สิวและฝี คือปัญหาสุขภาพผิวที่น่ารำคาญใจที่บางครั้งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการที่คล้ายคลึงกัน รูขุมขนของผิวจะเปิดออกเล็กน้อยเพื่อปล่อยให้น้ำมันซึมออกมาและรักษาความชุ่มชื้นผิว สิวคือผลมาจากรูขุมขนเริ่มเกิดการอุดตัน ฝี คือ ก้อนตุ่มมีหนองที่มีสาเหตุมากจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ฝีจะปรากฏให้เห็นด้วยการแดงและบวม คนส่วนใหญ่มักรักษาทั้งสิวและฝีที่บ้าน บางครั้งฝีอาจกลายเป็นการติดเชื้อรุนแรงที่เรียกว่าฝีฝักบัว

สาเหตุ

สิวมักเกิดจากผลของการผลิตน้ำมันที่มากเกินไปหรือเกิดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตาย ส่วนใหญ่สิวมักเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวัยรุ่น เมื่อตอนที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนมากส่งผลให้มีการสร้างน้ำมันที่มากเกินไปด้วย บางครั้งเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่เรียกว่า โพรพิออนนีแบคทีเรียมแอคเน่ เกิดการแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังและเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแดง เจ็บและระคายเคือง สิวส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นที่ใบหน้า แต่ก็สามารถเกิดขึ้นที่หลังหรือคอได้ สิวมีหลายชนิด ซึ่งรวมไปถึงสิวหัวดำ สิวหัวขาวและสิวผด บางชนิดเป็นสิวหัวหนอง ซึ่งมีความใกล้เคียงกับฝี เชื้อแบคทีเรียสแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส มักอาศัยอยู่ที่ด้านบนของผิว แต่ก็อาจเข้าไปชั้นผิวด้านในได้ผ่านรอยแผล แมลงกัดหรือการติดเชื้อที่รูขุมขน การแทรกซึมนี้สามารถส่งผลให้เกิดฝีได้ ฝีมักเกิดขึ้นในบริเวณของผิวที่มีเหงื่อออกมากที่สุด ซึ่งรวมไปถึง:
  • รักแร้
  • ก้น
  • ใบหน้า
  • คอ
  • ต้นขา
ฝีมักเริ่มจากตุ่มทรงกลม มีขนาดเล็ก ซึ่งมักจะบวมและแดง เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆวันตุ่มก้อนนี้จะมีหนอง ในขณะที่ตุ่มโตขึ้น แรงดันที่ผิวก็จะเพิ่มขึ้นด้วยจนในที่สุดก็กลายเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝีที่แตกออกและมีหนองไหล

การวินิจฉัยโรค

แพทย์มักจะวินิจฉัยฝีหรือสิวด้วยการตรวจด้วยตาเปล่า แพทย์จะสอบถามอาการ ครั้งแรกที่สังเกตเห็นตุ่มก้อน และเคยได้ลองพยายามรักษาอะไรมาบ้างแล้ว รวมถึงอาการ ตำแหน่งของตุ่มและสภาพรอบๆผิวเพื่อช่วยทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นฝีหรือสิว 

การรักษา

การรักษาสำหรับฝีหรือสิวนั้นแตกต่างกัน ต่อไปนี้คือเทคนิคที่พบได้ทั่วๆไป

สิว

สำหรับคนส่วนใหญ่การทำความสะอาดผิวเป็นประจำจะสามารถช่วยลดการทำให้เกิดสิวได้ แต่อย่างไรก็ตามสิวต้องใช้เวลา 6 ถึง 8 สัปดาห์ในการรักษาสิวจนหายสนิท การดูแลผิวเป็นประจำสำหรับสิวควรทำดังนี้:
  • ล้างผิวในตอนเช้าและเย็นด้วยน้ำอุ่น ไม่ใช่น้ำร้อน น้ำและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบอ่อนโยน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์หรือuซาลิไซลิก แอซิด เพื่อลดน้ำมันและลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายในรูขุมขน
  • ทามอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดอ่อนโยนเพื่อลดความแห้งที่อาจเป็นผลจากการรักษาสิว
  • ขัดผิวสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งด้วยการถูกเบาๆเพื่อป้องกันการสะสมของเซลล์ผิวที่ตาย
  • หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว เพราะนั้นเท่ากับเป็นการเชื้อเชิญให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังและนำไปสู่การเกิดแผลเป็น
หากสิวไม่ยอมหายไปด้วยการรักษาที่บ้าน ควรไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง แพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในการจัดการดูแลผิว a boil or pimple

ฝี

ประคบน้ำอุ่นที่ฝีเพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดและอาจช่วยนำหนองออกจากฝี หากฝีอยู่ในบริเวณที่ยากจะเข้าถึงอาจต้องใช้การแช่น้ำร้อนแทน ยาบรรเทาปวดที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเช่น อะเซตามีโนเฟน หรือไอบูโรเฟนสามารถลดอาการไม่สบายตัวได้ แพทย์อาจสั่งจ่ายยาขี้ผึ้งที่เป็นยาปฏิชีวนะที่ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียภายในฝี หรือสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด ในบางกรณี แพทย์อาจจะผ่าเอาน้ำหนองในฝีออกและทายาปฏิชีวนะในบริเวณที่มีอาการเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ ฝีและผิวหนังบริเวณรอบๆจะต้องได้รับการรักษาความสะอาดและแห้งอยู่เสมอ ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำหลังจากสัมผัสฝี เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายการติดเชื้อ การใช้ของส่วนตัวร่วมกันเช่น ผ้าขนหนู มีดโกนหรือแปรงแต่งหน้าสามารถส่งต่อเชื้อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งได้

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

หากสิวสร้างความเจ็บปวดหรือไม่ดีขึ้นจากการรักษาจากยาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ให้ไปพบแพทย์ คนที่เป็นฝีควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำหากมีอาการดังต่อไปนี้:
  • มีฝีขึ้นมากกว่าหนึ่งจุดในเวลาเดียวกัน
  • มีไข้
  • ฝีมีขนาดกว้างมากกว่า 2 นิ้ว
  • ฝีไม่หายหลังผ่านไปสองสัปดาห์ แม้จะพยายามรักษาที่บ้านแล้วก็ตาม
  • ฝีกลับมาเป็นอีกครั้ง
  • ฝีขึ้นที่บริเวณใกล้ดวงตา
ฝีหลายอันที่ขึ้นในตำแหน่งเดียวกันสามารถมารวมกันได้กลายเป็นกระจุก ซึ่งที่เรียกกันว่าฝีฝักบัว ซึ่งนำไปสู่การติดเชื้อเป็นสาเหตุของอาการคล้ายไข้หวัด ฝีและสิวคือสิ่งที่สร้างความรำคาญใจแต่เป็นภาวะของผิวที่สามารถรักษาได้สูง หากการรักษาเองที่บ้านด้วยยาที่ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปไม่ส่งผลที่ดี ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเพิ่มเติม หากคุณไม่แน่ใจว่าคุณมีสิวหรือมีหนอง หรือหากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับสภาพผิว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำในการประเมินและการรักษาที่เหมาะสม พวกเขาสามารถให้การวินิจฉัยตามอาการ ประวัติทางการแพทย์ และการตรวจร่างกายของคุณ และแนะนำทางเลือกการรักษาที่เหมาะสมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด