โรคท็อกโซพลาสโมสิส หรือโรคขี้แมว Toxoplasmosis คือ โรคติดเชื้อที่เกิดจากปรสิต Toxoplasma gondii ซึ่งพบได้ในอุจจาระแมว เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะ เนื้อกวาง แกะ และหมู และติดจากน้ำที่มีปรสิต
โรคนี้ทำให้ถึงตายได้ หรือทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิดอย่างรุนแรงในทารกที่มารดาติดเชื้อนี้ เป็นเหตุให้แพทย์ไม่แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์เก็บหรือทำความสะอาดถาดอุจจาระแมว
อาการของโรคท็อคโซพลาสซิส
ผู้ที่ติดเชื้อมักไม่มีอาการให้เห็นชัดเจน แต่หากมี จะพบว่ามีอาการดังนี้
-
มีไข้
-
ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะที่คอ
อาการเหล่านี้มักเกิดนานเป็นเดือนหรือนานกว่านั้น และส่วนใหญ่หายไปเอง โรคนี้จะมีอาการรุนแรงในผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเสี่ยงที่จะเกิด
-
การติดเชื้อที่สมอง ทำให้มีอาการ ปวดศีรษะ ชัก สับสนและหมดสติ
-
การติดเชื้อที่ปอด ทำให้มีอาการไอ มีไข้ และหายใจลำบาก
-
การติดเชื้อที่ตา ทำให้มองเห็นไม่ชัด และปวดตา
เมื่อทารกในครรภ์ติดเชื้อนี้ อาจไม่มีอาการเลย จนถึงอาการหนัก อาจทำให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรง เมื่อคลอดออกมา ทารกที่ติดเชื้อมาจากในครรภ์ มักดูปกติเมื่อแรกคลอด แต่จะแสดงอาการป่วยเมื่อทารกเติบโตขึ้น จึงจำเป็นต้องตรวจสภาพสมองและดวงตาของทารก
สาเหตุโรคท็อคโซพลาสซิส
ติดเชื้อ T. gondii จากเนื้อสัตว์ดิบหรือปรุงไม่สุกที่ปนเปื้อนปรสิต และดื่มนำ้ที่มีเชื้อโรค กรณีที่เกิดได้ยาก เช่น ได้รับเชื้อจากการให้เลือดหรือการปลูกถ่ายอวัยวะ
ปรสิตออกจากร่างกายทางอุจจาระ จึงพบในพืชผักที่ปนเปื้อนด้วยปุ๋ยคอก จึงควรล้างให้สะอาดก่อนรับประทาน
จากการตรวจสอบ พบปรสิตในอุจจาระแมว แม้ว่าจะพบปรสิตนี้ได้ในสัตว์เลือดอุ่นเกือบทุกชนิด แต่แมวเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ปรสิตอยู่ด้วยได้ ( มันสามารถออกไข่และสืบพันธุ์ได้เมื่ออยู่ในตัวแมว) และออกจากร่างกายแมวทางอุจจาระ แมวจะไม่แสดงอาการใดๆแม้ว่าจะมีปรสิตอยู่ในตัว
คนจะได้รับเชื้อปรสิตจากการกิน เช่นเมื่อสัมผัสกับอุจจาระแมวที่มีเชื้อ ส่วนใหญ่คือหลังจากเก็บอุจจาระแมว แล้วไม่ล้างมือ
หญิงมีครรภ์มีความเสี่ยงมากที่จะพาเชื้อเข้าไปให้เด็กในครรภ์ จากการเก็บอุจจาระแมว จึงควรให้ผู้อื่นจัดการแทน หากจำเป็นต้องทำเอง ควรใส่ถุงมือ และทำความสะอาดกล่องอุจจาระแมวทุกวัน ปรสิตที่ออกมาจากตัวแมว มีชีวิตอยู่ได้ 1-5 วัน
แต่การติดเชื้อจากแมวสู่คนก็พบได้ยาก โดยทั่วไปแมวที่เลี้ยงในบ้านไม่มีโอกาสได้รับเชื้อปรสิต แมวจรและแมวป่ามักเป็นพาหะของปรสิต
ในสหรัฐอเมริกา การได้รับเชื้อปรสิตมักเกิดจากการกินเนื้อดิบหรือผัก ผลไม้ที่ไม่ได้ล้างทำความสะอาด
การรักษาโรคท็อคโซพลาสซิส
แพทย์มักไม่แนะนำให้รักษา หากไม่มีอาการ ผู้ติดเชื้อที่แข็งแรงดี มักไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยซึ่งร่างกายจะปรับตัวได้เอง
หากโรคมีความร้ายแรง มีอาการอยู่นาน ติดเชื้อที่ตาหรืออวัยวะภายใน แพทย์จะให้ยา pyrimethamine (Daraprim)ซึ่งใช้รักษามาลาเรียด้วย และ Sulfadiazineซึ่งเป็นยาปฎิชีวนะ
หากท่านมี HIV หรือ AIDS ท่านอาจต้องใช้ยานี้ไปตลอดชีวิต Pyrimethamine จะลดระดับ folic acid ในเลือด(เป็นวิตามินB ชนิดหนึ่ง)แพทย์อาจต้องให้วิตามิน B เพิ่ม เมื่อให้ยา Pyrimethamine
การรักษาในหญิงตั้งครรภ์
การรักษาขึ้นอยู่กับว่า ทารกในครรภ์ติดเชื้อหรือไม่ มากน้อยอย่างไร(ตรวจได้จากการเจาะน้ำคร่ำ) โดยทั่วไปแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะซึ่งขึ้นอยู่กับว่าตั้งครรภ์ในระยะใด เช่น ให้ spiramycin หากเป็นไตรมาสแรกและช่วงแรกของไตรมาสที่สอง และ pyrimethamine/sulfadiazine และ leucovorinหากอายุครรภ์อยู่ในช่วงปลายของไตรมาสที่สองและไตรมาสสุดท้าย(การตั้งครรภ์เก้าเดือน แบ่งเป็นสามไตรมาส)
ถ้าทารกในครรภ์ติดเชื้อปรสิต แพทย์จะให้ยา pyrimethamine และ sulfadiazine แต่ยานี้มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงและจะใช้เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ผลข้างเคียงเช่นมีฤทธิ์กดการทำงานของไขกระดูก(ซึ่งมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือด) และมีพิษต่อตับ
หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ ต้องร่วมกับแพทย์ในการตัดสินใจเลือกการรักษาที่เหมาะสม ทารกที่เกิดเป็นโรคนี้ต้องรักษานานเป็นปี
ผู้ที่มีภาวะ AIDS และเด็กที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ อาจต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
หากท่านไม่ได้ตั้งครรภ์ และไม่มีโรคประจำตัว จะหายได้เองในสองสามสัปดาห์ แพทย์อาจไม่ให้ยาถ้าอาการไม่มากและท่านแข็งแรงดี
ภาวะแทรกซ้อนของท็อคโซพลาสซิส
โรคท็อกโซพลาสโมสิส คือการติดเชื้อปรสิตที่เกิดจากปรสิตโปรโตซัว Toxoplasma gondii ในบุคคลที่มีสุขภาพดีส่วนใหญ่ โรคท็อกโซพลาสโมซิสมักเป็นโรคที่ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นได้เอง ซึ่งอาจไม่ทำให้เกิดอาการที่เห็นได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์หรือในบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ โรคท็อกโซพลาสโมซิสอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคท็อกโซพลาสโมสิส คือ :- อาการรุนแรง : ท็อกโซพลาสโมซิสอาจทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ เหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะในบางกรณี อาการเหล่านี้อาจรุนแรงกว่าในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- โรคท็อกโซพลาสโมซิสทางตา : นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของโรคทอกโซพลาสโมซิส และเกิดขึ้นเมื่อปรสิตส่งผลต่อดวงตา โรคทอกโซพลาสโมซิสทางตาอาจทำให้เกิดอาการปวดตา มองเห็นไม่ชัด และทำลายจอประสาทตาอย่างถาวร หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- โรคท็อกโซพลาสโมสิสแต่กำเนิด : หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ Toxoplasma gondii ปรสิตสามารถแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนาได้ทำให้เกิดโรคท็อกโซพลาสโมสิสแต่กำเนิด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดข้อบกพร่องร้ายแรงแต่กำเนิด รวมถึงปัญหาการมองเห็น ความบกพร่องทางสติปัญญา และพัฒนาการล่าช้า
- โรคไข้สมองอักเสบ : บางครั้งโรคท็อกโซพลาสโมซิสอาจส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่าโรคไข้สมองอักเสบจากโรคท็อกโซพลาสมิก อาการนี้พบได้บ่อยในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อ HIV/AIDS อาการอาจรวมถึงความสับสน อาการชัก และภาวะบกพร่องทางระบบประสาท
- โรคทอกโซพลาสโมซิสในปอด : ในบางกรณีที่พบไม่บ่อย ปรสิตสามารถติดเชื้อในปอด ทำให้เกิดอาการคล้ายโรคปอดบวม ได้แก่ อาการไอ เจ็บหน้าอก และหายใจลำบาก
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ : โรคท็อกโซพลาสโมสิสอาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบาก และจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ
- การแพร่กระจายทั่วร่างกาย : ในบุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะหรือได้รับเคมีบำบัด Toxoplasma gondii สามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้เกิดการติดเชื้อในวงกว้างและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามถึงชีวิตได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/toxoplasmosis/symptoms-causes/syc-20356249
-
https://www.cdc.gov/parasites/toxoplasmosis/gen_info/faqs.html
-
https://www.nhs.uk/conditions/toxoplasmosis/
-
https://www.webmd.com/baby/toxoplasmosis
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team