เงื่อนไขที่ทำให้เกิดอาการคัน
ผิวแห้ง (Itchy skin)
ผิวจะมีอาการคันผิวหนัง ผิวแห้ง คันและแตก ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตามขาแขนและหน้าท้อง สามารถแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตประจำวัน หรือทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เพื่อไม่ให้ผิวแห้งคัน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับผิวแห้งแพ้อาหาร (Food allergy)
หากมีการแพ้อาหารเกิดขึ้น และมีอาการแสดงออกมาตามผิว คุณควรเข้าพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจาก บางครั้งอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ การแพ้อาหารอาจจะเกิดขึ้นจาก- เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของคุณมีปฎิกริยาตอบสนองกับสารอาหารหรือเครื่องดื่มที่รับเข้าไป ว่าเป็นอาหารที่ร่างกายคุณไม่สามารถรับได้
- อาการมีตั้งแต่เล็กน้อยถึงขั้นรุนแรง อาจมีการจาม ตาบวม คัน มีผื่นลมพิษ ปวดท้องคลื่นไส้อาเจียนและหายใจไม่ออก
- ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของคุณ อาการอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาที หรืออาจจะให้หลังเป็นชั่วโมง หลังจากรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้
- อาหารส่วนใหญ่ที่คนอาจจะแพ้ได้ มีดังนี้ นมวัวไข่ ถั่วลิสง ปลา ธัญพืช ข้าวสาลี ถั่วเหลือง
โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
- ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด หน้าท้องบวม
- ผิวช้ำง่าย และมีเลือดออกง่าย
- เส้นเลือดเห็นชัดเหมือนใยแมงมุมใต้ผิว
- ผิวหรือตาเหลือง และมีอาการคันที่ผิว
ผื่นผ้าอ้อม (Diaper rash)
- มีผื่นแพ้บริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อม
- ผิวแดงระคายเคือง
- ผิวมีร้อนเมื่อสัมผัส
ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis)
โรคผิวหนังผื่นแพ้สัมผัส อาการ- ผื่นแพ้เกิดภายใน หนึ่งชั่วโมงสามารถมีอาการ หนึ่งวันหลังจากการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้
- ผื่นแดง มองเห็นได้และปรากฏขึ้นที่ผิวของคุณที่สัมผัสกับสารระคายเคือง
- ผิวที่แพ้มีอาการคัน แดง ลอก
- มีแผลพุพองที่ไหลซึม หรือผิวลอก
ลมพิษ (Urticaria)
- คันที่เกิดขึ้นหลังจากการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
- ผิวร้อนแดงและมีอาการเจ็บผิวเล็กน้อยเมื่อสัมผัส
- อาจจะเกิดขึ้นเป็นวงเล็กๆ เหมือนวงแหวนหรืออาจจะใหญ่และเล็กปะปนกันไป
ผื่นแพ้ (Rash)
หากเกิดอาการนี้นับว่าเป็นอาการที่มีความอันตรายสูง ควรพบแพทย์โดยด่วน- สีผิวเปลี่ยนไปเห็นได้อย่างชัดเจนตรงที่เป็นผื่นคัน
- อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นแมลงสัตว์กัดต่อย อาการแพ้ผลข้างเคียงของยา การติดเชื้อที่ผิวหนัง ติดเชื้อรา การติดเชื้อที่ผิวหนังจากแบคทีเรีย โรคแพ้ภูมิตัวเอง
- อาการขึ้นผื่นแดงนี้สามารถรักษาเองได้ที่บ้าน แต่หากมีอาการรุนแรงร่วมกับอาการป่วย วิงเวียน อาเจียน หรือหายใจไม่สะดวก คุณอาจจะต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน
- หน้าเป็นปื้นแดง คัน
โรคผิวหนังชนิดเป็นตุ่มพุพอง (Impetigo)
- พบมากในทารกและเด็ก
- ผื่นตุ่มพุพองมักจะเกิดบริเวณปาก คาง จมูก
- เป็นผื่นระคายเคืองและมีแผลพุพองอาจมีหนอง ผิวบริเวณรอบเป็นสีน้ำตาล
- เป็นตุ่มคันหรือตุ่มใส ไม่คัน
สังคัง (Jock itch)
- ผิวแดงคัน ร่วมกับผิวไหม้ที่บริเวณขาหนีบ
- ผิวลอก แตกบริเวณขาหนีบ
- ผื่นแดงบริเวณขาหนีบจะแย่ลงหากมีการเสียดสี
กลาก (Ringworm)
- มีลักษณะเป็นวงกลมแดงขุยๆ ตามชอบวงกลม
- ผิวด้านในวงกลมอาจจะเป็นผิวปกติ แต่ตามขอบโดยรอบจะเป็นขุย
- มีอาการคัน
หิด (Scabies)
- อาการอาจใช้เวลาสี่ถึงหกสัปดาห์จึงจะปรากฏ ผื่นคัน
- อาจเกิดอาการแพ้รุนแรงอาจเป็นผื่นเม็ดคันมีแผลพุพองเล็ก ๆ หรือผิวลอก
- ผิวมีเส้นขาว ๆ เป็นลายเส้น ๆ
- มีตุ่มขึ้นตามตัว คัน
โรคหัด (Measles)
- มีไข้เจ็บคอ ตาแดงเป็นน้ำ เบื่ออาหาร ไอและน้ำมูกไหล
- ผื่นแดงจะกระจายบริเวณใบหน้าและร่างกายสามถึงห้าวันหลังจากมีอาการ
- มีจุดสีแดงเล็ก ๆ ที่มีจุดศูนย์กลางสีขาวปรากฏขึ้นภายในปาก
- จุดแดงใต้ผิวหนัง ไม่คันหรือคัน
โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
- ผิวเป็นเกล็ดสีเงินแห้งและเป็นหย่อม ๆ
- โดยทั่วไปจะอยู่บนหนังศีรษะข้อศอกหัวเข่าและหลังส่วนล่าง
- อาจจะมีอาการคันหรือไม่คัน
โรคอีสุกอีใส (Chickenpox)
- มีแผลพุพองแดงคัน หรือตุ่มแดงคันมีน้ำใส ๆ ความรุนแรงเป็นตามระยะ เกิดได้ทั่วตัว
- ผื่นจะมาพร้อมกับไข้ปวดเมื่อยร่างกายเจ็บคอและเบื่ออาหาร
- เป็นโรคติดต่อ
- อาจมีตุ่มคันที่มือ หรือที่อื่น ๆ ทั่วร่างกาย
สาเหตุของอาการคัน
อาการคันสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย มีสาเหตุที่เป็นไปได้มากมายและหลากหลาย มันอาจเป็นผลมาจากบางสิ่งที่ร้ายแรงมากเช่นไตวายหรือเบาหวาน หรืออาจมาจากผิวแห้งหรือแมลงกัดต่อยสภาพผิว
สภาพผิวที่แตกต่างกันออกไป สภาพของผิวสามารถทำให้เกิดอาการคันที่ผิวหนัง ผิวต่อไปนี้สามารถมีผลต่อบริเวณผิวหนังบนร่างกาย:- ผิวหนังอักเสบ: ผิวหนังมีการอักเสบ
- เกลื้อน: โรคผิวหนังเรื้อรังที่มีอาการคันผื่นคันเป็นสะเก็ด
- โรคสะเก็ดเงิน: โรคแพ้ภูมิตัวเองที่ทำให้เกิดผื่นแดงและระคายเคืองผิว คันและผิวลอกตกสะเก็ด
- โรคผิวหนัง: เป็นผื่นแดงคัน ผื่นแดงที่เกิดจากแรงกดบนผิวหนัง
- โรคอีสุกอีใส
- โรคหัด
- ผื่นเชื้อรา
- ไรรวมถึงตัวเรือด
- แมลงปรสิตเล็ก ๆ
- พยาธิเข็มหมุด
- หิด
- ผิวระคายเคือง
ระบบภายในผิดปกติ
โรคภายในบางชนิดที่มีอาการรุนแรง สามารถส่งผลต่อสภาพผิวทำให้คัน โรคต่อไปนี้อาจทำให้เกิดอาการคันทั่วไปตามผิวหนัง:- ท่อน้ำดีอุดตัน
- โรคตับแข็ง
- โรคโลหิตจาง
- โรคมะเร็งในโลหิต
- โรคต่อมไทรอยด์
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- ไตล้มเหลว
ความผิดปกติของระบบประสาท
โรคอื่น ๆ สามารถทำให้เกิดอาการคันได้เช่นกันโดยโรคจำพวกนี้มีผลต่อประสาท มีดังนี้:- โรคเบาหวาน
- เส้นโลหิตตีบ
- โรคงูสวัด
- โรคระบบประสาท
การใช้ยา
ยาสามัญต่อไปนี้อาจจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดผื่นและคันได้มาก :- antifungals
- ยาปฏิชีวนะ (โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะที่ใช้ซัลฟา)
- ยาแก้ปวด
- anticonvulsant medication
การตั้งครรภ์
ผู้หญิงบางคนมีอาการคันเมื่อตั้งครรภ์ มักจะเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าอก แขน หน้าท้อง หรือต้นขา หากเคยเป็นโรคผิวหนังมาก่อนแล้ว การตั้งครรภ์อาจจะทำให้อาการแย่ลงการวินิจฉัยสาเหตุของอาการคันของคุณ
แพทย์จะทำการตรวจสอบร่างกายและจะถามคำถามคุณหลายข้อเกี่ยวกับอาการของคุณเช่น:- อาการระคายเคืองมีมานานแค่ไหนแล้ว
- มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ หรือไม่
- ผิวได้มีการสัมผัสสารระคายเคืองหรือไม่
- ปกติมีอาการแพ้หรือไม่
- มีการคันรุนแรงแค่ไหน
- มีการทานยาอะไรหรือไม่
- การตรวจเลือด: อาจบอกสาเหตุได้
- ทดสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ : สามารถแยกแยะปัญหาต่อมไทรอยด์ได้
- การตรวจชิ้นเนื้อผิวหนัง: สามารถตรวจสอบได้ว่าคุณมีการติดเชื้อหรือไม่
คุณควรพบแพทย์ ถ้าหากคุณ :
- อาการคันตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาการคันรุนแรง
- พบอาการอื่น ๆ ร่วมกับอาการคัน
วิธีแก้อาการคันเองที่บ้าน
ที่บ้านมีหลายอย่างที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการคันหรือโรคคันที่ผิวหนัง สามารถลองใช้ :- ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการเกาซึ่งอาจทำให้อาการคันแย่ลง
- ไม่ใช่สบู่ ผงซักฟอกและสารอื่น ๆ ที่มีน้ำหอมและสีย้อมสี
- อาบน้ำเย็นด้วยผงโอ๊ตหรือเบกกิ้งโซดา
- ใช้ครีมที่ช่วยบรรเทาอาการคัน
- รับประทานยาบรรเทาอาการคัน
- ลองใช้สบู่แก้คัน
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น