ฝี (Skin Abscess) คือ โรคที่มีลักษณะเป็นตุ่มภายใต้ผิวหนัง ลักษณะของฝีที่เกิดขึ้นจะเต็มไปด้วยหนอง และสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ฝีกับสิวมีลักษณะคล้ายกันแต่ฝีจะเกิดตามผิวหนัง ส่วนต่างๆ ของร่างกาย บริเวณของร่างกายที่เป็นมากที่สุดคือ แผ่นหลัง ใบหน้า หน้าอก หรือ บริเวณก้น ฝี สามารถเกิดขึ้นได้ตามผิวหนังที่มีการเจริญเติบโตของเส้นขนอีกด้วย เช่น บริเวณรักแร้ หรือ บริเวณขาหนีบ หรือเกิดขึ้นได้หลายบริเวณตามร่างกายเช่น ฝีที่หน้า ฝีที่ขา ฝีที่หัว เป็นต้น ฝีที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ไม่ได้เป็นอันตรายมากนัก สามารถรักษาได้ง่าย เพียงใช้ครีมหรือตัวยาที่หาซื้อได้ตามที่วางจำหน่ายทั่วไป การใช้ยาตั้งแต่เริ่มเป็นฝี ตัวยาจะไปเร่งระงับการเจริญเติบโตของตุ่มฝี แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้รักษายากยิ่งขึ้น
ฝีมีหลายชนิด หากไม่รีบรักษา อาจทำให้เข้าสู่ภาวะโรคแทรกซ้อนและอันตรายถึงชีวิตได้
อ่านเพิ่มเติม : หูด (Warts) คืออะไร : สาเหตุประเภทการรักษา
อ่านเพิ่มเติม : ขนคุด (หนังไก่) Keratosis Pilaris (Chicken Skin) : อาการ สาเหตุ การรักษา
สาเหตุการเกิดฝี
สาเหตุการเกิดฝี มาจากเชื้อแบคทีเรีย สตาไฟโลคอคคัส (Staphylococcus) ซึ่งหากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่ผิวหนัง ผ่านทางรูขุมขน หรือได้รับเชื้อจากแบคทีเรียบริเวณผิวเป็นบาดแผลเล็กๆ ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการอักเสบของรูขุมขนและเกิดเป็นตุ่มฝี
ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงของการติดเชื้อแบคทีเรีย- ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ staph ส่วนใหญ่มักพบในโรงพยาบาล
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่นสิว หรือโรคเรื้อนกวาง
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือผู้ติดเชื้อ HIV
- ผู้ที่มีสุขอนามัยไม่ดี
อาการของฝี
ฝีที่ผิวหนังจะมีลักษณะคล้ายกับหัวสิว มันสามารถโตขึ้นจนมีหนองเต็มบริเวณหัว อาการของฝีมีดังนี้- มีไข้
- คลื่นไส้ วิงเวียน
- หนาวสั่น
- บวม
- เกิดแผลบนผิวหนัง
- ผิวหนังอักเสบ
- มีน้ำหนองไหลออกจากหัวฝี
- เจ็บปวดบริเวณรอบๆหัวฝี หากจับบริเวณหัวฝีแล้วจะรู้สึกแสบร้อน
การติดเชื้อจากรูขุมขน
การติดเชื้อจากรูขุมขน หรือการที่ขนที่ไม่สามารถทะลุออกมาผ่านผิวหนังได้ อาจเกิดขึ้นภายหลังการโกนหนวด รูขุมขนที่ขนไม่สามารถผ่านทะลุผิวหนังออกมาได้เรียกว่าขนคุด หลังจากนั้นจะเกิดการอักเสบจนทำให้เกิดเป็นหัวฝี การติดเชื้อจากรูขุมขนอาจมาจากสระน้ำที่มีคลอรีนทำความสะอาดไม่เพียงพอ หรือการอาบน้ำในอ่างน้ำการวินิจฉัยฝี
การวินิจฉัยฝี สามารถดูได้จากภายนอกบริเวณผิว สังเกตได้จากอาการบวมแดง เมือสัมผัสแล้วรู้สึกร้อนอุ่นบริเวณที่อักเสบ หากหัวฝีเริ่มใหญ่ขึ้น ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตามผู้ที่เสี่ยงเป็นฝี (Skin Abscess)ได้ง่าย มีดังนี้- เด็ก
- ผู้ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือผู้ที่เพิ่งได้รับการรักษาจากโรงพยาบาล
- ผู้ที่เคยผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะ
- ผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัด
- ผู้ที่มีฝีบริเวณใบหน้าหรือบริเวณกระดูกสันหลัง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เชื้อแบคทีเรียอาจกระจายขึ้นสู่สมองและบริเวณไขสันหลัง
ภาวะแทรกซ้อนของฝี
- การแพร่กระจายของเชื้ออาจเกิดขึ้นที่สมองหรือบริเวณไขสันหลัง
- การติดเชื้อในเลือด
- การเกิดเยื่อบุหัวใจอักเสบ
- มีรากฝีใหม่
- เนื้อเยื้อตาย หรือกลายเป็นเนื้อเน่า
- เกิดการติดเชื้อเข้ากระดูกแบบเฉียบพลัน
อ่านเพิ่มเติม : หูด (Warts) คืออะไร : สาเหตุประเภทการรักษา
วิธีการรักษาฝี
การรักษาฝีสามารถรักษาได้ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยการประคบร้อนรักษาฝีอักเสบเพื่อช่วยให้หัวฝีหดตัวและระบายฝีหนองออกการใช้ยาปฏิชีวนะ
แพทย์จะรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ dicloxacillin หรือ cephalexin กรณีที่พบอาการรุนแรงของฝีหากผู้ป่วยมีภาวะเหล่านี้- การเกิดฝีบริเวณใบหน้า
- การติดเชื้อของผิวหนังและเนื้อเยื่ออย่างเฉียบพลัน
- มีฝีที่หัว
- ระบบภูมิคุ้มกันแทรกซ้อน
การระบายหนองออก
ผู้ป่วยเป็นฝี หากหัวฝีมีลักษณะเป็นหัวแข็ง หนองไม่สามารถระบายออกได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยให้แพทย์ใช้วิธีระบายหนองออก แพทย์อาจใช้วิธีใข้ยาระงับการปวด และใช้วิธีผ่าฝีเพื่อเอาหนองในหัวฝีออก วิธีนี้จะทำไม่เกิดฝีซ้ำอีก หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยแล้วแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อช่วยสมานแผล และช่วยให้แผลหายเร็วเพื่อป้องกันการติดเชื้อต่อไปอ่านเพิ่มเติม : ขนคุด (หนังไก่) Keratosis Pilaris (Chicken Skin) : อาการ สาเหตุ การรักษา
วิธีป้องกันฝี
การป้องกันการเกิดฝีไม่อาจป้องกันได้เสมอไป แต่ก็มีวิธีที่ลดโอกาสของการได้รับเชื้อ Staph เพื่อไม่ให้เป็นฝีบ่อย ได้ดังนี้- ควรล้างมือบ่อยๆ
- หากมีบาดแผลควรทำความสะอาดบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ใช้ผ้าพันบาดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
คำถามที่พบบ่อย
ฝีเป็นนานไหมกว่าจะหาย หากของเหลวภายในถูกระบายออก ฝีทุลงเลาลงภายใน 2-3 วัน ความเจ็บปวดจากบาดแผลจะค่อยๆ หายไป ฝีควรหายสนิทภายในสองสัปดาห์ ฝีอันตรายไหม ฝีที่ผิวหนังมักไม่เป็นอันตรายและหายไปได้เองตามกาลเวลา ในบางกรณีอาจต้องให้แพทย์ระบายออกหรือนำหนองออก หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา ฝีสามารถจุดประกายการติดเชื้อที่แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากฝีเกิดขึ้นภายในอวัยวะ สำคัญเช่น ตับหรือสมอง ทำลายเนื้อเยื่อรอบๆ มากพอที่จะทำให้สูญเสียการทำงานปกติบางอย่างไปอย่างถาวร ฝีสามารถหายได้หรือไม่ ฝีขนาดเล็กบางครั้งอาจแตกออกและหาย ได้เอง อย่างไรก็ตาม ฝีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือภายในจำเป็นต้องให้แพทย์ระบายออก (บางครั้งอาจต้องผ่าตัด) และอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะด้วย ทำอย่างไรเมื่อฝีไม่หายไปเอง หากฝีที่ผิวหนังไม่สามารถระบายออกได้เองให้ติดต่อแพทย์ บางครั้งฝีที่ผิวหนังจำเป็นต้องให้แพทย์ระบายออก แพทย์จะทายาทำให้มึนงง แล้วกรีดฝีเล็กๆ บนฝีเพื่อให้หนองไหลออกมา บาดแผลเปิดทิ้งไว้เพื่อระบายน้ำและจากนั้นจะหายเอง ฝีสามารถอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือไม่ “หากไม่ได้รับการรักษา การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายและแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดของคุณ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและจำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ”หากไม่รักษาฝี การติดเชื้ออาจอยู่ได้นานเป็นเดือนหรือเป็นปี จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่รักษาฝี อันตรายและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึง: การติดเชื้อในวงกว้างที่อาจแพร่กระจายไปยังส่วนที่เหลือของใบหน้าและส่งผลเสียต่อกระดูกกราม เนื้อเยื่ออ่อนบนใบหน้า และไซนัสของคุณ ฝีสามารถกลับมาเป็นได้อีกหรือไม่ น่าเสียดายที่แม้จะรักษาอย่างเหมาะสมและหายขาดแล้ว ฝีสามารถกลับมาเป็นได้อีก ยาปฏิชีวนะที่ดีที่สุดสำหรับฝีที่ผิวหนังคืออะไร สูตรรับประทาน – สำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีฝีที่ผิวหนัง การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบรับประทานก็เพียงพอแล้ว เราขอแนะนำ trimethoprim-sulfamethoxazole, doxycycline หรือ minocycline (Grade 2C ) เราสงวนยาคลินดามัยซินและยาอื่นๆ ไว้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะที่เราต้องการได้ ฝีสามารถติดต่อได้หรือไม่ การติดเชื้อที่ผิวหนังเหล่านี้ติดต่อได้เมื่อบริเวณที่ติดเชื้อเปิดอยู่และมีหนอง ผู้ที่มีแบคทีเรียในจมูกและคอและบนผิวหนังอาจส่งต่อแบคทีเรียไปยังผู้อื่นลิ้งค์ด้านล่างนี้เป็นแหล่งข้อมูลของบทความของเรา
- https://kidshealth.org/en/parents/abscess.html
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/abscess
- https://www.nhs.uk/conditions/abscess/
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/abscess
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น