ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
กรดซาลิไซลิก

กรด Salicylic acid คืออะไร

Salicylic Acid คือ ยาลอกผิวหนัง มีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังหลุดลอก ใช้รักษาปัญหาผิวหนังต่าง ๆ เช่น ยาทาหูด ตาปลา  โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบเซบเดิร์ม และสิว แพทย์อาจใช้ยาชนิดนี้รักษาอาการอื่น ๆ ตามความเหมาะสม Salicylic Acid เป็นกรดชนิดอ่อน ๆ ที่ใช้ได้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณหลายชนิด มีความแตกต่างกับ Glycolic, Lactic และ Mandelic ซึ่งชนิด Alpha Hydroxy Acid (AHA) ส่วน Salicylic Acid เป็นชนิด Beta Hydroxy Acid  ซึ่งเป็นกรดชนิดเดียวที่ใช้กับผิวหนังได้ที่มาของ Salicylic Acid คือเปลือกของต้น Willow เป็นกรดที่ละลายในไขมันประเภท Beta-Hydroxy Acid (BHA)  ซึ่งซึมเข้าสู่ผิว และสลายไขมันที่อุดตันตามรูขุมขนได้ จึงช่วยลดการเกิดอักเสบและป้องกันการอุดตันตามรูขุมขนได้

สรรพคุณมีอะไรบ้าง

Salicylic Acid มีสรรพคุณในการลดสิว แต่ยังสามารถช่วยกระตุ้นการผลัดผิว พร้อมปรับค่า PH ของผิวพร้อมกับกักเก็บความชุ่มชื้นในกระบวนการผลัดผิวตามธรรมชาติเอาไว้ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังลดการสะสมของเคราติน และกระตุ้นให้เซลล์ผิวกำจัดสิวได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามซาลิไซลิคแอซิด เป็นยาละลายผิวหนังที่ทำให้ผิวหน้าบางลง และหลุดลอกออกมา จึงสามารถใช้รักษาโรคผิวหนังได้หลายชนิด แก้อาการหนังหนา และเป็นขุยได้ โดยความเข้มข้นกรดซาลิไซลิกที่ใช้รักษาปัญหาผิวพรรณจะมีความเข้มข้นที่ 2% ถึง 40% ขึ้นกับชนิด และลักษณะของโรคแต่ละชนิด สารละลายกรดซาลิไซลิกชนิดอ่อน ๆ จะได้ผลในการรักษาเหมือนกับสารละลายที่เข้มข้นกว่า แต่เวลาในการรักษาจะใช้เวลานานกว่า หากกังวลว่าจะเกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคืองใด ๆ หรือไม่ ให้พิจารณาเลือกชนิดความเข้มข้นน้อย ๆ ก่อน โดยเฉพาะเมื่อใช้รักษาบาดแผล  จะทำให้ได้ผลในการรักษาเร็วกว่าปกติ  การใช้กรดซาลิซิลิกที่เข้มข้นมากกว่า 10% เพื่อลอกหนัง เช่น หนังหนา ให้ทาครีม หรือวาสลีนรอบ ๆ บริเวณหนังที่หนาก่อนทาด้วยสารละลายกรด เพื่อป้องกันไม่ให้สารละลายไปถูกบริเวณที่ไม่ต้องรักษา กรณีรักษาหูดจะใช้ความเข้มข้นของสารละลายกรดที่  3 – 40%

Salicylic Acid

ปริมาณการใช้ Salicylic Acid

รักษาสิว

ใช้สารละลายเข้มข้น 0.5 – 2 เปอร์เซ็นต์ ทาบาง ๆ ลงบนผิว วันละ 1 – 3 ครั้ง เป็นประจำทุกวัน หากอาการดีขึ้น อาจลดลงเหลือวันละ 1 ครั้ง หรือวันเว้นวัน ควรหยุดหากผิวแห้งหรือหลุดลอก

รักษาผิวหนังที่หนา และแห้งแตก

ทาสารละลายที่เข้มข้น 1.8 – 3% ทาบาง ๆ ลงบนผิว วันละ 1 – 4 ครั้ง เป็นประจำทุกวันจนกว่าอาการจะดีขึ้น

รักษาหูด หรือตาปลา 

กรณีใช้ Salicylic Acid Cream ให้ทายาที่ความเข้มข้น 5 – 17% ลงบนผิว ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วจึงทายาซ้ำ 1 – 2 ครั้ง/วัน จนกว่าตาปลา หรือหูดจะหลุดออก กรณีแผ่นแปะตาปลา หรือแผ่นแปะหูด ใช้แผ่นแปะที่มีความเข้มข้นของกรด 12 – 40% แปะทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง จากนั้นจึงดึงแผ่นแปะออก เปลี่ยนแผ่นใหม่แปะซ้ำจนหูดหรือตาปลาหลุดออกไป ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ สบู่ที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิซัยลิค 2% เป็นสบู่แบบน้ำที่ใช้ล้างหน้าแก้ปัญหาสิวหัวดำ โดยทาสบู่บริเวณสิวหัวดำ ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก ทำวันละ 2-3 ครั้ง แชมพูผสมกรดซาลิซัยลิค 2% ใช้สระผม เพื่อแก้ปัญหาศีรษะมัน ผมมัน มีน้ำมันมาก ขี้ผึ้งที่มีส่วนประกอบของกรดซาลิซิลิก 3% ผสมกับสเตียรอยด์ใช้ทาเพื่อรักษาโรคเอ็คซีมาเรื้อรัง โรคหนังหนาต่าง ๆ และโรคเรื้อนกวาง

ผลข้างเคียงจากการใช้ Salicylic Acid

ผลข้างเคียงจากการใช้ ซาลิไซลิค แอซิด คือผิวหนังระคายเคืองเล็กน้อย เกิดผื่นคัน ผิวหนังลอก และมีอาการแสบคัน หากมีอาการผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาทันที และรีบไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้
  • allergy-0094/”>แพ้ยา และผิวหนังระคายเคืองรุนแรง รู้สึกคัน เกิดลมพิษ เวียนศีรษะ มีอาการบวมที่ปาก ลิ้น หน้า และคอ
  • หายใจลำบาก
  • วิงเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลม
  • ปวดศีรษะรุนแรง
  • ได้ยินเสียงในหู มีปัญหาการได้ยิน
  • ปวดท้องรุนแรง อาเจียน และท้องเสีย

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ salicyclic Acid

กรดซาลิไซลิกเป็นส่วนผสมทั่วไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิดเนื่องจากสามารถขัดผิวและไม่อุดตันรูขุมขน แม้ว่าโดยทั่วไปจะถือว่าปลอดภัยสำหรับหลายๆ คน แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิก ข้อควรพิจารณาบางประการมีดังนี้:
  • สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร:
      • โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้กรดซาลิไซลิกที่มีความเข้มข้นสูงอ ยังขาดข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ และอาจแนะนำให้เลือกส่วนผสมอื่นในการดูแลผิว
  • บุคคลที่เป็นโรคภูมิแพ้แอสไพริน:
      • กรดซาลิไซลิกมีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายกับแอสไพริน (กรดอะซิติลซาลิไซลิก) บุคคลที่แพ้แอสไพรินหรือซาลิไซเลตอาจมีความไวต่อกรดซาลิไซลิกและควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิก
  • เด็ก:
      • สำหรับเด็กอายุต่ำกว่าที่กำหนด (มักจะต่ำกว่า 2 ปี) แนะนำให้ปรึกษากุมารแพทย์ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีกรดซาลิไซลิก ผิวของเด็กมีแนวโน้มที่จะบอบบางมากขึ้นและการดูดซึมของกรดซาลิไซลิกผ่านผิวหนังอาจสูงขึ้น
  • ผิวแพ้ง่าย:
      • ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายอาจเกิดอาการระคายเคืองหรือแพ้กรดซาลิไซลิก ขอแนะนำให้ทำการทดสอบแพทช์ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมนี้อย่างกว้างขวาง
  • ปฏิกิริยาการแพ้:
      • หากบุคคลทราบว่ามีอาการแพ้กรดซาลิไซลิกหรือสารประกอบที่เกี่ยวข้อง เช่น เมทิลซาลิไซเลต ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิก
  • เงื่อนไขทางการแพทย์บางประการ:
      • บุคคลที่มีอาการป่วยบางอย่าง เช่น กลากหรือโรคสะเก็ดเงิน อาจมีอุปสรรคต่อผิวหนัง การใช้กรดซาลิไซลิกอาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น และแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้
  • บุคคลที่ใช้ยารักษาสิวอื่นๆ:
      • การใช้กรดซาลิไซลิกร่วมกับยารักษาสิวอื่นๆ โดยเฉพาะยาที่มีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์หรือเรตินอยด์ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง ขอแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง
  • การทำพีลลิ่งด้วยสารเคมีมาเมื่อไม่นาน:
    • ผู้ที่เพิ่งผ่านการลอกผิวด้วยสารเคมี การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือขั้นตอนอื่นๆ เกี่ยวกับผิวหนังอาจต้องหลีกเลี่ยงกรดซาลิไซลิกจนกว่าผิวจะหายสนิท การใช้กรดซาลิไซลิกกับผิวหนังที่ถูกบุกรุกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคือง
และเช่นเคย ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีกรดซาลิไซลิกเป็นประจำ ควรทำการทดสอบแพทช์บนผิวหนังบริเวณเล็กๆ เพื่อตรวจหาอาการไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ การปรึกษากับแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถช่วยตัดสินได้ว่ากรดซาลิไซลิกเหมาะสมกับสภาพผิวและสภาพผิวของคุณหรือไม่

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Salicylic-acid
  • https://www.webmd.com/drugs/2/drug-18-193/salicylic-acid-topical/salicylic-acid-for-acne-topical/details
  • https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a607072.html
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด