อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
อะไซโคลเวียร์

Acyclovir คืออะไร

อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) คือ ยาที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส ช่วยชะลอการเติบโต และแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ (Herpes Virus) เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเริม งูสวัด และโรคอีสุกอีใส เป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์  และไม่ควรใช้เป็ยระยะเวลานานเกินไป เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียง สตรีมีครรภ์สามารถใช้รักษาอาการได้ แต่สตรีที่กำลังให้นมบุตรควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาความจำเป็นในการรักษา

ตัวอย่างยา Acyclovir ที่พบในท้องตลาด

ยาอะไซโคลเวียร์ คือชื่อสามัญของยาที่มีชื่อทางการค้า ดังนี้ Acyvir, A.C.V., Azovax, Clinovir, Clovin, Clovira, Colsor, Covir, Cyclorax, Declovir, Entir, Falerm, Vivir, Vizo, Zevin, Zocovin, zovirax เป็นต้น

Acyclovir ใช้รักษาโรคใดบ้าง 

  • ใช้บรรเทาอาการ และช่วยให้การรักษาแผล หรือตุ่มน้ำพอง ในผู้ป่วยโรคอีสุกอีใส หรือผู้ป่วยโรคงูสวัดหายเร็วขึ้น
  • ใช้รักษาเริมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ผิวหนัง ตา จมูก ริมฝีปาก หรืออวัยวะเพศ รักษาได้ทั้งผู้ป่วยที่เป็นครั้งแรก หรือผู้ป่วยที่กลับมาเป็นซ้ำ
  • ใช้รักษาภาวะอักเสบจากโรคผิวหนังในลักษณะของผื่นแดง  
  • ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคแฮรีลิวโคพลาเกีย (Hairy leukoplakia)
อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพการรักษาของ Acyclovir Dose อาจลดลง เนื่องจากไวรัสที่ก่อโรคบางสายพันธุ์เกิดการดื้อยาได้ ภาวะดื้อยาสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในร่ายกายของผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง หรืออ่อนแอก็ได้

รูปแบบยา Acyclovir

  • ยาเม็ด มีขนาดของยา 200, 400 และ 800 มิลลิกรัม
  • ยาแคปซูล
  • ยาน้ำ
  • ยาครีม มีความเข้มข้น 5%
  • ยาแบบขี้ผึ้ง มีความเข้มข้น 3%
  • ยาสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือด มีขนาดความเข้มข้น 25 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
ยา Acyclovir แบบรับประทานนั้น ร่างกายสามารถดูดซึมตัวยาได้ประมาณ 15-30% เท่านั้น ดังนั้นหากต้องการให้ระดับความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดสูงขึ้น จำเป็นต้องใช้ยาแบบฉีดเข้าหลอดเลือด

สรรพคุณของยาอะไซโคเวีย

Acyclovir คือยาต้านไวรัสที่มักถูกใช้ป้องกัน และรักษาโรคเริม (Herpes simplex) ที่แสดงอาการตามอวัยวะต่าง ๆ ทั้งริมฝีปาก อวัยวะเพศ หรือแม้แต่บริเวณเยื่อหุ้มสมอง (ไวรัสเยื่อหุ้มสมองอักเสบ) และใช้เพื่อการรักษา และบรรเทาอาการของโรคงูสวัด (Herpes zoster) และโรคอีสุกอีใส (Chicken pox) ด้วย นอกจากนี้ยังใช้รักษาโรค Eczema Herpeticum และโรคฝ้าขาวที่ข้างลิ้น (Hairy leukoplakia) ด้วย กรณีต้องการใช้ยานี้รักษาโรค หรืออาการอื่น ๆ ควรสอบปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา

Acyclovir

การใช้ยา Acyclovir

Acyclovir ยาที่ใช้ภายใต้คำแนะนำ และใบสั่งของแพทย์เท่านั้น ไม่ควรใช้ยาในปริมาณที่มาก หรือน้อยกว่าที่แพทย์กำหนด ยานี้สามารถใช้ได้ทันทีที่เกิดอาการของโรคจากไวรัส เช่น เกิดตุ่มน้ำ รู้สึกแสบร้อน หรือเจ็บแปลบ ๆ  เหมือนเข็มตำที่ผิวหนัง ปริมาณการใช้ยานั้น แพทย์จะพิจารณาจากน้ำหนักตัวของผู้ป่วย หากผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวเปลี่ยนควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อปรับปริมาณยาให้เหมาะสม ในระหว่างการใช้ยา ผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อสนับสนุนให้ไตสามารถทำงานได้ตามปกติ ควรใช้ยาที่แพทย์กำหนดให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพราะบางครั้งแม้ว่าอาการของโรคจะดีขึ้น แต่ก็อาจมีเชื้อหลงเหลืออยู่ได้ และมีโอกาสที่จะเป็นซ้ำได้ จึงต้องรับประทานยาให้ครบ นอกจากนี้ไม่ควรใช้ยารักษาการติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ เช่นไข้หวัด เป็นต้น Acyclovir ยาที่สามารถใช้ได้กับสตรีมีครรภ์ แต่ก่อนใช้ยาผู้ป่วยต้องรับทราบประโยชน์ และความเสี่ยงของการใช้ยาที่มีต่อทารกในครรภ์ด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้เปรียบเทียบ และประกอบการตัดสินใจ กรณีสตรีที่กำลังให้นมบุตร แนะนำให้หลีกเลี่ยง เพราะตัวยาชนิดนี้สามารถปนเปื้อนไปกับน้ำนมแม่ได้ การเก็บรักษายาควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่สัมผัสความชื้น และความร้อน หากพบว่ายามีลักษณะที่ผิดปกติ ควรหยุดใช้และไปพบแพทย์ในทันที

ข้อควรระวังในการใช้ยา Acyclovir

  • ห้ามใช้กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการallergy-0094/”>แพ้ยาชนิดนี้ หรือยาในกลุ่มเดียวกัน เช่นยาวาลาไซโคลเวียร์
  • ห้ามแบ่งยากับผู้อื่น
  • ห้ามใช้ หรือกินยาที่หมดอายุ
  • ควรระมัดระวังการใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์ หญิงที่กำลังให้นมบุตร และผู้ที่มีภาวะการทำงานของตับ หรือไตบกพร่อง

Acyclovir ผลข้างเคียง

  • ท้องเสีย หรือท้องร่วง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดหัว
  • วิงเวียนศีรษะ
  • เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า
  • ปวดตามกล้ามเนื้อ หรือข้อ
  • การมองเห็นมีปัญหา
  • น้ำคั่งตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ผมร่วง
  • งุนงง สับสน
  • พฤติกรรมมีความเปลี่ยนแปลงบางประการ
ผลข้างเคียงรุนแรงที่ควรไปพบแพทย์ทันที
  • ผื่นขึ้นเป็นจำนวนมาก เกิดลมพิษ หรือมีผื่นในลักษณะตุ่มน้ำ และแผลถลอก
  • ผิวหนัง หรือดวงตากลายเป็นสีเหลือง
  • มีเลือดออกมากผิดปกติ หรือรอยฟกช้ำตามร่างกาย
  • ภาวะชักเกร็ง
  • หมดสติ
  • บวมตามใบหน้า ริมฝีปาก หรือลิ้น
  • หายใจลำบาก
  • ปัสสาวะลดลง หรือมีเลือดปะปนในปัสสาวะ
  • ง่วงนอนอย่างรุนแรง หรือเกิดภาวะสับสน
  • เห็นภาพหลอน
  • เหน็บชา และเดินเซ
ผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาอะไซโคเวียอาจเพิ่มมากขึ้น และมักมีปัญหาที่ไตเพราะไตไม่สามารถกำจัดยาได้ดีเท่ากับผู้ที่อายุยังน้อย แนะนำให้รปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

ยาอะไรที่สามารถใช้แทน acyclovir ได้บ้าง

อะไซโคลเวียร์เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาโรคติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสเริม (HSV) รวมถึงเริมที่อวัยวะเพศ เริม และงูสวัด สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าการเปลี่ยนหรือเปลี่ยนยาควรทำภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ เนื่องจากพวกเขาสามารถพิจารณาสภาวะทางการแพทย์ ประวัติ และปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้นได้ ต่อไปนี้เป็นยาต้านไวรัสทางเลือกที่อาจพิจารณาได้:
  • วาลาซิโคลเวียร์ (Valtrex):
      • Valacyclovir เป็นผลิตภัณฑ์ของ acyclovir ซึ่งหมายความว่าจะเปลี่ยนเป็น acyclovir ในร่างกาย มักถูกกำหนดให้มีข้อบ่งใช้เช่นเดียวกับอะไซโคลเวียร์ แต่โดยทั่วไปจะรับประทานน้อยกว่าเนื่องจากมีระยะเวลาการออกฤทธิ์นานกว่า
  • แฟมซิโคลเวียร์ (แฟมเวียร์):
      • Famciclovir เป็นอีกหนึ่งยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาโรคเริม เช่นเดียวกับวาลาไซโคลเวียร์ มันถูกแปลงเป็นรูปแบบที่ออกฤทธิ์ (เพนซิโคลเวียร์) ในร่างกาย Famciclovir ใช้รักษาโรคเริมที่อวัยวะเพศ งูสวัด และเริม
  • เพนซิโคลเวียร์ (เดนาเวียร์):
      • Penciclovir มีจำหน่ายในรูปแบบครีมเฉพาะที่ และใช้สำหรับการรักษาเริมที่เป็นซ้ำ (เริมริมฝีปาก) มันออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการจำลองแบบของไวรัส
  • โดโคซานอล (Abreva):
      • โดโคซานอลเป็นครีมต้านไวรัสที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (OTC) ใช้ทาเพื่อรักษาเริม อาจไม่แรงเท่ายาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ แต่สามารถช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการได้
  • อาหารเสริมไลซีน:
      • บุคคลบางคนใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไลซีนเพื่อจัดการและป้องกันการระบาดของโรคเริม ไลซีนเป็นกรดอะมิโนที่อาจรบกวนการจำลองแบบของไวรัสเริม อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของไลซีนผสมกัน และสิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • ครีมต้านไวรัสเฉพาะที่:
    • นอกจากเพนซิโคลเวียร์แล้ว ยังมีครีมต้านไวรัสเฉพาะที่อื่นๆ ที่ใช้รักษาเริมได้ ซึ่งอาจรวมถึงครีมที่มีสารต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์หรือเพนซิโคลเวียร์
ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ ก่อนทำการเปลี่ยนแปลงแผนการใช้ยาของคุณ เนื่องจากจำเป็นต้องมีการประเมินความต้องการด้านสุขภาพส่วนบุคคลของคุณ พิจารณาปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นกับยาอื่นๆ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับตัวเลือกการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับอาการเฉพาะของคุณ หากคุณมีอาการหรือกังวลเกี่ยวกับยาที่คุณใช้อยู่ สิ่งสำคัญคือต้องขอคำแนะนำจากแพทย์

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/drugs/2/drug-941/acyclovir-oral/details
  • https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a681045.html
  • https://www.nhs.uk/medicines/aciclovir/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด