ผู้เขียน Dr. Sommai Kanchana
0
วิตามินดี

วิตามินดี Vitamin D

วิตามินดีคือวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกาย แต่เป็นวิตามินที่มักถูกละเลย เพราะผู้คนเข้าใจว่าวิตามินชนิดนี้สามารถสร้างขึ้นได้เองในร่างกาย เมื่อสัมผัสกับแสงแดด  แต่ปัจจัยนี้นั้นจะขึ้นกับรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย สำหรับคนเมืองที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ โอกาสสัมผัสแสงแดดก็จะยิ่งลดลง ยิ่งใช้ครีมกันแดดก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการขาดวิตามินดีโดยไม่รู้ตัวได้ วิตามิน D มีหน้าที่ช่วยการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูก และฟัน ป้องกันการเกิดโรคกระดูกบาง และกระดูกพรุน และวิตามินดียังมีความสำคัญต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ อย่างโรคความดันโลหิตสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยต้านโรคมะเร็ง และเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม

ชนิดของ Vitamin d

วิตามิน D แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
  • Vitamin D2 พบได้ในพืชที่สามารถสังเคราะห์แสงได้ รวมทั้งเห็ดและยีสต์ที่สังเคราะห์รังสี UV ในแสงแดด และพบมากในเมล็ดธัญพืชชนิดต่าง ๆ
  • วVitamin D3 คือ วิตามินที่สังเคราะห์ขึ้นเมื่อผิวหนังของมนุษย์ได้รับรังสี UVB

ภาวะพร่องหรือขาดวิตามินดี

อาการขาดวิตามินดีคือภาวะที่ระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำกว่าปกติ ส่งผลให้การดูดซึมแคลเซียมในร่างกายลดลง ระดับมวลกระดูกลดลง จนทำให้เกิดภาวะกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนได้  แพทย์จะวินิจฉัยระดับค่า 25-Hydroxy-Vitamin D ในเลือดเพื่อพิจารณาความรุนแรงของภาวะขาดวิตามินดี ซึ่ง แบ่งได้ 3 ระดับดังนี้
  • ระดับปกติ (Normal) ระดับวิตามินดีในเลือด มากกว่า 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)
  • ภาวะพร่องวิตามินดี (Vitamin D insufficiency) ระดับวิตามินดีในเลือด 20 – 30 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)
  • ภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D deficiency) ระดับวิตามินดีในเลือด น้อยกว่า 20 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (Ng/ML)

สาเหตุของการขาดวิตามินดี

  • ได้รับอาหารที่มีวิตามินดีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อปลา มักมีโอกาสขาดวิตามินดีได้
  • ได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ การพยายามหลบเลี่ยงแสงแดด รวมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด  จะส่งผลให้การสังเคราะห์วิตามินดีของผิวหนังลดลง
  • ภาวะการดูดซึมวิตามินดีผ่านระบบทางเดินอาหารบกพร่อง เนื่องจากโรคที่ส่งผลต่อการดูดซึมของวิตามินดี เช่น Celiac disease Crohn’s disease และการผ่าตัดเพื่อลดขนาดกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กยังส่งผลกระทบต่อภาวะการดูดซึมวิตามินดีได้เช่นกัน
  • การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยากันชัก ยาขยายหลอดลม ยารักษาวัณโรคบางชนิด ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนวิตามินดีไปอยู่ในรูปแบบที่ไม่ออกฤทธิ์มากขึ้น
Vitamin D

อาหารที่มีวิตามินดี

แหล่งอาหารที่มีวิตามินดีสูง คือไข่แดง นม เนื้อปลาที่มีไขมันสูง ๆ  ( เช่น ปลาแซมอน ปลาเทราต์ ทูน่า เป็นต้น) และพบได้ในน้ำมันตับปลา เนื้อสัตว์ ไข่ นม ตับสัตว์ และไขมัน เนย

วิตามินดี ช่วยอะไรบ้าง

  • ช่วยการดูดซึมแคลเซี่ยม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างกระดูกและฟัน
  • ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกชนิดต่าง ๆ
  • ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน รักษาระดับภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ โดยเฉพาะภูมิคุ้มกันของร่างกายกับโรคหวัด Vitamin D Receptor เป็นตัวรับจับวิตามินดี บน T cell และ B cell ของเซลล์เม็ดเลือดขาว
  • ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในวัยสูงอายุ
  • ช่วยการทำงานในกระบวนการสำคัญ ๆ ของร่างกาย เช่น ช่วยลดระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ป้องกันการเสียแคลเซียมจากกระดูก เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันโรคเบาหวาน
  • ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเซลล์มะเร็ง
  • ระดับของวิตามินดีในร่างกาย มีความสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • ช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้
  • ช่วยในการแบ่งเซลล์ และการพัฒนาของเซลล์ จึงสามารถซ่อมแซมส่วนสึกหรอของผิวหนังได้ ช่วยชะลอวัยของผิว
  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา โดยเฉพาะกีฬาที่ใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก และต่อเนื่อง

วิตามินดีในอาหาร

วิตามินดีจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายหลายอย่าง รวมถึงการควบคุมการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส การรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน และส่งเสริมความเป็นอยู่โดยรวม แม้ว่าร่างกายจะผลิตวิตามินดีได้จากการสัมผัสกับแสงแดด แต่ก็สามารถได้รับจากอาหารบางชนิดได้เช่นกัน ต่อไปนี้เป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี:
  • ปลาที่มีไขมัน:
      • ปลาที่มีไขมันเป็นหนึ่งในแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติที่ดีที่สุด ตัวอย่าง ได้แก่:
        • แซลมอน
        • ปลาแมคเคอเรล
        • ปลาซาร์ดีน
        • แฮร์ริ่ง
        • ปลาเทราท์
        • ทูน่า
  • น้ำมันตับปลา:
      • น้ำมันตับปลาเป็นแหล่งวิตามินดีเข้มข้น อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะเนื่องจากมีวิตามินเอสูง
  • ไข่แดง:
      • ไข่แดงมีวิตามินดีในปริมาณเล็กน้อย โปรดทราบว่าวิตามินดีจะพบได้ในไข่แดงเป็นหลัก ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้ไข่ทั้งฟอง
  • ตับ:
      • ตับเป็นแหล่งสารอาหารต่างๆ ที่ดี รวมถึงวิตามินดี แต่ก็มีคอเลสเตอรอลสูงเช่นกัน ดังนั้นควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ
  • ชีส:
      • ชีสบางชนิด เช่น สวิสและเชดดาร์ มีวิตามินดีในปริมาณเล็กน้อย
  • เห็ด:
      • เห็ด โดยเฉพาะเห็ดที่ได้รับแสงอัลตราไวโอเลต (UV) สามารถให้วิตามินดีได้ในปริมาณเล็กน้อย ปริมาณวิตามินดีในเห็ดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการได้รับแสงแดดหรือแสงยูวีในระหว่างการเจริญเติบโต
  • อาหารเสริม:
      • อาหารหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่ไม่มีวิตามินดีตามธรรมชาติสูงนั้นได้รับการเสริมด้วยวิตามิน อาหารเสริมทั่วไป ได้แก่:
        • นมเสริม
        • น้ำส้มเสริม
        • ธัญพืชเสริม
        • โยเกิร์ตเสริม
  • นมจากพืชเสริมอาหาร:
    • นมทางเลือกที่ทำจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ และนมข้าวโอ๊ต มักจะเสริมด้วยวิตามินดี 
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือแม้ว่าอาหารบางชนิดจะมีวิตามินดี แต่การได้รับปริมาณที่เพียงพอจากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเรื่องยาก การได้รับแสงแดดยังคงเป็นแหล่งสำคัญของวิตามินดี เนื่องจากผิวหนังจะผลิตวิตามินเพื่อตอบสนองต่อรังสี UVB อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างๆ เช่น ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ฤดูกาล ช่วงเวลาของวัน และการสร้างเม็ดสีผิว อาจส่งผลต่อความสามารถของร่างกายในการผลิตวิตามินดีจากแสงแดด

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/diet/guide/vitamin-d-deficiency
  • https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminD-HealthProfessional/
  • https://www.healthline.com/health/food-nutrition/benefits-vitamin-d
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด