอักเสบ 
  • ใช้ลูกประคบอุ่นปิดตาสักสองสามนาทีวันละหลาย ๆ ครั้ง หรืออาจจะเป็นผ้าก๊อตหรือสำลี
  • ผสมแชมพูเด็กเล็กน้อยกับน้ำอุ่น จุ่มสำลีลงในน้ำแล้วใช้ทำความสะอาดโคนขนตา  วิธีนี้จะคลายการอุดตันของต่อมน้ำมันและลดการอักเสบ
  • ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตา เนื่องจากตาแห้งอาจทำให้เกิดอาการแสบแสบร้อนและระคายเคือง
  • งดการใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือชั่วคราวจนกว่าอาการจะดีขึ้น
  • สวมใส่แว่นตาเพื่อปกป้องดวงตาจากแสงแดดและลม
  • รับประทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3  เพื่อบรรเทาอาการตาแห้งและแสบร้อน  เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากะตักและปลาซาร์ดีน คุณยังสามารถได้รับโอเมก้า 3 จากเมล็ดแฟลกซ์ได้หากคุณเป็นมังสวิรัติ  
  • ใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศบรรเทาอาการตาแห้ง
  • ใช้แตงกวาแปะบริเวณดวงตาเพื่อลดอาการอักเสบบวมและแสบร้อน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแสบตา

สาเหตุที่อาจทำให้แสบร้อนหรือแสบ ได้แก่ :

เปลือกตาอักเสบ

เปลือกตาอักเสบ ต่อมน้ำมันอุดตันที่โคนขนตาอาจทำให้เกิดอาการนี้ได้ อาการอื่น ๆ ที่วสมารถเกิดขึ้นได้พร้อมกัน คือ น้ำตาไหล คันเปลือกตา  ดวงตาไวต่อแสง ขนตาร่วง  เปลือกตาอักเสบไม่ใช่โรคติดต่อแต่สามารถเป็นอาการเรื้อรังได้

ตาแห้ง

ตาแห้งทำให้เกิดอาการแสบร้อน ตาแดง ไวต่อแสง มีเยื่อเมือกรอบดวงตา และทำให้ดวงตารู้สึกอ่อนล้า ตาแห้งอาจทำให้การสวมใส่คอนแทคเลนส์เป็นไปได้ยากและก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้น มีปัจจัยหลายอย่างที่สามารถทำให้ตาแห้งได้ รวมไปถึงการสัมผัสกับฝุ่น ควัน และลม แพ้อากาศ การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป รวมถึงหรือการทานยาต้านฮีสตามีนยาลดอาการชักหรือยากล่อมประสาทจะส่งผลข้างเคียงให้มีอาการตาแห้งเช่นกัน   

โรคภูมิแพ้ขึ้นตา

โรคภูมิแพ้ขึ้นตาสามารถก่อให้เกิดอาการแสบตาได้ และนอกจากนี้ ควันและฝุ่นเป็นปัจจัยเร้าก่อให้เกิดอาการแพ้ ทำให้ดวงตารู้สึกไม่สบาย รวมไปถึงอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก ไอและเจ็บคอ  

การเผาไหม้ของกระจกตา Snow blindness (Photokeratitis)

การที่ดวงสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากดวงอาทิตย์มากเกินไปอาจทำให้ดวงตาของคุณถูกแดดเผาได้ สิ่งนี้สามารถทำให้เกิดการแสบตา ตาแดง ดวงตาไวต่อแสง ปวดศีรษะ ตาพร่าและสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว

โรคโรซาเซียที่ตา

โรคโรซาเซียที่ตาทำให้เกิดการอักเสบรอบดวงตาพร้อมกับอาการแสบ คันตารวมไปถึงตาแดง แสบรอบดวงตา   โรคโรซาเซียที่ตาสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีภาวะผิวหนังrosacea-0085/”>rosacea-0085/”>rosacea-0085/”>rosacea-0085/”>rosacea-0085/”>rosacea-0085/”>โรซาเซีย 

ต้อเนื้อ

ต้อเนื้อ บางครั้งแพร่กระจายไปยังกระจกตาและรบกวนการมองเห็น ทำให้มีอาการแสบตา น้ำตาไหล ไปจนถึงความรู้สึกของสิ่งแปลกปลอมในดวงตา อาการนี้สามารถผ่าตัดต้อเนื้อออกไปได้แต่สามารถกลับมาเป็นได้อีก

ตาแดง

ตาแดงคือการอักเสบของเยื่อบุตา โรคตาแดงเป็นภาวะติดต่อที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย หรือบางครั้งสามารถเกิดขึ้นเนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ได้ ส่งผลให้เกิดอาการแสบแดง

ตาล้า

หากดวงตาของคุณมีอาการแสบจากจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างเกินไปอาจทำให้ปวดตาได้ อาการอื่น ๆ ได้แก่ การมองเห็นภาพซ้อน น้ำตาไหล ตาแห้งและดวงตาไวต่อแสง นอกจากนี้ยังสามารถเกิดอาการปวดตาได้หลังจากขับรถเป็นระยะทางไกลและหลังจากสัมผัสกับอากาศแห้ง

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อมีอาการแสบตา

อาการแสบตาอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปวดตา ตาแห้ง ภูมิแพ้ หรือปัญหาสุขภาพ ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเพื่อช่วยบรรเทาและป้องกันอาการแสบตา:

สิ่งที่ควรทำ:

  • พักสายตา:พักสายตาเป็นประจำหากคุณทำกิจกรรมที่ทำให้ดวงตาของคุณล้า เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ อ่านหนังสือ หรือดูหน้าจอ ปฏิบัติตามกฎ 20-20-20: ทุก ๆ 20 นาที มองสิ่งที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุตเป็นเวลา 20 วินาที
  • กระพริบตาบ่อยๆ:การกะพริบช่วยให้ดวงตาของคุณชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ตาแห้ง
  • ใช้น้ำตาเทียม:หากคุณรู้สึกตาแห้ง การใช้ยาหยอดตาหล่อลื่นที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สามารถช่วยบรรเทาอาการได้
  • ปรับการตั้งค่าหน้าจอ:หากคุณใช้เวลาอยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ให้ปรับความสว่าง คอนทราสต์ และขนาดตัวอักษรเพื่อลดอาการปวดตา
  • ทำให้สภาพแวดล้อมมีความชื้น:อากาศภายในอาคารที่แห้งอาจทำให้ตาแห้งได้ ใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อรักษาระดับความชื้นในห้องให้สบาย
  • ถอดคอนแทคเลนส์:หากคุณใส่คอนแทคเลนส์ ให้ถอดคอนแทคเลนส์ออกเมื่อรู้สึกไม่สบายตา และปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์เพื่อการสวมใส่และการดูแลที่เหมาะสม
  • ปกป้องดวงตาของคุณเมื่ออยู่กลางแจ้ง:สวมแว่นกันแดดที่มีการป้องกันรังสียูวีเพื่อป้องกันดวงตาของคุณจากรังสีที่เป็นอันตรายของดวงอาทิตย์ และลดการระคายเคืองจากลมและฝุ่นละออง

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ขยี้ตา:การขยี้ตาอาจทำให้การระคายเคืองแย่ลงและอาจทำให้แบคทีเรียที่เป็นอันตรายเข้าสู่ดวงตาได้
  • ใช้ยาหยอดตามากเกินไป:แม้ว่าน้ำตาเทียมจะมีประโยชน์ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้มากเกินไป เพราะอาจนำไปสู่การพึ่งพาและอาจไม่สามารถระบุสาเหตุของปัญหาได้
  • สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้:หากคุณมีอาการแพ้ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น ละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่น สะเก็ดผิวหนังของสัตว์เลี้ยง ฯลฯ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองตามากขึ้น
  • เพิกเฉยต่ออาการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง:หากดวงตาของคุณยังคงแสบร้อนหรือหากคุณพบอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาเพื่อรับการประเมินที่เหมาะสม
  • ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับดวงตาที่หมดอายุแล้ว:ตรวจสอบวันหมดอายุของยาหยอดตาและผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตาอื่นๆ และหลีกเลี่ยงการใช้หากผลิตภัณฑ์เหล่านั้นล้าสมัย
หากดวงตาที่แสบร้อนของคุณยังคงอยู่หรือมีอาการรุนแรงอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ตาแดง น้ำตาไหลมากเกินไป ไวต่อแสง หรือการมองเห็นเปลี่ยนไป จำเป็นต้องไปพบแพทย์ทันทีเพื่อขจัดปัญหาดวงตาที่ร้ายแรง ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาสามารถให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องและแนะนำการรักษาที่เหมาะสมได้

บทสรุป

อาการแสบตาอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตา แต่วิธีการรักษาแบบธรรมชาติหลายวิธีสามารถช่วยบรรเทาอาการแสบและทำให้อาการแสบหายไปได้อย่างรวดเร็ว แต่หากอาการรุนแรงไม่สามารถบรรเทาอาการให้หายเองได้ ควรไปพบแพทย์

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/321739
  • https://www.webmd.com/eye-health/eye-irritation
  • https://health.clevelandclinic.org/why-do-my-eyes-burn-and-water-suddenly-for-no-apparent-reason/

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด