8 วิธีในการเพิ่มระดับไอคิว (8 Ways to Increase Your IQ Levels)

คุณเคยนึกสงสัยบ้างไหมว่าระดับไอคิวของเราสามารถสร้างเสริมได้หรือไม่ คำตอบที่ได้คือ มีความเป็นไปได้ในการเพิ่มพูนความเฉลียวฉลาดได้ด้วยวิธีวิธีการฝึกสติปัญญาด้วยวิธีที่ถูกต้อง จากการศึกษาพบว่ามีหลากหลายวิธีในการพัฒนาทักษะที่สำคัญส่วนใหญ่ที่ผลต่อความเฉลียวฉลาดของมนุษย์ได้ ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกิจกรรมบางอย่างที่สามารถเสริมสร้างไอคิวให้คุณ รวมไปถึงวิธีลางอย่างในการทำให้ไอคิวของทารกในระหว่างตั้งครรภ์ดีขึ้นได้ด้วย

ระดับไอคิวคืออะไร 

ไอคิว เป็นคำย่อของคำว่าความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา คือการวัดความฉลาดทางปัญญาและศักยภาพ การวัดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักต่อคนทั่วไปเมื่อยุค 1900 โดยนักวิตวิทยาชาวฝรั่งเศลที่ชื่อว่า Alfred Binet         ไอคิวคือ การวัดโดยใช้แบบทดสอบไอคิวมาตรฐานที่ดำเนินการโดยนักจิตวิทยาที่ได้รับการรับรองและในบางท่านอาจได้รับการฝึกฝนด้านสุขภาพจิตในระดับบัณฑิตศึกษา การทดสอบระดับความฉลาดทางเชาว์ปัญญาตามแบบมาตรฐานคืการทดสอบดังต่อไปนี้:
  • Wechsler Intelligence Scale for Children (WISC-V) คือการทดสอบเชาวน์ปัญญาที่กำหนดไอคิวหรือเชาวน์ปัญญาของเด็กแต่ละคน
  • Wechsler Intelligence Scale for Adults (WAIS) คือการทดสอบเพื่อวัดเชาวน์ปัญญาในผู้ใหญ่และวัยรุ่น
  • Stanford-Binet Intelligence Scale คือการทดสอบเชาว์ปัญญาสแตนฟอร์ด-บิเนต์
ถึงแม้จะมีการทดสอบให้เห็นมากมายตามออนไลน์หรือในแอปก็ตาม แต่ค่าการวัดที่ได้นั้นไม่ใช่ค่าไอคิวแม่นยำถูกต้องเหมือนกับบททดสอบที่ได้ดำเนินการจากนักจิตวิทยา และการตรวจวัดไอคิวคือทางเดียวในการวัดความฉลาดทางปัญญา แต่ไม่ใช่เพียงเพื่อวัดให้รู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การตรวจวัดระดับไอคิวสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นขั้นแรกในการวินิจฉัยโรคทางจิตและการเรียนรู้บกพร่องได้ด้วย อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: ประโยชน์ของน้ำมันปลาได้ที่นี่

กิจกรรมที่สามารถเสริมสร้างไอคิว

ความฉลาดทางปัญญาของมนุษย์แบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆคือ ความฉลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดและความฉลาดที่เกิดมาจากการฝึกฝนและประสบการณ์ ความฉลาดที่ติดตัวมาแต่กำเนิดคือเป็นส่วนเชื่อมโยงกับเหตุผลที่เป็นเชิงนามธรรม ในขณะที่ความฉลาดที่เกิดจากการฝึกฝนจะเกี่ยวโยงกับการพัฒนาทักษะทางด้านปัญญา ตามข้อมูลของ National Library of Medicine พบว่าชนิดของความฉลาดทางปัญญาสามารถมีอิทธิพลมาจากยีนแลพปัจจัยสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมไปถึง:
  • ไอคิวของพ่อแม่
  • ยีน
  • ชีวิตครอบครัว
  • รูปแบบการเลี้ยงดูจากพ่อแม่
  • โภชนาการ
  • การศึกษา
ต่อไปนี้คือกิจกรรมที่สามารถทำให้ความฉลาดทางปัญญาดีขึ้นได้ ทั้งด้านเหตุและผล และการวางแผนการแก้ปัญญาและอื่นๆ

1. กิจกรรมทางด้านความจำ

กิจกรรมทางด้านความจำไม่เพียงแต่จะช่วยด้านความจำเท่านั้นแต่ยังช่วยเรื่องเหตุและปล รวมถึงทักษะด้านภาษา เกมส์ความจำที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาการวิจัยเผยให้เห็นว่าความจำส่งผลต่อเรื่องของภาษาและความรู้ที่เกิดจากเหตุผล ทั้งด้านเหตุผลและภาษาถูกนำมาใช้ในการวัดความฉลาดทางปัญญา ซึ่งนั่นหมายความว่ากิจกรรมทางด้านความจำสามารถพัฒนาความฉลาดทางปัญญาได้อย่างต่อเนื่อง กิจกรรมทางด้านฝึกความจำรวมไปถึง:
  • การต่อจิกซอว์
  • การเล่นปริศนาไขว้คำ
  • การ์ดเกมส์ฝึกสมาธิหรือการ์ดจับคู่
  • ซูโดกุ

2. กิจกรรมเพื่อควบคุมความสามารถสมองส่วนหน้า

การควบคุมความสามารถของสมองส่วนหน้าคือความสามารถในการควบคุมการทำงานด้านความคิดความเข้าใจแบบซับซ้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถของกระบวนการทางความคิดในสมองส่วนหน้า ซึ่งรวมไปถึงเรื่องการจัดการและการควบคุม จากการศึกษาพบว่าความสามารถของกระบวนการทางความคิดคือสิ่งที่ผูกกันมาอย่างแน่นหนากับความฉลาดที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เป็นหนึ่งในลักษณะของความฉลาดของมนุษย์ การทำกิจกรรมที่เป็นการฝึกฝนการควบคุมความสามารถของสมองส่วนหน้าคือ:
  • การเล่นสแคร็บเบิล
  • การเล่นพิกชันนารี
  • เกมส์ไฟแดงไฟเขียว
  • เกมส์ brain teasers

3. กิจกรรมเพื่อทักษะทางด้าน

ทักษะทางด้านมิติสัมพันธ์นั้นรวมไปถึงกระบวนการทางจิตที่ส่งผลต่อทางร่างกาย จากการศึกษาพบว่าการทำให้ทักษะทางด้านมิติสัมพันธ์ดีขึ้นจะช่วยเพิ่มคะแนนการวัดไอคิวได้ จากการศึกษานี้เอง การทำกิจกรรมในการควบคุมการคิดและความจำเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถช่วยให้ทักษะทางด้านมิติสัมพันธ์บางอย่างดีขึ้น กิจกรรมที่รวมไปถึงการฝึกใช้สายตาและเรื่องระยะคือ:
  • เกมส์เขาวงกตmazes
  • point-of-view activities
  • ต่อโมเดลสามมิติ3-D models
  • เกมส์ unfolded prisms

เกมส์ไอคิวและการทดสอบออนไลน์

มีหลายต่อหลายเกมส์และมีหลายกิจกรรมตามรายการข้างต้นก็สามารถหาเล่นตามออนไลน์ได้เช่นกัน อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะบกพร่องทางสติปัญญาได้ที่นี่

4. ทักษะเชิงสัมพันธ์

ทฤษฎีกรอบสัมพันธ์มีส่วนในการพัฒนาการเรื่องการคิดการเข้าใจและด้านภาษา จากการศึกษาพบว่าการใช้ทฤษฎีกรอบสัมพันธ์สามารถทำให้คะแนนไอคิวในเด็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กิจกรรมที่ช่วยฝึกด้านเชิงสัมพันธ์นี้คือ:
  • หนังสือเพื่อการเรียนรู้ด้านภาษา (เช่น สิ่งนี้คือ… สิ่งนั้นคือ…)
  • การเปรียบเทียบวัตุสิ่งของ(แก้วเต็มกับแก้วว่างเปล่า)
  • การเปรียบเทียบจำนวน

5. เครื่องดนตรี

คุณอาจไม่ได้เป็นนัดดนตรีชื่อดังคนถัดไปจากการเรียนรู้ผ่านเครื่องดนตรีก็จริง แต่จากการศึกษาพบว่าเหล่านักดนตรีจะมีการทำงานด้านความจำได้ดีกว่าคนที่ไม่ใช่นักดนตรี

6. ภาษาใหม่

คุณจะแปลกใจไหมหากรับรู้ว่าคนมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกใช้ภาษาได้สองภาษา ดังนั้นจึวไม่ต้องนึกสงสัยเลนว่าการได้เรียนรู้หลายๆภาษานั้นมีประโยชน์ต่อสมองของมนุษย์-ยิ่งเร็วมากเท่าไรยิ่งดีมากเท่านั้น จากการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ได้ค้นพบความเกี่ยวโยงกันระหว่างการเรียนรู้ภาษาตั้งแต่ในระยะต้นๆของชีวิตและเรื่องไอคิว ผลที่ได้ระบุว่าการเรียนรู้ภาษาผ่านการพูดคุยและมีปฏิกิริยาตอบสนองในช่วงวัย 18 ถึง 24 เดือนคือช่วงที่เป็นประโยชน์อย่างมากที่สุดสำหรับผลการเข้าใจและเรียนรู้ในช่วงปลายของชีวิต 8 Ways to Increase Your IQ Levels

7. การอ่านบ่อยๆ

คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าหนังสือคือสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาการกระบวนการคิดการเข้าใจของมนุษย์ ประโยชน์ที่ได้จากการพัศนาการนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้นไปอีกเมื่อหนังสือได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมสานสัมพันธ์ของพ่อแม่และเด็ก จากการศึกษาพบว่าเมื่อพ่อแม่อ่านหนังสือออกเสียงดังให้เด็กฟัง เด็กจะมีการพัฒนาทักษะด้านภาษาและกระบวนการคิดการเข้าใจดีขึ้น

8. จงเรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การศีกษาในทุกๆรูปแบบคือสิ่งที่สำคัญเป็นรากฐานของการพัฒนาความฉลาดของมนุษย์ จากการศึกษาด้านไอคิวและการศึกษาหาความรู้ในคนมากกว่า 600,000 คนเพื่อประเมินดูผลที่ได้จากการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องระดับไอคิว พบว่าทุกๆปีที่ได้รับการเรียนรู้เพิ่มเติม คนๆนั้นสามารถเพิ่มคะแนนไอคิงได้ปีละ 5 คะแนน

กิจกรรมที่ไม่เสริมสร้างระดับไอคิว

กระนั้นเองก็พบว่ามีบางกิจกรรมที่คุณมักสนุกไปกับมันในทุกๆวันที่คิดว่าอาจช่วยยกคะแนนไอคิวให้สูงขึ้น แต่กลับพบว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นคือ
  • การรับประทานอาหารเสริม
  • การฟังเพลง
  • การฝึกในทำแบบทดสอบไอคิว
กิจกรรมเหล่านี้ส่งผลพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อช่วยทำให้ความเฉลียวฉลาดดีขึ้นได้น้อยมาก แท้จริงแล้วการทำให้คะแนนไอคิวดีขึ้นนั้นคือคุณควรใส่ใจกับกิจกรรมที่สอนทักษะสมองที่ส่งผลต่อความฉลาดที่มีมาแต่กำเนิดและที่เกิดมาจากการฝึกฝนและประสบการณ์

เราสามารถเพิ่มไอคิวให้ลูกน้อยในระหว่างการตั้งครรภ์หรือไม่?

น้ำหนักตัวแรกเกิดของทารกอาจมีบทบาทที่สำคัญในเรื่องความฉลาด จากการศึกษาเรื่องความเฉลียวฉลาดในผู้เข้าทดลองมากกว่า 4,500 คนในอายุ 19 28และ 50 ปี พบว่าสติปัญญาเพิ่มมากขึ้นตามน้ำหนักตัวแรกเกิด  ไม่เพียงแค่เรื่องของน้ำหนักตัวแรกเกิดเท่านั้นที่ส่งผลต่อระดับของสติปัญญา จากการศึกษาพบว่าระดับของค่าดัชนีมวลกาย (BMI) กลับมีค่าผกผันกันในเรื่องของไอคิวในเด็ก และจากการศึกษาที่ได้ถูกตีพิมพ์ใน Child Psychology and Psychiatry พบว่าทั้งเรื่องของยีนและสิ่งแวดล้อมล้วนส่งผลต่อไอคิวของเด็ก จากการศึกษาพบว่าไอคิวของมารดามีส่วนต่อไอคิวของลูกได้ในการตั้งครรภ์ทุกรูปแบบ ซึ่งมีผลมาจากยีนและมาจากการอบรมเลี้ยงดู ดังนั้นค่า  BMI คือการวัดสถานะสุขภาพที่ล้าหลัง เรื่องของโภชนาการและการออกกำลังกายบ่อยๆก็สามารถช่วยทำให้สุขภาพโดยรวมทั้งแม่และเด็กดีขึ้นได้  เพิ่มเติมกว่านั้นคือสารอาหารบางชนิด เช่นดีเอชเอและโฟเลต คือสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์ สารอาหารดังกล่าวนี้นั้นสามารถเพิ่มเติมได้ด้วยการรับประทานโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและอาหารเสริม สุดท้ายนี้เมื่อเด็กเติบโตขึ้น การทำกิจกรรมที่หลากหลายสามารถช่วยพัฒนาสมองและสติปัญญา

ประเด็นสำคัญ

กระนั้นเองเราก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเราสามารถเพิ่มไอคิวได้หรือไม่ จากการศึกษาดูเหมือนจะเพียงแค่แนะนำการยกสติปัญญาด้วยการทำกิจกรรมฝึกสมองบางชนิด การฝึกฝนด้วนความจำ การควบคุมความสามารถของสมองส่วนหน้าและทักษะทางด้านมิติสัมพันธ์สามารถช่วยเสริมสร้างระดับสติปัญญาได้ วิธีที่ดีที่สุดในการฝึกกับส่วนของสมองคือการทำกิจกรรมและเล่นเกมส์ เรียนรู้ทักษะใหม่ๆและให้สมองทำงานอยู่เสมอ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด