ติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) คือ อาการร้ายแรงที่เกิดจากติดเชื้อในกระแสเลือด หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โลหิตเป็นพิษ
ติดเชื้อในกระแสเลือดเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย เช่น ปอด หรือผิวหนัง จากนั้นแพร่กระจายไปยังกระแสเลือด ซึ่งทำให้เกิดอันตรายเนื่องจากแบคทีเรียและพิษของมันสามารถกระจายไปได้ทั่วทั้งร่างกาย
ติดเชื้อในกระแสเลือดสามารถเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตได้ เมื่อเกิดภาวะดังกล่าวจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล หากทิ้งไว้ไม่ไปพบแพทย์เชื้อโรคจะกลายเป็นภาวะพิษเหตุติดเชื้อ
ติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะพิษเหตุติดเชื้อนั้นไม่เหมือนกัน ภาวะพิษเหตุติดเชื้อนั้นเป็นระยะที่ร้ายแรงของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย การอักเสบนี้อาจทำให้เลือดอุดตันและขัดขวางออกซิเจนไม่ให้ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะสำคัญส่งผลให้อวัยภายในล้มเหลวได้
กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยติดเชื้อในกระแสเลือดมากกว่า 50,000 คนต่อปี โดยเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส การผ่าตัด ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยเด็ก ทารกแรกเกิด หรือการใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดสูง
อาการติดเชื้อในกระแสเลือด
อาการของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีอาการป่วยอย่างเห็นได้ชัด โดยพวกเขาเหล่านั้นอาจจะอยู่ระหว่างการได้รับบาดเจ็บหรือการผ่าตัดหรืออื่นๆ ที่สามารถติดเชื้อได้ อาการโดยทั่วไปได้แก่:- หนาวสั่น
- มีไข้(fever)
- หายใจเร็ว
- หัวใจเต้นเร็ว(Arrhythmia)
- ความสับสนมึนงง
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ตุ่มสีแดงบนผิวหนัง
- ปริมาณปัสสาวะน้อยลง
- การไหลเวียนของเลือดไม่เพียงพอ
- ช็อก
ภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อในกระแสเลือด
ภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อในกระแสเลือดนั้น สามารถเกิดขึ้นได้หลากหลาย ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาโดยเร่งด่วน ไม่ควรเกิดความล่าช้าในการรักษา ภาวะแทรกซ้อนสำคัญจะเกิดตามลำดับต่อไปนี้การมีเชื้อโรคในกระแสโลหิต
การมีเชื้อโรคในกระแสโลหิตนั้นที่เกิดขึ้นในขณะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง สามารถนำไปสู่การแพร่กระจายของการอักเสบไปทั่วร่างกาย ซึ่งถือเป็นภาวะติดเชื้ออย่างรุนแรง และสามารถนำไปสู่การล้มเหลวของอวัยวะภายใน ผู้ที่เป็นโรคเรื้อรังมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ เพราะมีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไม่สามารถรับมือกับการติดเชื้อได้ด้วยตัวเองการช็อคจากการติดเชื้อ
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะโลหิตเป็นพิษอย่างหนึ่งคือความดันโลหิตลดลงอย่างรุนแรง นี้เรียกว่า ช็อกจากการติดเชื้อ สารพิษจากแบคทีเรียในกระแสเลือดอาจทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดต่ำมากซึ่งสามารถส่งผลให้อวัยวะหรือเนื้อเยื่อเสียหาย ภาวะช็อกจากการติดเชื้อเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลในแผนกผู้ป่วยฉุกเฉินของโรงพยาบาล อาจจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจในการรักษาร่วมด้วยการหายใจติดขัดเฉียบพลัน (ARDS)
ภาวะแทรกซ้อนขั้นที่สามของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด คือ การหายใจติดขัดเฉียบพลัน (ARDS) เป็นปัจจัยที่จะสร้างอันตรายถึงแก่ชีวิตให้กับผู้ป่วย โดยส่งผลให้ออกซิเจนไม่สามารถไปยังปอดและเลือดของผู้ป่วยได้ ส่งผลให้เกิดความเสียหายปอดถาวร ทั้งยังสามารถทำลายสมองนำไปสู่ความบกพร่องด้านความจำสาเหตุของติดเชื้อในกระแสเลือด
ติดเชื้อในกระแสเลือดมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่ส่วนอื่นๆในร่างกาย กาติดเชื้อนี้มักจะรุนแรง แบคทีเรียหลายชนิดสามารถนำไปสู่ภาวะโลหิตเป็นพิษ ไม่สามารถระบุแหล่งที่แน่นอนของการติดเชื้อได้ การติดเชื้อที่พบบ่อยที่สุดที่นำไปสู่ภาวะโลหิตเป็นพิษคือ:- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- การติดเชื้อที่ปอด
- การติดเชื้อที่ไต
- การติดเชื้อในช่องท้อง
- มีบาดแผลรุนแรง
- เด็กทารกหรือผู้สูงอายุ
- มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เอชไอวี,มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) การรักษาทางการแพทย์ เช่น เคมีบำบัดหรือการฉีดสเตียรอยด์
- ใช้สายสวนปัสสาวะหรือหลอดเลือดดำ
- ผู้ป่วยที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ
การวินิจฉัยติดเชื้อในกระแสเลือด
การวินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายของแพทย์ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหาสาเหตุที่แน่นอนของการติดเชื้อ การวินิจฉัยจำเป็นต้องใช้การทดสอบที่หลากหลาย แพทย์จะประเมินอาการของคุณและซักถามประวัติทางการแพทย์ โดยทำการตรวจร่างกาย เพื่อตรวจสอลความดันโลหิตหรืออุณหภูมิร่างกาย แพทย์จะทำการตรวจหาสัญญาณของภาวะการติดเชื้อในกระแสโลหิตดังนี้::- โรคปอดอักเสบ (Pnuemania)
- อาการไขสันหลังอักเสบ (Myelitis)
- อาการเนื้อเยื่ออักเสบ
- ปัสสาวะ
- สารคัดหลั่งจากแผล
- สารคัดหลั่งจากระบบหายใจ
- เลือด
- เอ็กซเรย์ X-ray
- เอ็มอาร์ไอ MRI
- ซีทีสแกน CT scan
- อัลตร้าซาวด์ Ultrasound
การรักษาติดเชื้อในกระแสเลือด
ติดเชื้อในกระแสเลือดนั่นเมื่อส่งผลต่ออวัยหรือเนื้อเยื่อที่สำคัญในร่างกายถือว่าผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาโดยเร่งด่วน โดยต้องนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาโดยทันที วิธีการรักษาขึ้นกับปัจจัยบางประการดังนี้: ยาปฏิชีวนะใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โดยปกติแล้วการแยกชนิดของแบคทีเรียในระยะเวลาอันสั้นทำได้ยาก ดังนั้นการรักษาครั้งแรกจึงใช้ยาปฏิชีวนะที่สามารถออกฤทธิ์กับเชื้อแบคทีเรียในวงกว้าง ซึ่งสามารถออกฤทธิ์กับแบคทีเรียหลากหลายชนิดพร้อมกัน และหากต้องการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่จำเพาะเจาะจง ก็จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่จำเพาะเจาะจงเช่นกัน ผู้ป่วยอาจจะได้รับยาหรือของเหลวอื่นๆ ทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาความดันโลหิตหรือป้องกันการอุดตันในหลอดเลือด อาจจะจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ในกรณีที่หายใจติดขัดจากภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือดวิธีป้องกันติดเชื้อในกระแสเลือด
การติดเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวควรเข้ารับการรักษาโดยทันที หากการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะในระยะแรกได้ผลจะช่วยให้เชื้อแบคทีเรียไม่กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และสำหรับเด็ก พ่อแม่ควรให้เด็กได้รับวัคซีนภูมิต้านทานร่างกายอย่างครบถ้วน สิ่งเหล่านี้สามารถป้องกันภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้:- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
- ออกกำลังกาย
- ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ
- รักษาระยะห่างระหว่างผู้ป่วย
ข้อเท็จจริงสำคัญที่ทุกคนควรรู้:
- เป็นเรื่องปกติและมีความเสี่ยงสูง:แบคทีเรียเป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขที่สำคัญ ด้วยจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 19 ล้านรายในแต่ละปีทั่วโลก ภาวะติดเชื้อคิดเป็น 1 ใน 10 ของการเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ทั้งหมด ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีตั้งแต่ 30-50%
- มีสัญญาณเตือน:การติดเชื้อเกิดขึ้นเมื่อไวรัส แบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์อื่น ๆ เข้าสู่ร่างกายและเริ่มทำลายเซลล์ของร่างกาย สัญญาณและอาการของการติดเชื้อจะปรากฏเป็นการเจ็บป่วยและทำให้เรารู้สึกไม่สบาย ในการตอบสนองต่อการติดเชื้อ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะทำงานและปล่อยกลไกการป้องกันเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ
- อาจถึงตายได้:ผู้คนมากกว่า 1.7 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อในแต่ละปี ซึ่งเท่ากับ 1 คนในทุกๆ 20 วินาที แบคทีเรียยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในโรงพยาบาลของสหรัฐอเมริกา
- ปัจจัยในการวินิจฉัย:แพทย์วินิจฉัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดโดยรวบรวมเรื่องราว ผลการตรวจร่างกาย บางครั้งแม้แต่การตรวจเลือดและเอ็กซเรย์ในห้องปฏิบัติการ พวกเขามองหา:
- ไข้
- ความดันโลหิตต่ำ
- อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
- สัญญาณที่บ่งบอกว่าหายใจลำบาก
- ความสับสนหรือการเปลี่ยนแปลงของระดับความตื่นตัว
- ทางเลือกการรักษาหลายทาง:แบคทีเรียเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์และควรได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด กุญแจสำคัญในการรักษาโรคติดเชื้อในกระแสเลือดคือการบริหารยาต้านจุลชีพอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ต้องเพาะเชื้อและหาแหล่งที่มาเพื่อควบคุมเชื้อ
- ใครบ้างที่มีความเสี่ยง เด็กและผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากที่สุด
- สามารถหลีกเลี่ยงการติดเชื้อได้:ความรู้คือพลังในการระบุภาวะติดเชื้อ การตระหนักถึงความรุนแรงของการเจ็บป่วยและขอความช่วยเหลือเมื่อคุณกังวลเกี่ยวกับภาวะติดเชื้อเป็นกุญแจสำคัญ
ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ ได้แก่:
- ติดตามข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ที่เหมาะสมกับวัย
- ระมัดระวังในการจัดการกับภาวะเรื้อรังที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคปอด
- รักษาสุขอนามัยที่ดี: การล้างมือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการป้องกันการติดเชื้อ ดูแลการบาดเจ็บที่ผิวหนังเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่บาดแผล
- ระวังสัญญาณของการติดเชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ และทำงานร่วมกับแพทย์ดูแลหลักของคุณเพื่อวินิจฉัย ติดตาม และการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
- การควบคุมโภชนาการและการคิดหาวิธีรักษาสมดุลของอาหารอาจเป็นกลยุทธ์หลักได้เช่นกัน
ภาพรวมของติดเชื้อในกระแสเลือด
การที่ได้รับการวินิจฉัยที่รวดเร็ว จะช่วยให้การรักษาติดเชื้อในกระแสเลือดนั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถใช้ยาปฎิชีวนะในการรักษาได้ งานวิจัยต่างๆ นั้นมุ่งเน้นไปที่การวินิจฉัยที่ดีขึ้น แม้จะได้รับการรักษาก็ยังมีโอกาสที่อวัยวะจะถูกทำลายโดยถาวร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขา หากคุณมีอาการของภาวะโลหิตเป็นพิษหรือติดเชื้อในกระแสเลือดหลังจากการผ่าตัด ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนี่คือลิงค์แหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/311589
- https://www.webmd.com/a-to-z-guides/sepsis-septicemia-blood-infection
- https://www.nhs.uk/conditions/sepsis/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น