อาการไหล่ติด (Shoulder Stiff) คือชื่อสามัญของโรค โดยจะเป็นภาวะที่หัวไหล่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยจะเกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อในหัวไหล่หนาและแน่นขึ้น และจะกลายเป็นแผลเป็นที่เนื้อเยื่อ ทำให้หัวไหล่ไม่มีพื้นที่เพียงพอที่จะทำการหมุนได้อย่างถูกต้อง โดยจะมีอาการปวด บวม และตึง โดยจะพบได้มากในช่วงอายุ 40-60 ปี
อาการของภาวะข้อไหล่ติด
คุณจะรู้สึกว่าไหล่ติดเมื่อเริ่มมีอาการเจ็บ การปวดจะทำให้คุณไม่สามารถขยับหัวไหล่ได้เหมือนที่เคยทำ ไหล่ของคุณจะขยับได้น้อยลงและรู้สึกฝืด หลังจากนั้นไหล่ของคุณจะไม่สามารถขยับได้ ส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันของคุณกลายเป็นเรื่องยาก เพราะคุณอาจจะไม่สามารถทำกิจกรรมง่ายๆบางอย่างได้ เช่น การแต่งตัวสาเหตุของการเกิดโรค ไหล่ติด
ถ้าคุณมีความผิดปกติของฮอร์โมน โรคเบาหวาน หรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ คุณอาจจะมีอาการอักเสบร่วมด้วย นอกจากนี้หากคุณได้รับการบาดเจ็บหรือเข้ารับการผ่าตัด และไม่ได้ขยับหรือใช้งานหัวไหล่เป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดภาวะไหล่ติดได้ นอกจากนี้ยังทำให้มีความเสี่ยงต่อการอักเลขและการยึดติดของเนื้อเยื่อ ในกรณีที่ร้ายแรง อาจเกิดเป็นแผลเป็นที่เนื้อเยื่อได้ ทำให้เกิดภาวะไหล่ติดอย่างรุนแรง โดยส่วนมากจะใช้เวลา 2-9 เดือนในการเปลี่ยนแปลงผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะไหล่ติด
โดยส่วนมากจะพบได้ในวัยกลางคน และพบมากในผู้หญิง ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวานด้วย จะมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้มากถึงสามเท่า ความเสี่ยงอื่นๆรวมไปถึง :- ผู้ที่ต้องใส่สายรัดหัวไหล่เป็นเวลานานหลังจากเข้ารับการผ่าตัดหรือได้รับการบาดเจ็บ
- คนที่ต้องอยู่เฉยๆเป้นเวลานาน เนื่องจากโรคหลอดเลือดในสมอง
- ผู้ที่มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์
วิธีการรักษาโรคไหล่ติด
โรคหัวไหล่ติดสามารถปล่อยไว้โดยไม่ต้องทำการรักษาก็ได้ แต่อาการปวดตึงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องนานถึงสามปี วิธีที่สามารถช่วยให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้นมีดังนี้ :- กายภาพบำบัด
- การรักษาด้วยยา
- การผ่าตัด
- การรักษาตัวที่บ้าน
กายภาพบำบัด
กายภาพบำบัดเป็นวิธีพื้นฐานในการรักษาโรคนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายคือยืดข้อไหล่และฟื้นฟูการเคลื่อนไหว โดยระยะเวลาในการรักษาสามารถใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หรือนาจถึงเก้าเดือน โดยผู้ป่วยจะเข้ารับการทำกายภาพบำบัดควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเบาๆด้วยตัวเองที่บ้า ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้นภายในหกเดือนก็จะเป็นที่จะต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์เพื่อหาวิธีการอื่นๆการใช้ยา
แพทย์จะใช้ยาในการรักษาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดและอักเสบของข้อต่อ โดยแพทย์จะให้ยาประเภท แอสไพริน ไอบูโพรเฟ่นหรือนาพรอกเซนโซเดียม รวมไปถึงการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปที่หัวไหล่เพื่อบรรเทาอาการปวดด้วยการรักษาตัวที่บ้าน
การประคบเย็นครั้งละ 15 นาที สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ หากคุณเข้ารับการรักษากับนักกายภาพบำบัด คุณควรบริหารหัวไหล่ตามคำแนะนำ รวมไปถึงว่าปริมาณและระยะเวลาในการออกกำลังกาย เพื่อที่คุณสามารถหายจากอาการได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดการผ่าตัด
หากการทำกายภาพบำบัดไม่สามารถช่วยให้อาการของคุณดีขึ้นได้ การผ่าตัดก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยรักษาอาการให้คุณได้ คุณสามารเลือกที่จะทำการผ่าตัดบริหานไหล่ได้ด้วยการฉีดยาชาเข้าไปเพื่อสลายการยึดติด หรือเลือกที่จะทำการส่องกล้อง โดยจะใช้กล้องที่เรียกว่า Arthroscope เพื่อเอาเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บออก ถ้าภาวะไหล่ติดเกิดจากการที่ไหล่ได้รับบาดเจ็บ หากได้รับการผ่าตัดอย่างเร็วที่สุดจะทำให้การรักษาประสบความสำเร็จ การผ่าตัดมักไม่จำเป็นที่จะต้องนอนในโรงพยาบาล รอยเย็บจากการผ่าตัดจะหายไปภายใน10 วัน และผู้ป่วยจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัดหลังผ่าตัดด้วย โดยส่วนมากไหล่จะกลับมาใช้งานได้ปกติภายในสามเดือน การผ่าตัดมีความเสี่ยง ดังนั้นควรปรึกาาแพทย์ก่อนตัดสินใจที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีต่างๆ ในผู้ป่วยบางคนจะยังมีอาการปวดหรือตึงและไม่สามารถรับมือกับความเจ็บปวดในการทำกายภาพบำบัดได้สิ่งที่คาดหวังได้ในระยะยาว
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีอาการภาวะไหล่ติด สามารถหายจากอาการได้ภายในระยะเวลาสองปีโดยที่ไม่ต้องรับการรักษาใดๆ แต่ถ้าหากจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การทำกายภาพบำบัดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการซ้ำได้อีกสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อไหล่ติด
หากคุณมีอาการไหล่ติด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบายและส่งเสริมการรักษา สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการจัดการกับอาการไหล่ติดมีดังนี้
สิ่งที่ควรทำ:
- พักผ่อน:ให้ไหล่ของคุณพักผ่อนอย่างเหมาะสมเพื่อให้มีเวลาในการรักษา หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ปวดหรือตึงมากขึ้น
- ประคบน้ำแข็ง:ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่มีอาการเป็นเวลา 15-20 นาที หลายๆ ครั้งต่อวัน สามารถช่วยลดอาการอักเสบและอาการชาได้
- การบำบัดด้วยความร้อน:หลังจากระยะเฉียบพลันเริ่มต้น การใช้แผ่นความร้อนหรือการประคบอุ่นสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปยังบริเวณนั้น
- การยืดกล้ามเนื้ออย่างอ่อนโยน:ยืดไหล่อย่างนุ่มนวลเพื่อรักษาความยืดหยุ่นและป้องกันไม่ให้ข้อแข็งไปมากกว่านี้ ปรึกษานักกายภาพบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อการออกกำลังกายที่เหมาะสม
- กายภาพบำบัด:พิจารณาการพบนักกายภาพบำบัดที่สามารถให้การออกกำลังกายและการรักษาตามเป้าหมายเพื่อจัดการกับอาการตึงของไหล่
- การรับรู้ท่าทาง:ให้ความสนใจกับท่าทางของคุณ เนื่องจากท่าทางที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไหล่ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสภาพแวดล้อมการทำงานของคุณเหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์
- ยาต้านการอักเสบ:ยาต้านการอักเสบที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) อาจช่วยลดอาการปวดและการอักเสบได้ ปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนใช้ยาใดๆ
- ตำแหน่งการนอนที่รองรับ:ใช้หมอนที่รองรับไหล่ของคุณอย่างเพียงพอในขณะนอนหลับ
สิ่งไม่ควรทำ:
- หลีกเลี่ยงการออกแรงมากเกินไป:หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ไหล่ตึงหรือทำให้เกิดอาการปวด
- ไม่เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน:หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันและกระตุกของไหล่ เนื่องจากอาจทำให้ข้อแข็งขึ้นได้
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นเวลานาน:ในขณะที่การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญ หลีกเลี่ยงการทำให้ไหล่ของคุณอยู่กับที่นานเกินไป เนื่องจากอาจทำให้ข้อแข็งมากขึ้นและระยะการเคลื่อนไหวลดลง
- จำกัดการยกของหนัก:งดการยกของหนักหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้ข้อไหล่ตึงมากเกินไป
- อย่าเพิกเฉยต่อความเจ็บปวด:หากคุณประสบกับความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องหรือแย่ลง อย่าเพิกเฉย ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อระบุสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงท่าทางที่ไม่ดี:การงอตัวหรือหลังค่อมอาจทำให้ไหล่ตึงมากขึ้น ดังนั้นพยายามรักษาท่าทางที่ดีตลอดทั้งวัน
- อย่าวินิจฉัยหรือรักษาด้วยตนเอง:หากอาการฝืดยังคงอยู่ ให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและหลีกเลี่ยงการพยายามวินิจฉัยหรือรักษาอาการด้วยตนเอง
- https://www.health.harvard.edu/pain/how-to-release-a-frozen-shoulder
- https://www.nhs.uk/conditions/frozen-shoulder/
- https://www.webmd.com/pain-management/why-does-my-shoulder-hurt
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/frozen-shoulder/symptoms-causes/syc-20372684
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น