โทนเนอร์ คืออะไร
หลายคนอาจสงสัยว่าจริงๆ แล้วโทนเนอร์ทำไว้เพื่ออะไรกันแน่ ในทุกวันนี้เป้าประสงค์หลักของโทนเนอร์ คือ บำรุงรักษาด้วยการระเบิดความชุ่มชื้น และสารสำคัญเพิ่มเข้าไป บางตัวอาจช่วยรักษาปัญหาผิวพรรณบางชนิดเช่นสิวและผิวเสียจากแสงแดดได้ด้วย โทนเนอร์นั้นคือผลิตภัณฑ์สำความสะอาดใบหน้าขั้นตอนที่สองหลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว ทุกวันนี้มีโทนเนอร์หลากหลายประเภทให้เราเลือกใช้ ดังนั้นเราควรเลือกที่เหมาะกับผิวเราที่สุดโทนเนอร์จำเป็นไหม
โทนเนอร์จำเป็นไหมหลายคนลังเลและสงสัยในการตัดสินจะใช้ ต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประโยชน์จากการใช้โทนเนอร์โทนเนอร์เพื่อการทำความสะอาดที่ล้ำลึก
เรารู้ประโยชน์ของการล้างหน้าสองขั้นตอนกันดีอยู่แล้ว แต่เคยรู้ไหมว่าโทนเนอร์ก็สามารถล้างสองขั้นตอนอย่างที่คุณตามมหาได้เหมือนกัน? โทนเนอร์จะกำจัดเครื่องสำอางค์ที่เหลือตกค้างบนใบหน้าออกได้อย่างที่โฟมล้างหน้าทั่วไปทำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นโทนเนอร์ยังสามารถช่วยขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกออกได้ ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างวันหรือในช่วงเวลากลางคืนช่วยสร้างสมดุลให้แก่ผิวพรรณ
โทนเนอร์ไม่ได้เพิ่มแค่การทำความสะอาดให้เท่านั้น แต่โทนเนอร์ยังทำการฟื้นฟูผิวด้วยสารอาหารที่โทนเนอร์สูตรดั้งเดิมกำจัดออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือทำให้ผิวนุ่มและเนียนมากขึ้น โทนเนอร์สูตรใหม่สามารถช่วยเรื่องปัญหาที่ยากจะจัดการเช่น รอยแดงช่วยสร้างสมดุลระคับค่า pH
ผิวเราจะความเป็นกรดตามธรรมชาติ ด้วยระดับค่า pH ราว 4.7 แต่ในสบู่บางชนิดและโฟมล้างหน้ามีสภาวะเป็นด่าง การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีระดับ pH ที่แตกต่างกันมากๆกับผิวของเราจะเป็นการทำลายการทำงานตามปกติ อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน ความมันหรือการระคายเคือง ถึงแม้ว่าค่า pH ของผิวจะสามารถฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่โทนเนอร์จะสามารถช่วยทำให้ระดับสมดุลเร็วขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือของวัน
การใช้โทนเนอร์สามารถช่วยทำให้ผิวดูดซึมผลิตภัณฑ์อื่นๆที่คุณใช้ได้ดีขึ้น เมื่อผิวแห้งกร้าน ส่วนผสมอื่นๆก็จะอยู่ได้แค่ด้านบน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมันโทนเนอร์มาเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ส่วนผสมเหล่านี้ก็จะสามารถแทรกซึมลงสู่ผิวได้และให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิผลมากขึ้นโทนเนอร์ใช้ตอนไหนบ้าง
โทนเนอร์ใช้ยังไง
หลายคนอาจสงสัยว่าโทนเนอร์ใช้ตอนไหนบ้าง โทนเนอร์ใช้ยังไง คำตอบคือคุณสามารถใช้โทนเนอร์ได้ทั้งเช้าและกลางคืน ได้นานเท่านานที่ผิวคุณทนได้ การใช้ toner เช็ดหน้าในช่วงเช้าจะช่วยขจัดเหงื่อและความสกปรกในช่วงข้ามคืนอื่นๆออก ซึ่งหลายๆคนมักเลือกข้ามการใช้ในช่วงเวลานี้ไป สำหรับคนที่มีผิวมันหรือเป็นสิวอาจจำเป็นต้องใช้โทนเนอร์วันละสองครั้งเพื่อใช้โทนเนอร์รักษาสิวควบคุมความมันช่วยลดสิว หากผิวของคุณเริ่มแห้งหรือมีอาการระคายเคือง จากนั้นให้ย้อนกลับไปใช้โทนเนอร์แค่วันละครั้ง แต่หากยังคงมีปัญหาอยู่คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่กำลังใช้อยู่ ไม่ว่าจะใช้โทนเนอร์บ่อยมากแค่ไหน ก็ต้องใช้โทนเนอร์หลังล้างหน้าทุกครั้ง- และจะดียิ่งขึ้นในขณะที่ผิวของเรายังคงเปียกเพื่อช่วยเสริมผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ หลังจากนั้นคุณก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตัวอื่นๆที่เหลือต่อไป ซึ่งทั่วๆไปก็มักจะเป็นมอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดหรือการดูแลที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเช่นเซรั่มวิธีการใช้โทนเนอร์
การใช้โทนเนอร์มีสองรูปแบบ ด้วยสำลีแผ่นหรือด้วยมือ หากคุณเลือกแบบการใช้สำลีแผ่น วิธีเช็ดโทนเนอร์คือให้เทโทนเนอร์ลงบนสำลีจนชุ่ม จากนั้นใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าให้ทั่วใบหน้า โดยเช็ดออกและหลีกเลี่ยงในบริเวณที่อ่อนไหวเช่นรอบดวงตา หากคุณเลือกใช้มือ ให้หยดโทนเนอร์สองสามหยดลงบนฝ่ามือและตบเบาๆให้ทั่วใบหน้า คุณสามารถใช้โทนเนอร์ที่บริเวณลำคอและหน้าอกได้ด้วยวิธีเดียวกันใช้โทนเนอร์อะไรดี
โทนเนอร์มีมากมายหลายตัวให้เราเลือก โทนเนอร์อะไรดีอะไรที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่เหมาะสม โทนเนอร์ที่เหมาะสมที่วางขายตามท้องตลาดมีหลักๆอยู่สามชนิด:- สูตรผสมแอลกอฮอล์
- กลีเซอรีนหรือมีส่วนผสมกลีเซอรีน
- สูตรผสมน้ำ
สำหรับผิวมันใช้โทนเนอร์รักษาสิวควบคุมความมัน
โทนเนอร์ทุกแบบสามารถช่วยต่อสู้กับน้ำมันที่มีมากเกินไปอยู่แล้ว แต่สำหรับรายที่มีความมันมาก ให้ลองใช้โทนเนอร์ลดความมันของผิวซึ่งมีซาลิไซลิกและกรดไกลโคลิคเป็นส่วนประกอบเพื่อผลัดเซลล์ผิว ไนอะซินาไมด์ คือส่วนผสมที่ดีที่ควรลองหากคุณต้องการลดรูขุมขน Paula’s Choice Skin Balancing Pore-Reducing Toner จะมีสารไนอะซินาไมด์ สารต้านอนุมูลอิสระและสารสกัดจากพืชเป็นส่วนประกอบ ประโยชน์ของโทนเนอร์คือสามารถช่วยลดความมันและช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสสำหรับผิวที่เป็นสิว แพ้ง่าย
หากคุณมีผิวที่มีจุดด่างดำหรือเป็นสิว ให้มองหาโทนเนอร์สูตรที่นุ่มนวลและเบาบาง สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือการเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวของเราในอนาคต ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือพยายามอยู่ให้ห่างจากโทนเนอร์สูตรผสมแอลกอฮอล์ ลองใช้โทนเนอร์ที่มีกรดอัลฟาไฮดรอกซี เพื่อขจัดผิวที่ตายแล้วออกไปอละช่วยลดน้ำมันที่อาจเป็นสาเหตุของการอุดตัน Mario Badescu’s Glycolic Acid Toner คือทางเลือกของสูตรผสมแอลกอฮอล์และอ่อนโยนสำหรับผิวแห้ง
ผิวแห้ง “จะต้องการโทนเนอร์ที่มีสารฮิวเมกเตนท์ (สารดูดน้ำให้ผิว)” โทมัสกล่าว “สารฮิวเมกเตนท์คือส่วนผสมที่พบในโลชั่นและโฟมล้างหน้าซึ่งทำให้ผิวชุ่มน้ำได้ด้วยการดูดโมเลกุลของน้ำได้เหมือนแม่เหล็ก” ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยน ให้ความชุ่มชื้นเช่น ไฮยาลูโรนิค แอซิด วิตามินอีและกลีเซอรีนสำหรับผิวผสม
เมื่อคุณมีผิวแบบผิวผสม คุณอาจต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากทั้งสองโลก สำหรับโทนเนอร์สำหรับผิวผสมนั้นหมายความว่าจะกำจัดน้ำมันส่วนเกินในขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในเวลาเดียวกัน เมื่อคิดจะเลือกผลิตภัณฑ์ใดๆควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงและมีกรดอ่อนๆเช่น ไฮยาลูโรนิค ซาลิไซลิกและกรดแลคติกสูตรปราศจากแอลกอฮอล์:
- เหตุผล:โทนเนอร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้
- สิ่งที่ต้องมองหา:เลือกใช้สูตรปราศจากแอลกอฮอล์หรือแอลกอฮอล์ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีผิวแห้งหรือแพ้ง่าย
ส่วนผสมที่ต้องมองหา:
- กรดไฮยาลูโรนิก:ให้ความชุ่มชื้น
- กลีเซอรีน:ให้ความชุ่มชื้นและช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- Witch Hazel:ยาสมานแผลตามธรรมชาติเหมาะสำหรับผิวมันหรือเป็นสิวง่าย
- Salicylic Acid: ผลัดเซลล์ผิวเบา ๆ และช่วยไม่อุดตันรูขุมขน (เหมาะสำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย)
- ไนอาซินาไมด์:จัดการกับปัญหาผิวที่หลากหลาย รวมถึงรอยแดงและสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ
- วิตามินซี:ให้การป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระและทำให้ผิวกระจ่างใส
- Chamomile หรือ Aloe Vera:ผ่อนคลายสำหรับผิวแพ้ง่ายหรือระคายเคือง
หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่รุนแรง:
- สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง:โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอมและสารเคมีอื่น ๆ ในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาจดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิวได้
ประเด็นสำคัญ
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าโทนเนอร์ไม่ได้เป็นอะไรที่ไม่ดีอย่างที่เคยเป็นมา ดังนั้นจงอย่ากลัวที่จะลอง แต่กระนั้นก็ตาม หากผิวของคุณมีโรคที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย เช่นโรคผิวอักเสบโรซาเซีย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนการใช้โทนเนอร์หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น