โรคนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Disease) คือการติดเชื้อที่เกิดขึ้นได้บ่อยและทั่วไป จากเชื้อจากแบคทีเรียชื่อ “นิวโมคอคคัส” ในผู้ป่วยบางราย โรคนิวโมคอคคัสก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เด็กเล็กและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ การฉีดวัคซีนตามตารางช่วยป้องกันโรคนิวโมคอคคัสและโรคแทรกซ้อนได้
อาการของโรคนิวโมคอคคัส
โรคนิวโมคอคคัสแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่: ชนิดแพร่กระจายและไม่แพร่กระจาย ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุว่าโรคนิวโมคอคคัสแบบไม่แพร่กระจายจะรุนแรงน้อย ในขณะที่โรคนิวโมคอคคัสแบบแพร่กระจายจะทำให้ผู้ป่วยราว 10% เสียชีวิตได้
โรคนิวโมคอคคัสแบบไม่แพร่กระจายและไม่รุนแรง
โรคนิวโมคอคคัสแบบไม่แพร่กระจายทำให้เกิดการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เชื้อนิวโมคอคคัสสามารถแพร่กระจายทางจมูก คอและทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างได้ โดยเชื้อนี้จะทำให้เกิดภาวะหลายอย่าง เช่น
-
โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน: โรคหลอดลมอักเสบเป็นภาวะที่ทางเดินหายใจมีการอักเสบทำให้ไอมีน้ำมูก ซึ่งโดยปกติเกิดขึ้นนาน 2-3 สัปดาห์และมักพบบ่อยในเด็กที่อายุน้อยกว่า
-
โรคไซนัสอักเสบ: ภาวะนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัยและทำให้เกิดการอักเสบของรูจมูกในกะโหลกศีรษะส่วนใบหน้า อาการต่าง ๆ ได้แก่ ปวดบวมและกดเจ็บที่ดวงตา แก้มและหน้าผาก
-
ภาวะที่มีการอักเสบของหูชั้นกลางหรือหูน้ำหนวก: ภาวะนี้ทำให้เกิดการอักเสบในหูชั้นกลาง อาการต่าง ๆ ได้แก่ มีของเหลวในหู มีอาการบวมและปวดหู ถ้าแก้วหูทะลุอาจมีหนองไหลไปที่ช่องหู เด็กที่เป็นโรคหูน้ำหนวกอาจติดเชื้อในหูซ้ำและ/หรืออาจต้องใช้ท่อหู
การติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบไม่แพร่กระจายมักไม่รุนแรงและไม่ค่อยส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้สูญเสียการได้ยินหรือสมองเสียหายได้
การติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบรุนแรงและแพร่กระจาย
การติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบรุนแรงและแพร่กระจายนี้ร้ายแรงกว่าแบบไม่แพร่กระจายและมักเกิดขึ้นกับเลือดหรือในอวัยวะสำคัญในร่างกาย การติดเชื้อนิวโมคอคคัสแบบรุนแรงและแพร่กระจายมีหลายประเภท ได้แก่ โรคปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด กระดูกอักเสบและโรคข้ออักเสบติดเชื้อ
โรคปอดบวม: โรคปอดบวมเป็นการติดเชื้อที่ร้ายแรง ซึ่งอาจจะเกิดกับปอดข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง อาการต่าง ๆ ได้แก่ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก มีไข้หนาวสั่นและมีอาการไอ คนราว 5 ใน 100 คนที่เป็นโรคปอดบวมจะเสียชีวิตจากโรคนี้ และผู้ป่วยสูงอายุจะมีความเสี่ยงสูงสุดในการเสียชีวิตได้
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคปอดบวม อื่น ๆ ได้แก่ โรคถุงลมโป่งพองซึ่งเป็นการติดเชื้อในช่องบริเวณเยื่อหุ้มปอดและช่องอก เช่นเดียวกับเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ การติดเชื้อของถุงรอบ ๆ หัวใจ โรคปอดบวมอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับปอด เช่น การอุดตันของทางเดินหายใจ (Endobronchial Obstruction) ปอดยุบ (Atelectasis) และฝี (มีหนอง) ในปอด
โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
เยื่อหุ้มสมองอักเสบทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลัง อาการต่าง ๆ ได้แก่ ตึงคอ ปวดศีรษะ มีไข้ สับสนมึนงงและมีความไวต่อแสง เยื่อหุ้มสมองอักเสบเป็นโรคนิวโมคอคคัสชนิดแพร่กระจายที่รุนแรงมาก จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) เด็ก 1 ใน 15 คนที่อายุต่ำกว่า 5 ปีเสียชีวิตจากการติดเชื้อนี้ นอกจากนี้ โอกาสเสียชีวิตยังสูงกว่าในผู้สูงอายุและการติดเชื้ออาจทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้าและสูญเสียการได้ยินทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
ภาวะมีเชื้อโรคหรือพิษในโลหิตหรือเนื้อเยื่อ: ภาวะมีเชื้อโรคหรือพิษในโลหิตหรือเนื้อเยื่อนี้เป็นภาวะที่มีการติดเชื้อที่อันตรายถึงชีวิต อาการต่าง ๆ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น สับสนมึนงง หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก ผิวหนังชื้นและเจ็บปวด ภาวะช็อกจากการติดเชื้อเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อชีวิตเมื่อเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดแล้ว ภาวะช็อกนี้ทำให้สภาพจิตใจเปลี่ยนแปลง มีปัญหาเกี่ยวกับการรับออกซิเจน และการหายใจ ความดันโลหิตต่ำ อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว และปัสสาวะออกน้อย ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกราว 50% จะเสียชีวิตได้ในที่สุด
ติดเชื้อในกระแสเชือด
การติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นภาวะการติดเชื้อแบคทีเรียในเลือดที่อาจอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยภาวะนี้เกิดขึ้นเฉียบพลันและทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้ อาการต่างๆ ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่นและรู้สึกสับสนมึนงงได้ เด็กราว 1 ใน 100 ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบแล้วติดเชื้อนี้จะเสียชีวิต และมีนอกจากนี้ ผู้สูงอายุบางคนมีโอกาสเสียชีวิตได้ในช่วงใดช่วงหนึ่งในวัยสูงอายุ
โรคกระดูกอักเสบ (เป็นหนอง): โรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในกระดูก อาการต่าง ๆ ได้แก่ มีไข้ หงุดหงิด อ่อนเพลีย คลื่นไส้และกดเจ็บ บริเวณที่เจ็บมีสีแดง ร้อนบวมและสูญเสียควบคุมการเคลื่อนไหวในกระดูกที่ได้รับผลกระทบ ภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ เกิดพิษในกระดูก เกิดฝีในกระดูกและเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากกระดูก
โรคข้ออักเสบจากการติดเชื้อ
โรคข้ออักเสบชนิดนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อในข้อต่อ อาการต่าง ๆ ได้แก่ มีไข้และหนาวสั่น อ่อนเปลี่ยอ่อนเพลียแรงและปวดอย่างรุนแรง บวม ตัวอุ่นแดง และตึงในข้อต่อที่ได้รับผลกระทบ ภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ โรคข้อเข่าเสื่อมและกระดูกอักเสบ โรคข้อเสื่อม
สาเหตุของโรคนิวโมคอคคัส
โรคนิวโมคอคคัสเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่บางคนมีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนิวโมคอคคัส ได้แก่:
-
ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปีหรือมากกว่าอายุ 65 ปี
-
คนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
-
คนที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
-
คนสูบบุหรี่
-
คนที่อยู่ในสถานพยาบาลหรือบริบาลนาน ๆ
-
เชื้อนิวโมคอคคัสพบได้บ่อยในจมูกและลำคอของเด็ก และสามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยในอากาศ เช่น เมื่อคนจามหรือไอ
คนส่วนใหญ่ที่สัมผัสกับเชื้อนิวโมคอคคัสจะไม่แสดงอาการใด ๆ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังดีและต่อสู้กับเชื้อโรคได้และป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่ในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อนิวโมคอคคัสอาจแพร่กระจายเข้าไปในลำคอ ปอด เลือด ไซนัสหรือสมอง ที่ในที่สุดก็นำไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรง
ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ได้แก่ ผู้ที่:
-
มีภาวะที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน เช่น มีเชื้อ HIV หรือ AIDS
-
ทานยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ที่โรคแพ้ภูมิตัวเองหรือหลังการปลูกถ่ายอวัยวะ
-
กำลังอยู่ระหว่างการรักษาต่าง ๆ รวมถึงกำลังเข้ารับเคมีบำบัด
-
ติดเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่
การวินิจฉัยโรคนิวโมคอคคัส
แพทย์วินิจฉัยโรคนิวโมคอคคัสโดยการประเมินอาการและตรวจร่างกาย แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและส่วนใดของร่างกาย
การตรวจเพิ่มเติมอาจรวมถึง:
-
งานตรวจทางห้องปฏิบัติการ: แพทย์อาจตรวจเสมหะ (ซึ่งรวมถึงน้ำลายและน้ำมูก) หรือตรวจของเหลวจากปอด ข้อต่อ กระดูก หัวใจหรือฝี (มีหนอง) การเจาะตรวจน้ำไขสันหลัง (CSF) ด้วยการเจาะเอวจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้
-
การทำเอกซเรย์ทรวงอก: การทำเอกซเรย์ทรวงอกเผยให้หลักฐานที่อาจบ่งถึงการติดเชื้อโรคปอดบวมหรือของเหลวในโพรงเยื่อหุ้มปอดและอาจช่วยในการวินิจฉัยการติดเชื้ออื่น ๆ รวมถึงการติดเชื้อที่ในช่องอกหรือปอดชนิดเฉียบพลัน
การรักษาโรคนิวโมคอคคัส
การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคนิวโมคอคคัส โรคนิวโมคอคคัสที่ไม่ลุกลามอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
การติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดแพร่กระจายจะต้องใช้ยาปฏิชีวนะ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะทันทีก่อนตรวจว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียประเภทใดซึ่งหากมัวแต่รออาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ หลังจากตรวจพบชนิดของเชื้อแล้ว แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเป้าหมายเพื่อรักษาโรคที่ติดเชื้อแบคทีเรียแต่ละชนิด
ยาปฏิชีวนะมักให้ในรูปแบบเม็ดหรือของเหลวที่ใช้กิน การติดเชื้อร้ายแรงอาจต้องนอนโรงพยาบาลและให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ (IV) หากผู้ป่วยมีปัญหาในการหายใจ แพทย์อาจรักษาโดยการให้ออกซิเจนร่วมด้วย
การป้องกันโรคนิวโมคอคคัส
การป้องกันโรคนิวโมคอคคัสที่ดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แนะนำให้ฉีดวัคซีนตามตารางสำหรับเด็ก ผู้สูงอายุและผู้ที่มีอายุ 2 ถึง 64 ปีที่มีโรคบางชนิด
ปัจจุบัน โรคนิวโมคอคคัสเกิดขึ้นได้จากเชื้อหลายสายพันธุ์ ดังนั้นการฉีดวัคซีนอย่างเดียวจึงไม่สามารถป้องกันเชื้อได้ทุกตัว ทั้งนี้ แพทย์มักแนะนำให้ฉีดป้องกันโรคปอดบวมซึ่งสามารถป้องกันสายพันธุ์ที่พบบ่อยที่สุด วัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงมักจะไม่รุนแรง โดยอาจมีอาการบวมและปวดบริเวณที่ฉีดมีไข้และปวดกล้ามเนื้อได้
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนิวโมคอคคัสนั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของโรคนิวโมคอคคัส
โรคนิวโมคอคคัส คือการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย Streptococcus pneumoniae หรือที่เรียกว่า pneumococcus อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการติดเชื้อไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หรือบุคคลนั้นมีภาวะสุขภาพที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคนิวโมคอคคัส ได้แก่:- โรคปอดบวม: โรคปอดบวมจากโรคปอดบวมเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของโรคนิวโมคอคคัส อาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีไข้สูง ไอ หายใจลำบาก และเจ็บหน้าอก
- แบคทีเรีย: แบคทีเรียในปอดบวมเกิดขึ้นเมื่อแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือด สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบ: เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากปอดบวมคือการติดเชื้อของเยื่อหุ้มรอบ ๆ สมองและไขสันหลัง เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะรุนแรง มีไข้ คอเคล็ด และสภาวะทางจิตเปลี่ยนแปลงไป
- โรคหูน้ำหนวก: โรคหูน้ำหนวกจากโรคปอดบวมคือการติดเชื้อที่หูที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในเด็ก อาจทำให้เกิดอาการปวดหู มีไข้ และสูญเสียการได้ยินหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา
- ไซนัสอักเสบ: ไซนัสอักเสบจากปอดบวมคือการติดเชื้อในโพรงไซนัส ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดใบหน้า คัดจมูก และมีน้ำมูกไหลหนา
- Empyema: Pneumococcal empyema เป็นกลุ่มของหนองในช่องเยื่อหุ้มปอด (ช่องว่างระหว่างปอดและผนังหน้าอก) อาจเป็นผลมาจากโรคปอดบวมและอาจทำให้เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก
- ฝี: การติดเชื้อนิวโมคอคคัสบางครั้งอาจทำให้เกิดฝีตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปอด สมอง หรืออวัยวะอื่นๆ
- โรคข้ออักเสบติดเชื้อ: ในบางกรณี แบคทีเรียนิวโมคอคคัสสามารถติดเชื้อที่ข้อต่อ ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบติดเชื้อได้ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดข้อ บวม และการเคลื่อนไหวลดลง
- เยื่อบุหัวใจอักเสบ: แม้ว่าจะพบไม่บ่อย แต่เยื่อบุหัวใจอักเสบจากปอดบวมคือการติดเชื้อที่เยื่อบุและลิ้นหัวใจด้านใน อาจนำไปสู่ปัญหาหัวใจร้ายแรงได้
- ภาวะแทรกซ้อนระยะยาว: ผู้รอดชีวิตจากโรคปอดบวมชนิดรุนแรงอาจประสบปัญหาสุขภาพในระยะยาว รวมถึงความบกพร่องทางสติปัญญา สูญเสียการได้ยิน และความเสียหายของปอด
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.cdc.gov/pneumococcal/index.html
-
https://www.webmd.com/children/vaccines/qa/what-is-pneumococcal-disease
-
https://www.medicalnewstoday.com/articles/323463
-
https://www.health.ny.gov/diseases/communicable/pneumococcal/fact_sheet.htm