ความปลอดภัย
การบริจาคเลือดคือกระบวนการที่มีความปลอดภัยมาก
การบริจาคเลือดในแต่ละครั้งคือเลือดจะถูกเก็บผ่านหลอดเข็มฉีดยาอันใหม่ที่ใช้เพียงครั้งเดียวและทิ้ง คนเราส่วนใหญ่จะมีเลือดอยู่ในร่างกายระหว่าง 4.5 และ 5 ลิตร ดังนั้นการบริจาคเลือดคือการให้เลือดที่น้อยมากเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ร่างกายของเราจะกู้คืนเลือดที่เสียไปกลับคืนอย่างรวดเร็ว เพราะไม่ว่าคุณจะให้เลือดหรือไม่อย่างไร ร่างกายของเราก็จะสร้างเลือดใหม่มาแทนเลือดเก่าอยู่แล้วระดับของธาตุเหล็กและการบริจาคเลือด
การบริจาคเลือดจะเป็นการกำจัดเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีโปรตีนฮีโมโกลบินเป็นส่วนประกอบ สารประกอบของฮีโมโกลบินคือธาตุเหล็ก ดังนั้นเมื่อไปบริจาคเลือดจะเกิดการสูญเสียธาตุเหล็กไป ในคนส่วนใหญ่สิ่งนี้จะสามารถกู้กลับคืนได้ก่อนการให้เลือดครั้งต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไป ระดับธาตุเหล็กอาจตกลงในการบริจาคบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่ภาวะเหล็กบกพร่องและ/หรือฮีโมโกลบินต่ำ (โรคโลหิตจาง) จะมีการตรวจเช็คฮีโมโกลบินก่อนการบริจาคเลือดแต่ละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามีความปลอดภัยสำหรับการบริจาคและหากพบว่าระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่าค่าที่ยอมรับได้ก็จะไม่สามารถบริจาคเลือดได้สุขภาพและความสบายใจ
คนส่วนใหญ่มักจะรู้สึกสบายดีทั้งในระหว่างและหลังการบริจาคเลือด
ในความเป็นจริงที่ผู้บริจาคเลือดพบว่าการให้เลือดเป็นช่วงการผ่อนคลายจากความวุ่นวายของชีวิตในทุกๆวัน ในบางคนอาจรู้สึกไม่ดีในระหว่างหรือหลังการบริจาคซึ่งพบได่ไม่บ่อยนัก ผู้เชียวชาญจะเฝ้าติดตามคุณในขณะอยู่ในศูนย์บริจาค และบันทึกรวมถึงการติดตามความรู้สึกไม่สบาย เราใช้ข้อมูลนี้เพื่อทำให้เกิความปลอดภัยและช่วยทำให้การบริจาคเลือดมีความปลอดภัยและสบายใจให้มากที่สุดสำหรับผู้บริจาคทุกคน คุณสามารถลดโอกาสเหล่านี้โดยทำตามขั้นตอนทั้งก่อนและหลังการบริจาค
การตรวจ
การบริจาคเลือดจะมีการตรวจเลือดของผู้บริจาคทั้งหมดเพื่อหาการติดเชื้อเพื่อปกป้องคนไข้ที่รับเลือดมาจากการบริจาค ต้องมีการตรวจหาตัวบ่งชี้สุขภาพของเลือด เช่นระดับธาตุเหล็กและแอนติบอดี้ (โปรตีนที่สร้างขึ้นในในระบบภูมิต้านทานเพื่อช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อ) แอนติบอดี้บางอย่างอาจส่งผลต่อการตอบสนองร่างกายในการบริจาคเลือดเมื่อมีการถ่ายเลือด หากการตรวจแสดงให้เห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ ทางศูนย์จะรีบติดต่อคุณเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้และให้คำปรึกษา อ้างอิงและช่วยเหลือความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลทั้งหมดที่อยู่ที่ศูยย์บริจาคเลือด คำตอบที่ได้จากการทำแบบสอบถามและผลการตรวจจะถูกเก็บเป็นความลับ ผลการตรวจจะบอกเฉพาะผู้บริจาคเท่านั้นการเตรียมตัวก่อนการบริจาคเลือด
- ตรวจสอบสิทธิ์:ก่อนกำหนดเวลานัดหมายการบริจาคโลหิต โปรดตรวจสอบว่าคุณมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยศูนย์บริจาคโลหิตหรือองค์กรต่างๆ หรือไม่ ข้อกำหนดคุณสมบัติทั่วไป ได้แก่ อายุ น้ำหนัก สถานะสุขภาพ การเดินทางล่าสุด และประวัติการรักษาพยาบาล หากคุณมีคำถามหรือข้อกังวลเกี่ยวกับคุณสมบัติ โปรดติดต่อศูนย์บริจาคโลหิตหรือปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
- รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ:ดื่มของเหลวให้มากในช่วงหลายวันก่อนที่จะถึงการบริจาคเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีร่างกายที่ชุ่มชื้นเพียงพอ การมีน้ำเพียงพอจะช่วยรักษาปริมาณเลือดให้เพียงพอ และช่วยให้หาหลอดเลือดดำสำหรับการบริจาคได้ง่ายขึ้น ตั้งเป้าที่จะดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน และหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ:รับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการก่อนนัดหมายการบริจาคเพื่อรักษาระดับพลังงานและป้องกันอาการวิงเวียนศีรษะหรือเหนื่อยล้า รวมอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก เช่น เนื้อไม่ติดมัน ผักใบเขียว ถั่ว ถั่วเปลือกแข็ง และซีเรียลเสริมอาหาร เพื่อช่วยเสริมธาตุเหล็กในร่างกาย
- พักผ่อนให้เพียงพอ:นอนหลับฝันดีก่อนนัดหมายการบริจาค เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และตื่นตัวในระหว่างขั้นตอนการบริจาค ตั้งเป้านอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7-8 ชั่วโมงในคืนก่อนหน้า และหลีกเลี่ยงการนอนดึกหรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนักซึ่งอาจส่งผลต่อระดับพลังงานของคุณ
- แต่งตัวสบาย ๆ:สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ สบาย ๆ โดยมีแขนเสื้อที่สามารถม้วนขึ้นได้ง่ายเพื่อเอื้อมแขนไปบริจาค หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์เสริมที่รัดรูปซึ่งอาจจำกัดการไหลเวียนของเลือดหรือทำให้รู้สึกไม่สบายในระหว่างขั้นตอนการบริจาค
- นำบัตรประจำตัว:นำบัตรประจำตัวที่ถูกต้อง เช่น ใบขับขี่หรือหนังสือเดินทาง มาด้วย เพื่อนัดหมายการบริจาค คุณอาจต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น บัตรผู้บริจาคหรือหลักฐานการมีสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของศูนย์บริจาคโลหิต
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบ (Phimosis)
สาเหตุของผิวแห้งกร้านและวิธีบำรุงผิว
เนื้องอกต่อมหมวกไตฟีโอโครโมไซโตมา (Pheochromocytoma)
ภาวะปวดหลอน (Phantom Pain)
โรคปริทันต์ (Periodontitis) : อาการ สาเหตุ การรักษา
โรคอกบุ๋ม (Pectus Excavatum)
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น