สรรพคุณต้นฟ้าทะลายโจรกับไวรัส (Thailand Kariyat)

ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
การผลัดผิวด้วยเลเซอร์คืออะไร?

ยาฟ้าทะลายโจรยาสมุนไพรโบราณ

ประเทศไทยพบว่ายาฟ้าทะลายโจรอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดกับการรับมือกับไวรัส แพทย์ระบุว่าสมุนไพรชนิดนี้ใช้รักษาอาการหวัดมาแต่โบราณ 

ฟ้าทะลายโจรแคปซูลไม่ป้องกันโควิด-19 แต่ใช้บรรเทาอาการเบื้องต้น

สมุนไพรฟ้าทะลายโจนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ แต่สามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสชนิดนี้ได้ จึงสามารถนำมาใช้เป็นยารักษาพร้อม ๆ กับยาแผนปัจจุบันในผู้ป่วยที่มีอาการไม่ร้ายแรง ดังนั้นมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่ดีที่สุดยังคงเป็นมาตรการความปลอดภัยทั้งการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่างจากผู้อื่น รวมไปถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโรค อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ที่นี่

ฟ้าทะลายโจร สรรพคุณอย่างไร

ในสมุนไพรฟ้าทะลายโจนมี “สารแอนโดรกราโฟไลค์” (Andrographolide) ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจิรญเติบโตของไวรัสได้ในทุกระยะอาการ และยังช่วยยับยั้งการอักเสบ พร้อมสารประกอบสาร Lactone 4 ที่มีฤทธิ์เย็น สามารถจับโปรตีนของไวรัสให้อยู่กับที่ ส่งผลให้ฟ้าทะลายโจร ประโยชน์คือช่วยให้ร่างกายต้านทานเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น และป้องกันผลข้างเคียงจากยาปฏิชีวนะได้ ลดภาวะการบีบตัวของลำไส้ ต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย บรรเทาอาการไอ เจ็บคอ ป้องกัน และบรรเทาอาการหวัด ในการแพทย์แผนจีนถือว่า สรรพคุณ ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์เย็นจัด มีรสขม และแห้ง จึงมีสรรพคุณช่วยลดความร้อน ทั้งความร้อนในร่างกายและความร้อนส่วนเกินที่เข้ามาในร่างกาย เช่นภาวะการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ช่วยขจัดความชื้นในร่างกาย ขจัดเสลดของเหลวต่าง ๆ ให้หายไป จึงช่วยลดอุณหภูมิร่างกายได้ เมื่อเกิดภาวะไข้ขึ้นสูง บรรเทาอาการเจ็บคอ และช่วยให้ปอดทำงานได้ปกติ แพทย์แผนจีนมีการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้เพื่อช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของผู้ป่วย สามารถรับประทานแบบธรรมชาติ คือ กินทั้งใบสด หรือใบตากแห้งแล้วบดเป็นผง รวมถึงรับประทานเป็นยาฟ้าทะลายโจรที่อยู่ในรูปสารสกัดก็ได้ thailand kariyat

วิธีการรับประทานฟ้าทะลายโจร

ยาฟ้าทะลายโจรมีจำหน่ายทั้งแบบแคปซูล และแบบเม็ด  ควรรับประทานวันละ 180 มิลลิกรัม วันละ 3 – 4 ครั้งแต่ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ และไม่ควรทานต่อเนื่องนานเกิน 3 เดือน ผู้ป่วยควรใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากอย. โดยมีข้อควรระวัง ดังนี้
  • ยาฟ้าทะลายโจรไม่ควรใช้ในกรณีสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
  • หากเกิดอาการจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ไอ เจ็บคอ มีไข้ หนาวสั่น หรือมีตุ่มหนองใน ยาฟ้าทะลายโจรจะไม่สามารถรักษษได้
  • ไม่ควรทานร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน ยาลดความดัน ยาโคลพิโดเกรล และยาวาร์ฟาริน
  • ไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงอย่างแขนขาอ่อนแรงได้
  • หากมีอาการแพ้ในการใช้ยาฟ้าทะลายโจร เช่น ผื่นแดง หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ควรหยุดรับประทานยาฟ้าทะลายโจรทันที
  • หากรับประทานนาน 3 วันแล้วพบว่าอาการไม่ดีขึ้นควรเข้าพบแพทย์อีกครั้ง
  • ผู้ที่ไม่ควรกินใบฟ้าทะลายโจร ได้แก่ ผู้ป่วยด้วยโรคตับ โรคไต และผู้ป่วยที่รับประทานยาลดความดันโลหิต
  • กรณีผู้ป่วยที่ถ่ายเหลว ท้องเสียบ่อย ระบบย่อยไม่ดี หรือผู้ที่มีภาวะธาตุอ่อนไม่ควรกินฟ้าทะลายโจรแบบต่อเนื่อง เพราะจะทำให้ร่างกายเย็นมากเกินไปจนถ่ายท้อง ถ่ายเหลวเพิ่มขึ้นได้
  • ไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก ๆ ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขาเป็นเหน็บชา อ่อนแรง หรือท้องเสียได้ อันเนื่องมาจากยามีฤทธิ์เย็น ทำให้เลือดที่เดินไปเลี้ยงส่วนแขนขาเกิดการติดขัด ระบบย่อยอาหารเกิดปัญหา
ไข้หวัดนกมีสาเหตุเกิดจากอะไร อ่านต่อได้ที่นี่

ข้อดีของการรักษาด้วยยาฟ้าทะลายโจร

ต้นฟ้าทะลายโจรเป็นพืชที่ปลูกง่าย สามารถปลูกได้เกือบทุกพื้นที่ของประเทศไทย และเป็นพืชที่ถูกระบุชื่อเอาไว้ในรายชื่อยาจำเป็นของประเทศไทยอีกด้วย สามารถใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านได้เหมือนกับยาพาราเซตามอล

ข้อควรพิจารณาและข้อควรระวัง

  • การตั้งครรภ์และให้นมบุตร : ไม่แนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากมีข้อมูลด้านความปลอดภัยที่จำกัด
  • โรคภูมิแพ้ : บุคคลที่แพ้พืชในวงศ์ Acanthaceae (เช่น สะระแหน่) อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้ต่อ ฟ้าทะลายโจร
  • ปฏิกิริยาระหว่างยา : ฟ้าทะลายโจรอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้ฟ้าทะลายโจร หากคุณกำลังใช้ยาอื่นหรือมีภาวะสุขภาพผิดปกติ
  • ปริมาณ : ปฏิบัติตามแนวทางปริมาณที่แนะนำโดยผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพหรือฉลากผลิตภัณฑ์ การบริโภคที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสีย

บทสรุป:

ฟ้าทะลายโจร เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้มายาวนานในยาสมุนไพรแผนโบราณ มีคุณค่าสำหรับคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ แม้ว่าโดยทั่วไปจะถือว่าปลอดภัยเมื่อใช้อย่างเหมาะสม แต่สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนที่จะใช้คาริยาตหรืออาหารเสริมสมุนไพรใดๆ ในระบบการดูแลสุขภาพของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะสุขภาพอยู่หรือกำลังใช้ยาอยู่
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด