วิตามินดี Vitamin D
วิตามินดีคือวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่เป็นวิตามินที่มักถูกละเลย เพราะผู้คนเข้าใจว่าวิตามินชนิดนี้สามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกาย เมื่อสัมผัสกับแสงแดด แต่ปัจจัยนี้นั้นจะขึ้นกับรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย สำหรับคนเมืองที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ โอกาสสัมผัสแสงแดดก็จะยิ่งลดลง ยิ่งใช้ครีมกันแดดก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัวได้ วิตามิน D มีหน้าที่ช่วยการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูก และฟัน ป้องกันการเกิดโรคกระดูกบาง และกระดูกพรุน และวิตามินดียังมีความสำคัญต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ อย่างโรคความดันโลหิตสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยต้านโรคมะเร็ง และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมชนิดของ Vitamin d
วิตามิน D แบ่งได้ 2 ชนิด คือ- Vitamin D2 พบได้ในพืชที่สามารถสังเคราะห์แสงได้ รวมทั้งเห็ดและยีสต์ที่สังเคราะห์รังสี UV ในแสงแดด และพบมากในเมล็ดธัญพืชชนิดต่าง ๆ
- วVitamin D3 คือ วิตามินที่สังเคราะห์ขึ้นเมื่อผิวหนังของมนุษย์ได้รับรังสี UVB
ภาวะพร่องหรือขาดวิตามินดี
อาการขาดวิตามินดีคือภาวะที่ระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง ระดับมวลกระดูกลดลง จนทำให้เกิดภาวะกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนได้ แพทย์จะวินิจฉัยระดับค่า 25-Hydroxy-Vitamin D ในเลือดเพื่อพิจารณาความรุนแรงของภาวะขาดวิตามินดี ซึ่ง แบ่งได้ 3 ระดับดังนี้- ระดับปกติ (Normal) ระดับวิตามินดีในเลือด มากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)
- ภาวะพร่องวิตามินดี (Vitamin D insufficiency) ระดับวิตามินดีในเลือด 20 – 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)
- ภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D deficiency) ระดับวิตามินดีในเลือด น้อยกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)
สาเหตุของการขาดวิตามินดี
- ได้รับอาหารที่มีวิตามินดีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อปลา มักมีโอกาสขาดวิตามินดีได้
- ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ การพยายามหลบเลี่ยงแสงแดด รวมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด จะส่งผลให้การสังเคราะห์วิตามินดีของผิวหนังลดลง
- ภาวะการดูดซึมวิตามินดีผ่านระบบทางเดินอาหารบกพร่อง เนื่องจากโรคที่ส่งผลต่อการดูดซึมของวิตามินดี เช่น Celiac disease Crohn’s disease และการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กยังส่งผลกระทบต่อภาวะการดูดซึมวิตามินดีได้เช่นกัน
- การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาขยายหลอดลม ยารักษาวัณโรคบางชนิด ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนวิตามินดีไปอยู่ในรูปแบบที่ไม่ออกฤทธิ์มากขึ้น
อาหารที่มีวิตามินดี
แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสูง คือไข่แดง นม เนื้อปลาที่มีไขมันสูง ๆ ( เช่น ปลาแซมอน ปลาเทราต์ ทูน่า เป็นต้น) และพบได้ในน้ำมันตับปลา เนื้อสัตว์ ไข่ นม ตับสัตว์ และไขมัน เนยวิตามินดี ช่วยอะไรบ้าง
- ช่วยการดูดซึมแคลเซี่ยม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างกระดูกและฟัน
- ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกชนิดต่าง ๆ
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน รักษาระดับภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันของร่างกายกับโรคหวัด Vitamin D Receptor เป็นตัวรับจับวิตามินดี บน T cell และ B cell ของเซลล์เม็ดเลือดขาว
- ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ
- ช่วยการทำงานในกระบวนการสำคัญ ๆ ของร่างกาย เช่น ช่วยลดระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ป้องกันการเสียแคลเซียมจากกระดูก เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันโรคเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็ง
- ระดับของวิตามินดีในร่างกาย มีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้
- ช่วยในการแบ่งเซลล์ และการพัฒนาของเซลล์ จึงสามารถซ่อมแซมส่วนสึกหรอของผิวหนังได้ ช่วยชะลอวัยของผิว
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก และต่อเนื่อง
วิตามินดีในอาหาร
วิตามินดีจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมถึงการควบคุมการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส การรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวม แม้ว่าร่างกายจะผลิตวิตามินดีได้จากการสัมผัสกับแสงแดด แต่ก็สามารถได้รับจากอาหารบางชนิดได้เช่นกัน ต่อไปนี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี:- ปลาที่มีไขมัน:
-
-
- ปลาที่มีไขมันเป็นหนึ่งในแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติที่ดีที่สุด ตัวอย่าง ได้แก่:
- แซลมอน
- ปลาแมคเคอเรล
- ปลาซาร์ดีน
- แฮร์ริ่ง
- ปลาเทราท์
- ทูน่า
- ปลาที่มีไขมันเป็นหนึ่งในแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติที่ดีที่สุด ตัวอย่าง ได้แก่:
-
- น้ำมันตับปลา:
-
-
- น้ำมันตับปลาเป็นแหล่งวิตามินดีเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเนื่องจากมีวิตามินเอสูง
-
- ไข่แดง:
-
-
- ไข่แดงมีวิตามินดีในปริมาณเล็กน้อย โปรดทราบว่าวิตามินดีจะพบได้ในไข่แดงเป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้ไข่ทั้งฟอง
-
- ตับ:
-
-
- ตับเป็นแหล่งสารอาหารต่างๆ ที่ดี รวมถึงวิตามินดี แต่ก็มีคอเลสเตอรอลสูงเช่นกัน ดังนั้นควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
-
- ชีส:
-
-
- ชีสบางชนิด เช่น สวิสและเชดดาร์ มีวิตามินดีในปริมาณเล็กน้อย
-
- เห็ด:
-
-
- เห็ด โดยเฉพาะเห็ดที่ได้รับแสงอัลตราไวโอเลต (UV) สามารถให้วิตามินดีได้ในปริมาณเล็กน้อย ปริมาณวิตามินดีในเห็ดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการได้รับแสงแดดหรือแสงยูวีในระหว่างการเจริญเติบโต
-
- อาหารเสริม:
-
-
- อาหารหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ไม่มีวิตามินดีตามธรรมชาติสูงนั้นได้รับการเสริมด้วยวิตามิน อาหารเสริมทั่วไป ได้แก่:
- นมเสริม
- น้ำส้มเสริม
- ธัญพืชเสริม
- โยเกิร์ตเสริม
- อาหารหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ไม่มีวิตามินดีตามธรรมชาติสูงนั้นได้รับการเสริมด้วยวิตามิน อาหารเสริมทั่วไป ได้แก่:
-
- นมจากพืชเสริมอาหาร:
-
- นมทางเลือกที่ทำจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ และนมข้าวโอ๊ต มักจะเสริมด้วยวิตามินดี
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.webmd.com/diet/guide/vitamin-d-deficiency
- https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminD-HealthProfessional/
- https://www.healthline.com/health/food-nutrition/benefits-vitamin-d
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น