วิธีรักษารอยสิวที่ดีที่สุด (How to Reduce Acne Scars)

ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
วิธีรักษารอยสิวที่ดีที่สุด

รอยสิว

สิวนอกจากจะสร้างความหงุดหงิดพอสมควรแล้ว ยังทิ้งรอยสิวเอาไว้อีก ข่าวดีคือรอยสิวสามารถรักษาได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้คุณจะไม่มีสิวเลยและพึ่งมี จนเกิดเป็นรอยสิวขึ้น  บางการรักษารอยสิวที่จะกล่าวต่อไปไม่สามารถรักษาได้ด้วยยารักษาสิวทั่วๆไป การอักเสบที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการเกิดสิวที่จะไปลดประสิทธิภาพในการรักษาลง

การลดรอยสิว

รอยแผลเป็นจะก่อตัวขึ้นเมื่อสิวเกิดลึกลงไปในผิวหนัง และทำลายเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างใต้นั้น ก่อนที่จะเริ่มรักษารอยสิว สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ ชนิดของสิวที่เป็น โดยสิวแต่ละชนิดตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกันไป และบางการรักษาอาจจะเหมาะกับสิวชนิดที่จำเพาะ

รอยหลุมสิว (Atrophic / Depressed Scars)

รอยหลุมสิว (Atrophic scars) มักพักได้ทั่วไปบนใบหน้า โดยรอยสิวชนิดดังกล่าวจะเกิดลึกลงใปรอบๆบริเวณผิวหนัง มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีคอลลาเจนในร่างกายไม่เพียงพอขณะการฟื้นหายของแผล รอยหลุมสิวมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน:

วิธีรักษารอยสิวด้วย Boxcar

เป็นรอยสิวหลุมที่มีขนาดกว้าง ลักษณะเป็นรูปตัวยู (U-Shaped Scars) มีทั้งหลุมตื้นและหลุมลึก ยังดีที่ว่ารอยสิวชนิดนี้ตอบสนองการรักษาด้วยการทำทรีทเมนต์ผลัดผิว

รอยสิวหายด้วย Ice Pick

เป็นรอยสิวที่มีขนาดไม่กว้าง ลักษณะเป็นรูปตัววี (V-Shaped Scars) ที่สามารถฝั่งลึกลงไปใต้ผิวหนัง โดยดูจากภายนอกเหมือนจะเป็นรอยสิวกลมๆเล็กๆ เหมือนรอยแผลเป็นอีสุกอีใส แต่รอยสิวชนิดนี้ยากแก่การรักษา เนื่องจากรอยสิวหยั่งลึกเป็นวงกว้างใต้ชั้นผิวหนัง

แก้รอยสิวด้วย Rolling

รอยสิวหลุมชนิดนนี้มีขนาดกว้าง โดยทั่วไปมีลักษณะขอบมนเหมือนลูกกลิ้ง

รอยสิวชนิดรอยนูน (Hypertrophic / Raised Scars)

เป็นรอยสิวที่พบมากที่สุดของสิวบริเวณหน้าอกและหลัง โดยมีลักษณะนูนขึ้นมาจากผิวหนัง สาเหตุเกิดจากการมีคอลลาเจนมากเกินไปขณะกระบวนการฟื้นหายของแผล

รอยดำจากสิว (Dark Spots)

รอยดำจากสิว เกิดขึ้นภายหลังที่สิวหายไปแล้ว หลงเหลือไว้เพียงรอยดำซึ่งไม่ใช่รอยแผลเป็น โดยรอยอาจมีสีม่วง, สีแดง หรือสีน้ำตาล แต่จะจางหายไปเองภายในเวลาไม่กี่เดือน

การดูแลรักษาที่บ้าน

ก่อนที่จะเริ่มรักษารอยสิว สิ่งสำคัญคือควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเสียก่อน พวกเขาสามารถช่วยประเมิน และหาวิธีรักษารอยสิวที่ดีที่สุดให้แก่คุณ และจะช่วยยืนยันได้ว่ารอยแผลเป็นที่เกิดบนผิวหนังของคุณเกิดจากรอยสิวไม่ได้เกิดจากภาวะอื่นๆ

กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี่ (Alpha Hydroxy Acids)

กรดอัลฟ่าไฮดรอกซี่ (Alpha Hydroxy Acids :AHAs) มักพบในผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อรักษาสิว ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า และป้องกันรูขุมขนอุดตัน นอกจากนี้ AHAs ยังช่วยลดรอยสิวจนไม่สามารถสังเกตได้ AHAs เป็นกรดอ่อนๆที่ออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เป็นรอยดำจากสิว และผิวที่หยาบกร้าน ให้หลุดลอกออกไป เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด การหาซื้อ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี่ (Alpha Hydroxy Acids) 

กรดแลคติก (Lactic Acid)

อย่าวิตกกังวลไปเพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับการออกกำลังกายเลย มีการศึกษาในกลุ่มเล็กๆงานหนึ่งในปีค.ศ.2010 แพทย์ผิวหนังได้ให้กรดแลคติกในการผลัดเซลล์ผิวหนึ่งครั้งทุกสองสัปดาห์เป็นเวลา 3 เดือน ผลปรากฏว่าผิวสัมผัส, ลักษณะ และเม็ดสีผิวดีขึ้น อีกทั้งยังลดรอยดำจากสิวให้แลดูจางลง ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวดังกล่าวมีทั้งแบบขัดผิวโดยตรง, เซรั่ม และขี้ผึ้งที่ผสมกรดแลคติก แต่คุณสามารถใช้น้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ซึ่งเป็นกรดแลคติกตามธรรมชาติมาเจือจางกับโทนเนอร์ หรือครีมลดรอยดำจากสิวได้ เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด การหาซื้อ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดแลคติก (lactic Acid)

เรตินอยด์ (Retinoids)

เรตินอยด์แบบเฉพาะที่ (Topical Retinoids) เป็นการรักษาสิวร่วมกับการทำให้รอยสิวนุ่มลง นอกเหนือจากการเพิ่มการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ผิวสัมผัสดีขึ้น เรตินอยด์ยังช่วยลดรอยดำจากสิว และรอยสิวจนไม่สามารถสังเกตได้ เมื่อไม่นานนี้มีการทบทวนรายงานพบว่า แม้ว่าเรตินอยด์จะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด อย่างไรก็ควรทาครีมกันแดดทุกวันเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยเรตินอยด์ เรตินอยด์มีทั้งในรูปแบบครีม และเซรั่ม หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถกำหนดปริมาณเรตินอยด์ให้มีความเข้มข้นสูงขึ้นสำหรับคุณได้ ทั้งนี้สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารออกฤทธิ์ที่ประกอบไปด้วยเรตินอยด์ได้ เหมาะสำหรับ: รอยหลุมสิว (Atrophic Or Depressed Scars) การหาซื้อ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเรตินอล (Retinol)

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)

มีความเป็นไปได้สูงที่คุณจะเคยใช้กรดซาลิไซลิกในการรักษาสิวในอดีต จากแผ่นแปะมาสู่การรักษารอยดำจากสิว และครีมลดรอยดำจากสิวมาจนถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า นี่เป็นประเภทของผลิตภัณฑ์ที่รักษาสิวในปัจจุบัน กรดซาลิไซลิกจะช่วยในการขจัดรูขุมขน ลดอาการบวม และแดง รวมไปถึงผลัดเซลล์ผิวเมื่อใช้ในการทา กรดซาลิไซลิกได้รับคำแนะนำว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดในการรักษารอยสิว คุณสามารถเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิไซลิกไปในการดูแลผิวของคุณทุกๆวันได้ หรือใช้ในการผลัดเซลล์ผิวนานๆที อาจเห็นผลที่แตกต่างภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากใช้กรดซาลิไซลิก มันอาจทำให้ผิวแห้ง หรือระคายเคืองได้ หากคุณมีผิวที่แพ้ง่ายอาจต้องใช้ผิลตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบดังกล่าวนานๆครั้งหรือใช้เฉพาะจุดที่เกิดรอยสิวเท่านั้น เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด การหาซื้อ: มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)

ครีมกันแดด (Sunscreen)

เป็นเรื่องจริงที่ว่าครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่ต้องใช้เป็นประจำทุกวัน เพราะการเผชิญกับแสงแดดทำให้เกิดรอยดำจนสังเกตได้ เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด การหาซื้อ: ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดHow to Reduce Acne Scars

สถาบันเสริมความงาม

หากดูแลผิวด้วยตนเองที่บ้านแล้วไม่พบความแตกต่างที่เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอาจสามารถช่วยคุณได้ โดยคุณสามารถนัดพบผู้เชี่ยวชาญในสถาบันเสริมความงามต่างๆในการดูแลผิวให้คุณ ซึ่งปัจจุบันก็เป็นที่แพร่หลาย

การกรอผิว (Dermabrasion)

การกรอผิว (Dermabrasion) iเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีประสิทธิภาพ และนิยมใช้รักษารอยสิวบนใบหน้า โดยมีทั้งแบบทำเองที่บ้านเป็นชุดกรอผิวMicrodermabrasion แต่หากไปใช้บริการในสถานเสริมความงามโดยผู้เชี่ยวชาญจะเป็นการกรอผิวที่ลงลึกสู่ชั้นผิวกว่าแบบทำเองที่บ้าน เหมาะสำหรับ: รอยสิวที่ตื้น เช่น รอยสิวชนิด Boxcar หรือ Rolling ถึงแม้ว่าเป็นรอยสิวที่ลึกลงไปก็รักษาได้จนแทบสังเกตไม่ได้

 สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peels)

นี่ไม่ได้เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์มาร์กหน้าในแบบที่คุณชอบรู้สึกผิดเวลาเลือกใช้ สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peel) จะเป็นกรดแก่ที่ใช้ในการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนเพื่อลดรอยสิวให้ตื้นขึ้น สารเคมีบางตัวที่มีฤทธิ์อ่อนๆก็เพียงพอที่สามารถใช้เองที่บ้านได้ แต่ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถให้ส่วนผสมที่แรงกว่าซึ่งมาพร้อมกับผลที่น่าทึ่ง โดยสารเคมีในการผลัดเซลล์ผิวมีหลายประเภทแตกต่างกันไป ทางที่ดีที่สุดปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพในการเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด มักใช้สำหรับรอยสิวที่อยู่ระดับลึกลงไปในชั้นผิว

การผลัดเซลล์ผิวด้วยเลเซอร์ (Laser Resurfacing)

มีความคล้ายกับการใช้สารเคมีในการผลัดเซลล์ผิว และการกรอผิว โดยเลเซอร์จะผลัดเซลล์ที่ชั้นผิวส่วนบน ซึ่งการรักษาดังกล่าวมีความรวดเร็วในการฟื้นหายกว่าการผลัดเซลล์ผิดด้วยวิธีอื่นๆ อย่างไรก็ตามภายหลังการเลเซอร์ ขณะที่รอให้แผลหายดีต้องมีการพันที่พันแผลเอาไว้ อีกทั้งวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ยังมีอาการเห่อของสิวอยู่  และจะไม่เห็นผลในผู้ที่มีสีผิวคล้ำ เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด และผู้ที่มีสีผิวสว่าง

ฟิลเลอร์ (Fillers)

ผู้ให้บริการทางสุขภาพจะใช้ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็มในการเติมร่องรอยสิว และช่วยลดริ้วรอยอื่นๆของผิวด้วย ฟิลเลอร์มีทั้งทำจากคอลลาเจน, ไขมันของคุณเอง หรือฟิลเลอร์ที่ขายกันทั่วไป โดยพวกเขาจะฉีดเข้าไปข้างใต้บริเวณผิวหนังเพื่อช่วยให้เติมร่องลึกให้ตื้นขึ้นและลดรอยหลุมสิว (Depressed Scars)ให้เรียบเนียน ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ก่อนที่จะต้องกลับไปเติมอีกครั้ง แต่บางตัวสามารถอยู่ได้ถาวร เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีรอยสิวชนิด Boxcar หรือ Rolling ในปริมาณไม่มาก

เทคนิกเข็มขนาดเล็ก (Microneedling)

เป็นการรักษาแบบใหม่ที่นำเอาเข็มขนาดเล็กมากลิ้งบนรอยสิว โดยเข็มที่ฝั่งลงไปบนผิวหนังจำนวนหลายเล่มนั้นไม่ได้ทะลุผ่านลงไป เป็นเพียงแค่จิ้มเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีหลักฐานบ่งชี้ว่าการทำ Microneedling ช่วยลดร่องลึกของรอยสิวได้ แต่การรักษาด้วยวิธีดังกล่าวใช้เวลากว่า 9 เดือนกว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลง และข้อมูลจากสถาบันผิวหนังวิทยาแห่งอเมริกา(American Academy of Dermatology) กล่าวว่านอกเหนือจากปัจจัยความกลัวในการทำ Microneedling ถือว่าเป็นการรักษาที่ปลอดภัยซึ่งได้ผลกับทุกสีผิว เหมาะสำหรับ: ลดรอยสิวทุกชนิด 

การฉีดยา (Injections)

มียาที่แตกต่างกันประมาณ 2-3 ตัวที่สามารถฉีดเข้าไปในรอยสิวที่นูนให้อ่อนนุ่มลง ตัวอย่างเช่น คอติโคสเตียรอยและยาเคมีบำบัด อาทิ ฟลูออโรยูราซิล (Fluorouracil :5-FU) และอินเตอร์เฟียรอน (Interferons) การฉีดจะฉีดยาเป็นชุดทุกๆ 2-3 สัปดาห์ เหมาะสำหรับ: รอยสิวที่นูน

การผ่าตัดเล็กในคลินิก

ขั้นแรกจะเริ่มด้วยการนำเอารอยสิวออกก่อน และตกแต่งผิวบริเวณนั้น ซึ่งศัลยแพทย์จะเลือกทำการผ่าตัดเล็กในรอยสิวที่เห็นได้ชัดก่อน ส่วนรอยสิวที่เล็กๆจะปล่อยให้หายเองตามกาลเวลา ผู้ให้บริการทางการแพทย์จะผ่าตัดดึงรอยสิวที่ลึกโดยการคลายเส้นใยด้านล่างให้ตื้นขึ้นจนไม่สามารถสังเกตได้ เรียกการผ่าตัดดังกล่าวว่า Subcision เหมาะสำหรับ: รอยหลุมสิวที่ลึกและนูนขึ้นมา

สิ่งที่ไม่ควรทำ

การลดรอยแผลเป็นจากสิวต้องอาศัยการดูแลผิวที่ดีและการเลือกวิถีชีวิตร่วมกัน เพื่อลดการเกิดรอยแผลเป็นจากสิว จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงนิสัยและการกระทำบางอย่างที่อาจทำให้รอยแผลเป็นแย่ลงได้ นี่คือบางสิ่งที่คุณไม่ควรทำเพื่อลดรอยแผลเป็นจากสิว:
  • อย่าบีบสิว:
      • สาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดแผลเป็นจากสิวคือการบาดเจ็บที่ผิวหนัง การแกะหรือบีบรอยโรคจากสิวอาจเพิ่มการอักเสบ ทำลายผิวหนัง และทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่เด่นชัดมากขึ้น
  • การได้รับแสงแดดมากเกินไป:
      • แสงแดดอาจทำให้รอยแผลเป็นรุนแรงขึ้นและทำให้เกิดรอยดำได้ ใช้ครีมกันแดดในวงกว้างที่มีค่า SPF สูงเสมอเพื่อปกป้องผิวของคุณจากรังสียูวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวของคุณบอบบางมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีเรตินอยด์หรือกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี
  • การละเลยครีมกันแดด:
      • การละเลยการใช้ครีมกันแดดเป็นประจำอาจส่งผลให้เกิดรอยดำและทำให้รอยแผลเป็นจากสิวที่เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 แม้ในวันที่มีเมฆมาก
  • การใช้สครับที่รุนแรง:
      • สครับขัดผิวอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองและทำให้รอยแผลเป็นจากสิวแย่ลงได้ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมอย่างกรดอัลฟ่าไฮดรอกซี (AHA) หรือกรดเบต้าไฮดรอกซี (BHA) แทน
  • ไม่ให้ความชุ่มชื้น:
      • การรักษาผิวให้ชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวม มอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยรักษาเกราะป้องกันผิวและสามารถปรับปรุงเนื้อสัมผัสและลักษณะของรอยแผลเป็นได้ ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื่นและไม่ก่อให้เกิดสิว
  • ละเลยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ:
      • หากคุณมีสิวที่รุนแรงหรือเป็นต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง พวกเขาสามารถให้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ยาตามใบสั่งแพทย์หรือขั้นตอนต่างๆ เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์หรือการลอกผิวด้วยสารเคมี เพื่อจัดการกับสิวและลดรอยแผลเป็น
  • การใช้ผลิตภัณฑ์มากเกินไป:
      • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือทรีตเมนต์หลายชนิดพร้อมกันอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองและทำให้แผลเป็นแย่ลงได้ ค่อยๆ แนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ และหากเกิดการระคายเคือง ให้ลดขนาดหรือหยุดใช้
  • ละเลยสุขภาพโดยรวม:
      • สุขภาพโดยรวมที่ดีมีส่วนช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดี รับประทานอาหารที่สมดุล รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้น และจัดการกับความเครียด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการรักษาของผิวหนัง
  • ไม่ให้เวลาในการรักษา:
    • อดทนกับกระบวนการเยียวยา รอยแผลเป็นจากสิวอาจต้องใช้เวลาในการจางลง และการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยในการปรับปรุงได้ หลีกเลี่ยงการแสวงหาวิธีแก้ไขด่วนที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง
โปรดจำไว้ว่า ผิวของทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสิ่งที่ใช้ได้ผลกับคนคนหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกคนหนึ่ง หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการลดรอยแผลเป็นจากสิว ให้ปรึกษากับแพทย์ผิวหนังที่สามารถประเมินประเภทผิว รอยแผลเป็น และให้คำแนะนำเฉพาะบุคคลเพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ

ประเด็น

รอยสิวอาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิด แต่ก็มีหนทางในการรักษามากมายจนทำให้ไม่สามารถสังเกตได้ โดยรอยสิวส่วนใหญ่จะคงอยู่ถาวร แต่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถช่วยให้คุณพบวิธีที่ช่วยลดรอยสิวได้ ทางที่ดีที่สุดในการรักษารอยสิว คือ การป้องกันการเกิดสิว  คุณสามารถลดโอกาสการเกิดของรอยสิวได้ หากคุณไม่กดสิว หลีกเลี่ยงการบีบ, กดสิวให้แตกออกไม่ว่ามันจะน่าบีบขนาดไหน เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิวหนังและการถูกทำลายของเนื้อเยื่อ ซึ่งนำไปสู่รอยสิว

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.healthline.com/health/acne-scars
  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/324784
  • https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/acne/expert-answers/acne-scars/faq-20058101
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด