ภาวะช็อค (Shock) สามารถเกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย แต่หากกกล่าวถึงภาวะช็อคในทางการแพทย์ (Medical shock) คือ ภาวะที่เซลล์ของร่างกายไม่ได้รับเลือดที่มีปริมาณออกซิเจนเพียงพอ สิ่งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากอาการป่วยไข้หรือบาดเจ็บ ไม่ใช่โรคแต่อย่างใด
คนทั่วไปสามารถตกอยู่ในอาการช็อคได้เมื่อประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดหวัง ภาวะช็อคนั้นเป็นผลทางจิตใจ และโดยปกติมักไม่นำมาสู่ความผิดปกติทางการแพทย์
อาการช็อคในแบบอื่น เช่น อาการช็อคไฟฟ้า (Electric shock) จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลนั้นประสบกับการบาดเจ็บอันเป็นผลมาจากการสัมผัสกับพลังงานไฟฟ้า สาเหตุของอาการช็อคไฟฟ้านี้ได้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าที่รั่ว ฟ้าผ่า และการสัมผัสกับกระแสไฟฟ้าในน้ำ
แม้ว่าปัญหาที่แตกต่างกันสามารถนำไปสู่ภาวะช็อคทางการแพทย์ แต่อาการส่วนมากมักไม่ต่างกัน อาการช็อคทางการแพทย์นั้นมักเป็นเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน หากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลาอาจทำให้เกิดการสูญเสียอวัยวะ หรือเป็นอันตรายถึงกับชีวิตได้
อาการช็อค
แม้ว่าอาการช็อคทางการแพทย์มีสาเหตุหลายประการ แต่อาการโดยปกติมักไม่ต่างกัน อาการนั้นมีสาเหุมาจากการที่เนื้อเยื่อและอวัยวะในร่างกายไม่ได้รับปริมาณออกซิเจนที่เพียงพอ อาการได้แก่- ตัวเย็น ผิวซีด
- เหงื่อออกมาก
- หัวใจเต้นแรง
- จังหวะหายใจเร็วและตื้น
- อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น
- เป็นลม
- ริมฝีปาก และนิ้วมือมีสีคล้ำ
- รู้สึกปั่นป่วน กระวนกระวาย
- วิตกกังวล
- เวียนหัว
- ม่านตาขยาย
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
ประเภทของภาวะช็อค
เหตุการณ์หลากหลายสามารถนำไปสู่อาการช็อค อาการช็อคทางการแพทย์นั้นมี 4 ประเภท โดยแตกต่างกันที่ลักษณะการลดลงของเลือดที่ไหลไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อ ประกอบด้วย- ภาวะช็อคจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ (Hypovolemic Shock) การสูญเสียน้ำและเกลือแร่เกิดขึ้นเมื่อปริมาณเลือดในร่างกายที่ลดต่ำลง อันเกิดจากการที่ผู้ป่วยสูญเสียปริมาณเลือดหรือน้ำเป็นอย่างหนัก
- ภาวะช็อคจากโรคหัวใจ (Cardiogenic shock, Cardiac shock) ภาวะช็อคเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ อันมีสาเหตุมาจากทั้งภาวะหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย การเสียเลือดมาก หรืออาการบาดเจ็บบนหน้าอกซึ่งส่งผลร้ายแรงต่อหัวใจ
- ภาวะช็อคจากการอุดกั้นนอกหัวใจ (Obstructive Shock) เกิดขึ้นเมื่อมีการอุดตันในระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (Pulmonary embolism) ทำให้เลือดไม่ไหลไปสู่เนื้อเยื่อและอวัยวะภายในร่างกาย
- ภาวะช็อคจากปริมาณเลือดลดลง (Distributive shock, Vasodilatory shock) อาการช็อคประเภทนี้เกิดขึ้นเมื่อมีของเหลวสะสมระหว่างเซลล์และอวัยวะ อันทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงเนื้อเยื่อได้ลำบาก สาเหตุที่พบได้มากที่สุดของภาวะช็อคจากปริมาณเลือดลดลง ได้แก่ การแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis) และภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) การได้รับสารพิษจากยาสามารถทำให้เกิดอาการช็อคประเภทนี้ได้เช่นกัน
การรับมือกับภาวะช็อค
หากพบบุคคลตกอยู่ในอาการช็อค สิ่งแรกที่ควรทำคือโทรเรียกสายด่วนท้องที่ แม้ว่าผู้ป่วยจะมีอาการไม่รุนแรงนัก ระหว่างรอทีมรักษาพยาบาล สามารถช่วยบรรเทาอาการได้โดย- จัดการผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนราบ และยกเท้าขึ้นสูงหากเป็นไปได้
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหากมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ คอ หรือหลัง
- ปฐมพยาบาลอาการบาดเจ็บหากจำเป็น
- ทำให้ร่างกายผู้ป่วยอบอุ่นด้วยผ้าห่มหรือเสื้อคลุม
- งดการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารและน้ำดื่ม
- ตรวจสอบชีพจรและการหายใจของผู้ป่วยทุกๆ 5 นาที (หากผู้ป่วยไม่หายใจ ผู้ที่ได้รับการฝึกมาแล้วสามารถทำการปั๊มหัวใจ (CPR) เพื่อช่วยผู้ป่วย)
- ขยับร่างกายของผู้ป่วยให้เข้าที่หากมีอาการจุกหรืออาเจียน
การรักษาอาการช็อค
ผู้เชียวชาญทางการแพทย์จะสามารถวินิจฉัยภาวะช็อคได้จากลักษณะอาการเฉพาะ ได้แก่ แรงดันเลือดต่ำ การรักษาอาการช็อคจะมีหลากหลายขึ้นอยู่กับสาเหตุเบื้องหลัง ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ป่วยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง อาจจำเป็นต้องให้ยาเอพิเนฟรีน (Epinephrine) ซึ่งสามารถรักษาปฏิกิริยาแพ้อย่างแรงได้ หากผู้ป่วยมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) อาจรักษาโดยการให้ยาแอนติไบโอติคส์ ออกซิเจน และสารอาหารทางหลอดเลือดดำ (Intravenous (IV) fluids) ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อคจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ (Hypovolemic Shock) อาจจำเป็นต้องรักษาโดยการให้เลือด และการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ แพทย์อาจเริ่มให้เลือดหรือรักษาด้วยวิธีการอื่นเพื่อรักษาปริมาณการไหลของเลือดที่เหมาะสม แม้ว่าอาจยังไม่สามารถระบุได้ถึงสาเหตุเบื้องหลังที่แท้จริง ทีมแพทย์อาจทำการทดสอบหลายอย่างเพื่อระบุสาเหตุของภาวะช็อค อันประกอบด้วย- การเอ็กซเรย์
- ตรวจเลือด
- ตรวจปัสสาวะ
- การทำซีทีแสกน (CT scans)
การฟื้นฟูผู้ป่วยภาวะช็อค
หลังจากผู้ป่วยได้รับการรักษาจากภาวะช็อค แพทย์จะช่วยเหลือโดยให้แผนติดตามอาการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันเหตุอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น- ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อคจากโรคหัวใจ (Cardiogenic shock) อันเนื่องมาจากเลือดจับตัวเป็นลิ่ม ต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติมเพื่อหยุดยั้งการจับตัวของเลือด
- ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อคจากการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylactic shock) ควรได้รับยาเอพิเนฟรีน หรือการรักษาเพื่อช่วยหยุดอาการแพ้ เขาควรต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในภายภาคหน้าด้วย
- ผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจวายต้องเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต และได้รับการรักษาพยาบาลเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการหัวใจวาย
ภาพรวมภาวะช็อค
ภาวะช็อคทางการแพทย์ เป็นภัยคุกคามชีวิต โดยเกิดขึ้นเมื่ออวัยวะในร่างกายไม่ได้รับออกซิเจนเพียงพอ สาเหตุของภาวะช็อคนั้นรวมถึงการเสียเลือดในปริมาณมาก การเสียน้ำ และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ มันจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แม้ว่าจะแสดงอาการเล็กน้อยก็ตามนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.healthline.com/health/shock
- https://www.medicinenet.com/shock/article.htm
- https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-shock/basics/art-20056620
- https://medlineplus.gov/ency/article/000039.htm
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น