การติดเชื้อแบคทีเรียมีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย ในขณะที่การติดเชื้อไวรัสเกิดจากไวรัส การแยกความแตกต่างของการติดเชื้อทั้งสองชนิดนี้จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการทางการแพทย์ เนื่องจากทั้งสองสาเหตุทำให้เกิดไข้ และการระคายเคืองเหมือนกัน แต่การรักษานั้นแตกต่างกัน
การติดเชื้อไวรัส
การติดเชื้อไวรัสที่พบทั่วไป เช่น การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดน้ำมูกไหล ไอ มีไข้ต่ำ เจ็บคอ และนอนไม่หลับ ไม่มียาปฏิชีวนะ หรือยาต้านไวรัสใดที่ทำให้หายหวัดได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ เด็กที่ติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบนจะเป็นนานกว่าผู้ใหญ่ ประมาณ 14 วัน และเป็นบ่อยกว่า (อายุประมาณ 6-8 ปี) ไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดเนื้อปวดตัว และมีไข้สูง ไม่เหมือนกัยการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน หากสามารถพบว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ภายใน 48 ชั่วโมง สามารถรักษาให้หายไวขึ้นได้โดยยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ การฉีดวัคซีนไวรัสไข้หวัดใหญ่ 1 โดส ( หรือ 2 โดสต่อเดือนในเด็กเล็กที่รับวัคซีนในครั้งแรก) สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ในฤดูที่เกิดไข้หวัดใหญ่ได้การติดเชื้อแบคทีเรีย
ในบางกรณีเราอาจเป็นกังวลว่าการติดเชื้อนั้นเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทุติยภูมิ (เป็นการติดเชื้อไวรัสก่อน แล้วติดเชื้อแบคทีเรียภายหลัง) :- อาการเกิดขึ้นติดต่อกันมากกว่า 10-14 วัน มากกว่าระยะเวลาการติดเชื้อไวรัส
- มีไข้สูงกว่าการติดเชื้อไวรัส
- อาการไข้แย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
การวินิจัยการติดเชื้อแบคทีเรีย
การตรวจที่ช่วยในการวินิจฉัยการติดเชื้อแบคทีเรีย คือ การนับเม็ดเลือดขาว และการตรวจของเหลวที่สงสัย ซึ่งรวมไปถึงการตรวจเลือด การตรวจปัศศาวะ และการตรวจไขสันหลัง (ต้องเจาะน้ำไขสันหลัง) ไม่ว่าการติดเชื้อจะเกิดจากไวรัส หรือแบคทีเรีย คุณควรดูอาการเหล่านี้ของลูก และพาไปพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้:- ขาดน้ำ ดื่มน้ำน้อยลง; ฉี่น้อยกว่า 3 ครั้งใน 24 ชั่วโมง หรือมีน้ำตาน้อยลงเมื่อร้องไห้
- หายใจเร็วขึ้น จมูกบาน ใช้สีข้าง กระเพาะ หรือกล้ามเนื้อคอเพื่อหายใจ
- ตอบสนอง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ น้อยลง
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 3-5 วัน
- เด็กอายุต่ำกว่า 3 เดือนแล้วมีไข้
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น