สังกะสี Zinc คืออะไร
ธาตุสังกะสี หรือ Zinc คือสารอาหารที่มีบทบาทที่จำเป็นหลายอย่างต่อร่างกาย เพราะร่างกายไม่สามารถผลิตสังกะสีได้เองตามธรรมชาติ เราจึงจำเป็นต้องได้รับผ่านอาหารหรืออาหารเสริม ในบทความนี้จะอธิบายทุกอย่างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับสังกะสี รวมไปถึงการทำงาน ประโยชน์ต่อสุขภาพ ปริมาณที่ควรแนะนำและโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง แร่สังกะสีคือสารอาหารที่จำเป็น ซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตได้หรือเก็บไว้ได้ ด้วยเหตุนี้เองคุณจึงจำเป็นต้องได้รับผ่านอาหารที่บริโภคเข้าไป สังกะสีเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อกระบวนต่างๆมากมายของร่างกาย ซึ่งรวมไปถึง:- การแสดงออกของยีน
- การสังเคราะห์แสง
- การทำงานของภูมิคุ้มกัน
- การสังเคราะห์โปรตีน
- การสังเคราะห์ดีเอ็นเอ
- กระบวนการหายของแผลปกติ
- การเจริญเติบโตและการพัฒนาการ
Zinc ช่วยอะไร
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นที่ร่างกายต้องใช้ในหลายๆทาง ในความเป็นจริงแล้วนั้น สังกะสีคือเกลือแร่รองอันดับสองในร่างกายของเรา – รองจากธาตุเหล็ก -ที่มีอยู่ในเซลล์ทุกๆเซลล์ สังกะสีมีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเอนไซม์มากกว่า 300 ชนิดที่ช่วยในการเผาผลาญ การย่อยอาหาร การทำงานของประสาทและกระบวนการอื่นๆอีกมากมาย สังกะสียังมีความสำคัญสำหรับการพัฒนาการและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน แร่ธาตุชนิดนี้คือส่วนสำคัญต่อสุขภาพของผิวพรรณ การสังเคราะห์ดีเอ็นเอและการผลิตโปรตีน ยิ่งกว่านั้น สังกะสียังช่วยเรื่องการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย เพราะสังกะสีมีบทบาทในการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ สังกะสี คือ สิ่งจำเป็นสำหรับการรับรู้กลิ่นและรสชาติ เพราะมีหนึ่งในเอนไซม์ที่สำคัญสำหรับเรื่องรสชาติและกลิ่น การขาดสังกะสีจะไปลดความสามารถในการรับรู้กลิ่นและรสชาติช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
สังกะสีจะช่วยทำให้ระบบภูมิต้านทานของร่างกายแข็งแรง เพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และการส่งสัญญานของเซลล์ การพร่องสังกะสีอาจทำให้การตอบสนองของภูมิต้านทานอ่อนแอ อาหารเสริมสังกะสีจะช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานอละช่วยลดภาวะความเครียดออกซิเดชั่น ยกตัวอย่าง จากการศึกษาตัวอย่าง7ตัวอย่างที่รับประทานสังกะสี 80-92 มก.ต่อวันอาจช่วยลดระยะการเกิดอาการหวัดได้มากถึง 33% ยิ่งกว่านั้นอาหารเสริมสังกะสียังช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและช่วยให้การตอบสนองภูมิต้านทานในผู้สูงอายุดีขึ้นได้ด้วยอาหารเสริมซิงค์ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น
สังกะสีมักถูกนำมาใช้ในโรงพยาบาลในการรักษาคนไข้จากแผลไฟไหม้ แผลบางชนิดและอาการบาดเจ็บผิวหนังอื่นๆ เพราะแร่ธาตุนี้มีบทบาทที่สำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน การทำงานของภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการสมานแผล ในขณะที่มีภาวะพร่องสังกะสีที่ทำให้แผลหายช้าลง การรับประทานอาหารเสริมก็จะช่วยเร่งการฟื้นฟูให้แผลหายได้. ยกตัวอย่างจากการศึกษาคน 60 คนที่เป็นแผลเบาหวานที่เท้าเป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยรักษาด้วยการสังกะสี 200 มก. ต่อวัน พบว่าช่วยลดขนาดของแผลลงได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับคนที่ทานยาหลอกกินซิงค์ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคในผู้สูงอายุบางโรค
สังกะสีอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคผู้สูงอายุได้อย่างชัดเจน เช่นโรคปอดอักเสบ โรคติดเชื้อและโรคจอประสาทตาเสื่อม(AMD). สังกะสีอาจช่วยบรรเทาภาวะเครียดออกซิเดชั่นและช่วยการตอบสนองของภูมิค้มกันดีขึ้นได้ด้วยการสร้างการทำงานของที-เซลล์ ซึ่งจะช่วยปกป้องร่างกายของเราจากการติดเชื้อ ผู้สูงอายุที่รับประทานอาหารเสริมที่มีสังกะสีพบว่ามีการตอบสนองต่อวัคซีนไข้หวัดใหญ่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคปอดอักเสบและเสริมสร้างประสิทธิภาพทางด้านจิตใจ จากการศึกษาพบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับสังกะสี 45 มก. ต่อวันอาจช่วยลดอัตราการติดเชื้อลงได้เกือบ 66% เพิ่มเติมจากการศึกษาขนาดใหญ่กับคนมากกว่า 4,200 คน ด้วยการให้รับประทานอาหารเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ -วิตามินอี วิตามินซีและเบต้าแคโรทีน – ร่วมกับสังกะสี 80 มก. ช่วยลดการสูญเสียการมองเห็นและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมลงได้ประโยชน์ของสังกะสีอาจช่วยในการรักษาสิว
สิว คือ สิ่งที่เกิดจากการอุดตันของต่อมผลิตน้ำมัน แบคทีเรียและการอักเสบ เป็นโรคผิวหนังทั่วๆไปที่ส่งผลกับคนทั่วโลกราว 9.4% จากการศึกษาพบว่าการรักษาด้วยสังกะสีทั้งแบบทาเฉพาะที่และแบบรับประทานสามารถส่งผลดีในการรักษาสิวได้โดยการลดการอักเสบ การเจริญเติบโตของเชื้แบคทีเรีย P. acnes และช่วยกดการทำงานของต่อมน้ำมัน คนที่เป็นสิวมีแนวโน้มที่จะมีระดับสังกะสีต่ำด้วย ดังนั้น อาหารเสริมอาจช่วยลดอาการดังกล่าวได้ช่วยลดการอักเสบ
สังกะสีช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดชั่นและลดระดับการอักเสบของโปรตีนบางตัวในร่างกายได้ ภาวะเครียดออกซิเดชั่นอาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง มีส่วนในการเกิดอาการเจ็บป่วยเรื้อรังในวงกว้าง เช่นโรคหัวใจ มะเร็งและจิตเสื่อม จากการศึกษาผู้สูงอายุ 40 คน ที่รับประทานสังกะสี 45 มก.ต่อวันพบว่าช่วยลดการอักเสบลงได้เมื่อเทียบกับคนที่กินยาหลอกอาการพร่องสังกะสี
ถึงแม้ภาวะพร่องสังกะสีรุนแรงนั้นพบได้น้อยมากก็ตาม แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ในคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของยีน ทารกที่ทานนมจากแม่ที่มีสังกะสีไม่พอเพียง คนที่ติดแอลกอฮอล์และทุกคนที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน อาการของคนที่มีภาวะพร่องสังกะสีรุนแรงคือการเจริญเติบโตและพัฒนาการไม่ดี ภาวะพัฒนาการทางเพศล่าช้า มีผื่นผิวหนัง ท้องเสียเรื้อรัง แผลรักษาหายช้าและมีปัญหาด้านพฤติกรรม คนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะพร่องสังกะสีคือ:- คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่นโรคโครห์น
- คนที่เป็นมังสวิรัติ
- หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
- คนที่เป็นโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
- คนที่ขาดสารอาหาร รวมไปถึงคนที่เป็นโรคอะนอเร็กเซียหรือบูลิเมีย
- คนที่เป็นโรคไตเรื้อรัง
- คนที่ติดแอลกอฮอล์
อาหารที่มีธาตุสังกะสี
ธาตุสังกะสีในพืชและสัตว์มีอยู่ตามธรรมชาติมากมาย และง่ายสำหรับคนส่วนใหญ่ในการเลือกบริโภคให้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม อาหารที่มีสังกะสีสูงที่สุดคือ- หอยต่างๆ: หอยนางรม ปู หอยแมลงภู่ ลอปเตอร์และหอยกาบ
- เนื้อสัตว์: เนื้อวัว หมู แกะ
- สัตว์ปีก: ไก่งวงและไก่
- ปลา: ปลาลิ้นหมา ซาดีน แซลมอนและปลาโซล
- ถั่ว: ถั่วลูกไก่ เลนทิล ถั่วดำ ถั่วแดงและอื่นๆ
- ถั่วและเมล็ด: เม็ดฟักทอง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดเฮมพ์และอื่นๆ
- ผลิตภัณฑ์นม: นม โยเกิร์ตและชีส
- ไข่
- โฮลเกรน: ข้าวโอ๊ต ควินัว ข้าวกล้องและอื่นๆ
- ผักบางชนิด: เห็ด เคล ถั่ว แอสปารากัสและบีทกรีน
โทษของธาตุสังกะสี
ภาวะพร่องสังกะสีทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อสุขภาพได้ การรับประทานมากเกินไปก็เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีได้เช่นกัน สาเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดสารพิษจากสังกะสีก็คือการรับประทานอาหารเสริมสังกะสีที่มากเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้ทั้งสิ้น อาการของการเกิดสารพิษคือ:- คลื่นไส้ อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ท้องเสีย
- ปวดเกร็งหน้าท้อง
- ปวดศีรษะ
- การทำงานภูมิต้านทานลดลง
- ระดับคอเรสเตอรอล “ตัวดี” HDL ลดลง
ซิงค์กินตอนไหน
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยวการบริโภคที่มากเกินไป ควรออกห่างจากอาหารเสริม Zinc ที่มีปริมาณสังกะสีสูง เว้นเสียแพทย์สั่ง ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวันคือ 11 มก.สำหรับผู้ชายและ 8 มก. สำหรับผู้หญิง หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรควรบริโภค 11 และ 12 มก.ต่อวัน ระดับสังกะสีที่สูงสุดคือ 40 มก.ต่อวัน ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้ได้กับคนที่มีภาวะพร่องสังกะสี คนที่อาจต้องการการทานอาหารเสริมในปริมาณสูง หากคุณเลือกจะรับประทานเป็นอาหารเสริม ควรเลือกชนิดที่สามารถดูดซึมได้ เช่น สังกะสีซิเตรต หรือ สังกะสีกลูโคเนต และออกให้ห่างจากชนิดสังกะสีออกไซด์ ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ยาก และควรรับประทานตอนท้องว่างเพื่อการดูดซึมที่ดีใครที่ควรเสริมสังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของร่างกายต่างๆ มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การรักษาบาดแผล การสังเคราะห์ DNA และการทำงานที่เหมาะสมของเอนไซม์หลายชนิด แม้ว่าสังกะสีจะจำเป็นสำหรับทุกคน แต่บางกลุ่มก็อาจมีความต้องการสังกะสีสูงกว่าหรือมีความเสี่ยงต่อการขาดสังกะสีมากกว่า ซึ่งรวมถึง:- ทารกและเด็ก:
-
-
- สังกะสีมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกและเด็ก มีบทบาทในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และการขาดสารอาหารอาจทำให้การเจริญเติบโตและพัฒนาการหยุดชะงักได้
-
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร:
-
-
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรต้องการสังกะสีเพิ่มเติมเพื่อรองรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์และทารก สังกะสีมีความสำคัญต่อการสร้างอวัยวะและระบบภูมิคุ้มกันของทารกอย่างเหมาะสม
-
- มังสวิรัติและวีแกน:
-
-
- อาหารจากพืชอาจให้สังกะสีที่มีประโยชน์ทางชีวภาพน้อยกว่าเมื่อเทียบกับอาหารจากสัตว์ ผู้ที่เป็นมังสวิรัติควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีอาหารจากพืชที่มีสังกะสีสูงไว้ในอาหาร เช่น พืชตระกูลถั่ว เมล็ดพืช ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืชไม่ขัดสี
-
- ผู้สูงอายุ:
-
-
- ผู้สูงอายุอาจมีการดูดซึมสังกะสีลดลง และอาจมีความเสี่ยงต่อการขาดสังกะสีมากขึ้น ปริมาณสังกะสีที่เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการเสื่อมตามอายุ
-
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร:
-
-
- ภาวะต่างๆ เช่น โรคโครห์น โรคเซลิแอค และความผิดปกติของระบบทางเดินอาหารอื่นๆ อาจทำให้การดูดซึมสังกะสีลดลง บุคคลที่มีภาวะเหล่านี้อาจจำเป็นต้องติดตามระดับสังกะสีของตนเอง และหากจำเป็น ให้พิจารณาการเสริมภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
-
- ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังบางชนิด:
-
-
- อาการเรื้อรังบางอย่าง เช่น โรคเบาหวานและโรคไตเรื้อรัง อาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญสังกะสี บุคคลที่มีภาวะเหล่านี้อาจมีความต้องการสังกะสีที่แตกต่างกัน
-
- นักกีฬา:
-
- การออกกำลังกายอย่างหนักสามารถเพิ่มความต้องการสังกะสีของร่างกายได้ นักกีฬา โดยเฉพาะผู้ที่เล่นกีฬาประเภทที่ต้องใช้ความอดทน อาจมีความต้องการสังกะสีสูงขึ้น
ประเด็นสำคัญ
สังกะสีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ การทำงานของภูมิต้านทาน การเผาผลาญ และการเจริญเติบโต สังกะสีอาจช่วยลดการอักเสบและความเสี่ยงในการเกิดโรคตามอายุบางอย่าง ผู้ชายควรบริโภค 11 มก. และ 8 มก.สำหรับผู้หญิงผ่านการรับประทานเข้าไป แต่สำหรับผู้สูงอายุและคนที่มีโรคที่ไปยับยั้งการดูดซึมสังกะสี อาจจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมดังกล่าว เพราะอาหารเสริมที่มีปริมาณสังกะสีสูงอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย จึงเป้นเรื่องสำคัญที่ต้องทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดและรับประทานอาหารเสริมเท่าที่จำเป็นเท่านั้นนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/drugs-supplements-zinc/art-20366112
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/263176
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3724376/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น