ซูชิ (Sushi) : สิ่งควรรู้ และข้อควรระวัง

ซูชิคืออะไร 

ซูชิ คือ ข้าวปั้นญี่ปุ่น มีสาหร่ายห่อม้วนด้านในใส่ข้าวญี่ปุ่น ปลาดิบหรือสุกและผักต่างๆ โดยปกติมักเสริฟ์พร้อมกับซอสถั่วเหลือง วาซาบิและขิงดอง ซูชิเป็นอาหารยอดนิยมในญี่ปุ่นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7  ปลาที่ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วจะถูกนำมากดไว้ระหว่างข้าวและเกลือ เป็นการหมักเก็บไว้ได้นาน 2 ถึง 3 สัปดาห์จนกว่าจะพร้อมรับประทาน เมื่อมาถึงราวกลางศตวรรษที่ 17 ได้มีการเติมน้ำส้มสายชูลงไปในข้าวเพื่อลดเวลาในการหมักลงและช่วยทำให้มีรสชาติดีขึ้น คนทั่วไปคิดว่าซูชิมีสารอาหารและเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ซูชิเป็นอาหารญี่ปุ่นจานยอดนิยมที่มักมีปลาดิบเป็นส่วนประกอบ ยิ่งไปกว่านั้น บ่อยครั้งต้องทานร่วมกับซอสถั่วเหลืองที่มีความเค็มสูง  

ข้าวปั้นซูชิอุดมไปด้วยสารอาหาร

ซูชิมักได้รับคำยกย่องว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพเพราะว่ามีส่วนผสมที่อุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด

ปลา

ปลาคือแหล่งโปรตีนที่ดี มีไอโอดีนและวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย ยิ่งกว่านั้น ซูชิยังเป็นหนึ่งในอาหาร 2-3 ชนิดที่มีวิตามินดีตามธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ ยิ่งกว่านั้น ปลายังมีไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งเป็นสิ่งที่สมองและร่างกายจำเป็นต้องนำไปใช้ให้เกิดการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งไขมันนี้ยังช่วยต่อสู้กับโรคบางชนิดเช่นโรคหัวใจและโรคหัวใจและหลอดเลือด ปลายังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิต้านทานเนื้อเยื่อตัวเอง โรคซึมเศร้าและการสูญเสียความจำและการมองเห็นในผู้สูงอายุ

วาซาบิ

วาซาบิบดมักถูกเสริฟ์ร่วมกับซูชิ ด้วยเพราะมีรสชาติที่รุนแรง จึงควรรับประทานในปริมาณน้อยเท่านั้น วาซาบิทำมาจากการขูดก้านของต้น Eutrema japonicum ซึ่งเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับพวกกระหล่ำปลี ฮอสแรดิชและมัสตาร์ด วาซาบิอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน กลูโคซิโนเลทและไอโซไธโอไซยาเนต จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าสารประกอบดังกล่าวนี้อาจช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบและมีคุณสมบัติในการต้านโรคมะเร็งได้ แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าวาซาบิคือพืชที่หายาก ในร้านอาหารสบายๆร้านจึงมักใช้วาซาบิที่ทำเลียนแบบโดยทำมาจากฮอสแรดิซ ผงมัสตาร์ดและสีผสมสีเขียวนำมาผสมกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ให้คุณสมบัติทางสารอาหารเหมือนกับวาซาบิที่แท้จริงแต่อย่างใด

สาหร่ายห่อซูชิ

โนริคือชนิดของสาหร่ายที่มักนำมาใช้เพื่อม้วนซูชิ สาหร่ายมีสารอาหารมากมาย ซึ่งรวมไปถึงแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียม ไอโอดีน ไทแอมีน และวิตามินเอ ซี และอี ยิ่งกว่านั้นพบว่า 44%ของน้ำหนักแห้งยังมีโปรตีนร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกับอาหารชนิดพืขที่มีโปรตีนสูงก็จะเหมือนกับถั่วเหลือง แต่อย่างไรก็ตาม ซูชิหนึ่งแถวนั้นให้สาหร่ายน้อยมากๆ ซึ่งไม่พอเพียงมากพอในความต้องการสารอาหารในแต่ละวันได้ โนริยังมีส่วนประกอบที่ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส การอักเสบและแม้แต่โรคมะเร็งได้ แต่กระนั้นระดับของสารประกอบเหล่านี้อาจมีปริมาณต่ำเกินกว่าจะส่งผลต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน

ขิงดอง

ขิงดอง มีรสหวาน ที่รู้จักกันดีว่า การิ มักนำมาใช้ในจานระหว่างชิ้นแต่ละชิ้นที่แตกต่างกันของซูชิ  ขิงคือแหล่งของที่เต็มไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดงและแมงกานีส เพิ่มเติมกว่านั้นคือขิงยังมีคุณสมบัตในการช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ด้วย 

ข้อมูลเกี่ยวกับสารอาหารหลักในซูชิ

1. มีคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีและใยอาหารต่ำ

ส่วนประกอบหลักของซูชิคือข้าวขาว ซึ่งมีใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่เกือบทั้งหมดที่ผ่านการขัดสี จากการศึกษาพบว่าการรับประทานคาร์บที่ผ่านการขัดสีในปริมาณมาก ร่วมกับการมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นอาจเป็นตังทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าวซูชิมักผ่านการเตรียมด้วยน้ำตาล การเติมน้ำตาลเข้าไปและมีใยอาหารต่ำนั้นย่อมหมายความว่าคาร์บในซูชิจะถูกย่อยสลายไปอย่างรวดเร็วในระบบย่อยอาหารของเรา สิ่งนี้อาจไปขัดขวางน้ำตาลในเลือดและระดับของอินซูลิน ซึ่งอาจมีส่วนทำให้เกิดการกินมากเกินไป แต่อย่างไรก็ตามจากการศึกษาพบว่าการเติมน้ำส้มสายชูข้าวลงในซูชิอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ความดันเลือดและไขมันในเลือดลงได้ ลองขอให้ทำซูชิให้คุณด้วยข้าวกล้องแทนข้าวขาวนั้นช่วยเพิ่มใยอาหารและคุณค่าสารอาหารได้ คุณอาจขอให้เตรียมซูชิด้วยการใช้ขาวน้อยๆและเพิ่มปริมาณผักเพื่อเพิ่มสารอาหาร 

2. มีโปรตีนต่ำและไขมันสูง

ซูชิมักถูกยกย่องว่าเป็นอาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ยังก่อน ซูชินั้นมีหลายชนิดที่ทำด้วยซอสที่มีไขมันสูงและทอดด้วยแป้งเทมปุระ ซึ่งเพิ่มปริมาณแคลลอรี่อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งกว่านั้น ซูชิหนึ่งคำนั้นจะมีปริมาณเนื้อปลาหรือผักน้อยมาก ซึ่งทำให้ได้รับโปรตีนที่ต่ำ ใยอาหารต่ำและยังไม่ช่วยลดความหิวและความอยากอาหารได้อีกด้วย ในการรับประทานซูชิครั้งถัดไป ควรลองรับประทานซูชิร่วมกับซุปมิโสะ ถั่วแระ ซาชิมิหรือสลัดวากะเมะ  

3. มีเกลือสูง

มื้อซูชิมักมีปริมาณเกลือจำนวนมาก ในขั้นแรก ข้าวที่นำมาใช้ทำซูชิก็มักทำด้วยเกลือ ยิ่งกว่านั้น ปลารมควันและผักดองก็มีเกลือด้วยเช่นกัน ท้ายสุดเมื่อจะรับประทานยังต้องรับประทานกับซอสถั่วเหลืองซึ่งมีเกลือในปริมาณสูง การรับประทานเกลือที่มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ และยังอาจทำให้เกิดความดันเลือดสูงในคนที่ไวต่อส่วนผสมดังกล่าวนี้ หากคุณต้องการลดปริมาณการรับประทานเกลือ คุณควรหลีกเลี่ยงซอสถั่วเหลืองหรือทานให้น้อย เช่นเดียวกับการเตรียมซูชิด้วยปลารมควันเป็นชนิดอื่น เช่นปลาแมคคาเรลหรือแซลมอน การรับประทานซุปมิโสะอาจช่วยป้องกันคุณจากการกินมากเกินไป ซูชิมีเกลือสูง หากคุณต้องระวังเรื่องการบริโภคเกลือคุณอาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารนี้ Sushi

4. อาจมีการปนเปื้อนจากเชื้อแบคทีเรียและปรสิต

การรับประทานซูชิที่ทำมาจากปลาดิบอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อจากเชื้อแบคทีเรียและปรสิต เชื้อสายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่พบในซูชิคือเชื้อแซลโมเนลลา เชื้อแบคทีเรียวิบริโอ และพยาธิอะนิซาคิเอซิสและพยาธิตัวตืด สิ่งที่สำคัญที่องค์การอาหารและยายังไม่สามารถควบคุมได้คือการต้องมีฉลากการใช้ “ปลาเกรดซูชิ”  ซึ่งการใช้ฉลากนี้ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าซูชินั้นมีความปลอดภัยในการรับประทาน สิ่งที่ควบคุมได้ในเวลานี้คือปลาควรถูกแช่แข็งเพื่อฆ่าพยาธิก่อนการนำไปรับประทานแบบดิบเท่านั้น จากการศึกษาปลาดิบที่ใช้ในร้านอาหารโปรตุเกส 23 ร้านเมื่อเร็วๆนี้พบว่ามีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายมากถึง 64%     แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการเตรียมอาหารและขึ้นตอนการประกอบอาหารสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการปนเปื้อนได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาหารเป็นพิษ ควรเลือกรับประทานซูชิในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงอาจมีการตระเตรียมอาหารเพื่อความปลอดภัยที่เหมาะสม คุณอาจเลือกซูชิแบบมังสวิรัติหรือเลือกใช้ปลาแบบปรุงสุก ในบางคน-ซึ่งรวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ-อาจจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานซูชิที่ทำมาจากปลาดิบ 

5. สารปรอทและสารพิษอื่นๆ

ปลาอาจมีโลหะหนักเช่นสารปรอทเพราะมลภาวะทางทะเล ปลานักล่าเช่นปลาทูน่า ปลากระโทงดาบ แมคคาเรล มาร์ลินและฉลาม มีแนวโน้มจะมีสารดังกล่าวในระดับที่สูงมากที่สุด อาหารทะเลที่มีสารปรอทต่ำ เช่น แซลมอน ปลาไหล เม่นทะเล ปลาเทราท์ ปูและปลาหมึก ยังสารพิษชนิดอื่นๆที่พบได้ในปลาซึ่งอาจนำไปสู่โรคซิกัวเทอราหรืออาหารเป็นพิษจากสารสคอมบรอยด์ ปลากระพง ปลาเก๋าและปลากระพงแดงอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษซิกัวเทอรา อีกทั้งอาหารเป็นพิษจากสารคอมบรอยด์เองก็มักเกิดจากการรับประทานปลาทูน่า แมคคาเรลหรือปลาอีโต้มอญ คุณสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปลาทุกชนิดที่อาจมีการปนเปื้อน บทสรุป มีปลาหลายชนิดที่อาจมีการปนเปื้อนด้วยสารพิษ รวมไปถึงสารปรอท

วิธีทำให้ข้าวปั้นญี่ปุ่นนี้มีประโยชน์ 

เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากซูชิ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้:
  • เพิ่มสารอาหารในการรับประทาน เลือกซูชิที่ทำมาจากข้าวกล้องแทนข้าวขาว
  • เลือกซูชิแบบทรงกรวย (เทมากิ) เพราะมีข้าวน้อยกว่าโรลแบบดั้งเดิม
  • เพิ่มโปรตีนและใยอาหารในมื้ออาหาร รับประทานร่วมกับซูชิเช่น ถั่วแระ สลัดวากาเมะ ซุปมิโสะหรือซาชิมิ
  • หลีกเลี่ยงโรลที่ทำด้วยครีมชีส ซอสหรือเทมปุระ ควรเพิ่มความกรุบกรอบที่ปราศจากส่วนผสมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ขอเพิ่มผักเป็นพิเศษ
  • ตัดซอสถั่วเหลือง หากคุณมีความไวต่อเกลือ ควรหลีกเลี่ยงซอสถั่วเหลืองหรือจิ้มซอสแต่เพียงน้อย
  • สั่งซูชิจากร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ซึ่งอาจมีการเตรียมอาหารที่มีความปลอดภัยมากกว่า 

ข้อควรระวังของซูชิ

โดยทั่วไปแล้วซูชิถือเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีรสชาติดี แต่มีข้อควรพิจารณาหรือข้อเสียบางประการที่ควรคำนึงถึง:
  • ปริมาณสารปรอท:ปลาบางชนิดที่ใช้ในซูชิ โดยเฉพาะปลานักล่าขนาดใหญ่ เช่น ปลาทูน่า ปลากระโทงดาบ และปลาแมคเคอเรล อาจมีสารปรอทในระดับที่สูงกว่า การบริโภคเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประชากรกลุ่มเปราะบาง เช่น สตรีมีครรภ์ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้เนื่องจากความเป็นพิษของสารปรอท
  • โรคภูมิแพ้:ซูชิประกอบด้วยอาหารทะเลและหอย ซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ทั่วไป ผู้ที่แพ้ปลาหรือสัตว์มีเปลือกควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารประเภทนี้หรือควรระมัดระวังเมื่อรับประทานอาหารนอกบ้าน
  • ความปลอดภัยของอาหาร:ปลาดิบที่ใช้ในซูชิอาจมีปรสิตหรือแบคทีเรียที่เป็นอันตราย เพื่อลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยจากอาหาร สิ่งสำคัญคือต้องบริโภคซูชิจากสถานประกอบการที่มีชื่อเสียงและถูกสุขลักษณะซึ่งมีการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของอาหารอย่างเหมาะสม
  • ปริมาณโซเดียมสูง:ซีอิ๊วซึ่งเป็นเครื่องปรุงทั่วไปที่ใช้กับซูชินั้นมีโซเดียมสูง การบริโภคซีอิ๊วในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้ได้รับโซเดียมสูง ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมปริมาณเกลือ
  • ปริมาณแคลอรี่: ซูชิมักจะมีข้าวซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างปริมาณแคลอรี่ในมื้ออาหาร โรลบางชิ้นอาจมีส่วนผสมอย่างมายองเนส ครีมชีส หรือแป้งเทมปุระ ซึ่งสามารถเพิ่มปริมาณแคลอรี่และไขมันได้
  • ปริมาณน้ำตาล:เครื่องปรุงรสซูชิบางชนิด เช่น ข้าวซูชิหรือซอสหวานบางประเภท อาจมีน้ำตาลเพิ่ม ส่งผลให้มีการบริโภคน้ำตาลมากขึ้น
  • ข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อม:การประมงที่ไม่ยั่งยืนอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งผลให้เกิดการประมงมากเกินไป การเลือกปลาจากแหล่งที่ยั่งยืนสามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือแม้ว่าซูชิอาจมีข้อเสีย แต่ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลและมีคุณค่าทางโภชนาการได้เช่นกัน การเลือกทานซูชิในปริมาณที่พอเหมาะ การเลือกประเภทปลาที่หลากหลาย และการคำนึงถึงขนาดชิ้นส่วนและเครื่องปรุงรสสามารถช่วยลดข้อกังวลบางประการเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ การตระหนักถึงข้อจำกัดด้านอาหารส่วนบุคคล เช่น อาการแพ้หรือสภาวะสุขภาพ ถือเป็นสิ่งสำคัญเมื่อรับประทานซูชิ 

ประเด็นสำคัญ

ซูชิคือโรลญี่ปุ่นที่ทำมาจากข้าว สาหร่าย ผักและอาหารทะเลแบบดิบหรือปรุงสุก ซูชิอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุมากมายและมีส่วนประกอบที่ช่วยเรื่องสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ซูชิบางชนิดอาจมีคาร์บขัดสีสูง เกลือ และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพเมื่อคุณรับประทานซูชิอย่างรอบคอบ ซูชิก็อาจเป็นอาหารที่ช่วยทำให้เกิดความสมดุลในโภชนาการได้ดีเยี่ยม

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.webmd.com/diet/ss/slideshow-best-worst-sushi-health
  • https://www.bbcgoodfood.com/howto/guide/sushi-healthy
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด