สิ่งที่ควรรู้
เริม คือไวรัสที่ไม่มี “วิธีรักษา” ให้หายขาดเมื่อเป็นแล้ว แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้อาการกำเริบหรือกลับมาเป็นอีกได้ สิ่งที่ทำได้คือการลดการอักเสบ ระคายเคือง และอาการอื่นๆ และทำได้ด้วยการเปลี่ยนวิถีชีวิตการใช้ชีวิตและรับประทานอาหารเสริม ทั้งนี้ยังจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์เป็นหลัก ควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ก่อนการลองรักษาด้วยวิธีอื่น สอบถามถึงความเป็นไปได้และผลข้างเคียง ทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆวิธีรักษาเริมที่บ้าน
การดูแลอาการของเริมเองที่บ้าน ที่มีคนลองใช้แล้วได้ผลจริง โดยวิธีเหล่านี้อาจช่วยลดอาการบวม อาการแสบคัน ที่เกิดจากการกำเริบของเริมได้ โดยใช้สิ่งที่อยู่ในครัวหรือตู้ยาเริมรักษาได้ด้วยการประคบร้อน
การประคบร้อนทันทีที่รู้สึกเจ็บบริเวณแผลอาจช่วยได้ ความร้อนอาจช่วยลดอาการปวดและบวมได้ การประคบร้อนแบบแห้ง โดยการใส่ข้าวลงในถุงผ้าสะอาดครึ่งหนึ่งแล้วนำไปนึ่งในไมโครเวฟเพียงไม่ถึงนาทีและนำมาประคบบริเวณที่บวมวิธีแก้เริมด้วยการประคบเย็น
ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม ทำได้โดยการประคบน้ำแข็งห่อเอาไว้ในผ้าที่นุ่มสะอาด ประคบบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ทำซ้ำตามต้องการทุก 4 ชั่วโมง และอย่าวางน้ำแข็งบนผิวหนังโดยตรงแก้คันด้วยเบกกิ้งโซดา
การใช้เบกกิ้งโซดาอาจช่วยให้แผลแห้งและบรรเทาอาการคันได้ ทำได้ง่าย ๆ โดยการจุ่มสำลีก้อนเปียกหรือลงในเบกกิ้งโซดาบริสุทธิ์จำนวนเล็กน้อยแล้วทาลงบนแผลกระเทียมเจียว
มีการวิจัยแนะนำว่ากระเทียมอาจมีคุณสมบัติต้านไวรัสกับเริมทั้งสองสายพันธุ์ได้ โดยวิธีการทำให้บดกระเทียมสดหนึ่งกลีบแล้วผสมกับน้ำมันมะกอกให้เจือจาง ทาลงบนแผล เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ สามารถทำซ้ำได้วันละสองถึงสามครั้งน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (ACV)
ACV เป็นที่รู้จักกันดีถึงคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านไวรัส ผสม ACV หนึ่งส่วนกับน้ำอุ่นสามส่วนแล้วทาบริเวณที่เป็นเริมจะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ผัก อาหารต้านเริมที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
การรับประทานผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน และอาจลดการอักเสบได้ เช่น กะหล่ำ ผักโขม ผักคะน้า และมะเขือเทศ ล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีไลซีนมากกว่าอาร์จินีน ซึ่งเป็นอัตราส่วนของกรดอะมิโนที่สำคัญในการยับยั้งเริมกรดไขมันโอเมก้า 3
กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับโรคเรื้อรังได้ โดยการรับประทาน ปลาแซลมอน ปลาทู และเมล็ดเจีย เพราะเป็นแหล่งอุดมไปด้วยกรดไขมันเหล่านี้โปรตีนอาหารต้านเริม
การบริโภคโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมดีต่อสุขภาพ เนื่องจากโปรตีนมีความสำคัญต่อการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อไวรัสเริมและเชื้อโรคอื่นๆ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงและไขมันอิ่มตัวต่ำ เช่น ประ อัลมอนด์ ไข่ และข้าวโอ๊ตวิตามินซี
วิตามินซีสามารถเร่งการรักษาการกำเริบของโรคเริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลไม้ที่มีสีสันและผักเช่นพริก ส้มและสตรอเบอร์รี่อุดมด้วยวิตามินซี มะม่วงและมะละกอยังมีวิตามินโดยไม่ต้องเติมไลซีนในปริมาณที่สูงในอาหารวิตามินบีรวม
วิตามินบีสามารถเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยให้ร่างกาย ตอบสนองต่อไวรัสเริม วิตามินบีสามารถได้จากถั่วเขียว ไข่ ผักโขม และบร็อคโคลี่หลีกเลี่ยงกรด
อาหารที่เป็นกรดอาจทำให้เริมแตกก่อนที่จะหายได้ น้ำผลไม้ เบียร์ โซดาและอาหารแปรรูป อาจมีความเป็นกรดมากขึ้น จำกัดอาหารเหล่านี้และพิจารณาน้ำหรือโซดาไฟแทนหลีกเลี่ยงแอล-อาร์จินีน
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีอาร์จินีนสูงทุกครั้งที่ทำได้ ช็อกโกแลตอุดมไปด้วยอาร์จินีนมากเป็นพิเศษ ซึ่งอาจกระตุ้นโรคเริมให้กำเริบได้ ควรทานของหวานด้วยวิตามินเข้มข้นเช่นมะม่วงแห้งหรือแอปริคอตแทนสมุนไพรเฉพาะที่ น้ำมันจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่เป็นวิธีแก้เริม
ส่วนผสมเฉพาะหลายอย่าง เช่น น้ำมันหอมระเหยบางประเภท สามารถทำให้ผิวไหม้ได้หากไม่เจือจาง อาจต้องอาศัยนำมันตัวพาเช่น โจโจบาและน้ำมันมะพร้าว เพื่อมาเจือจางอาการระคายเคือง หรืออาจจะเป็นส่วนผสมดังต่อไปนี้ เช่น- ว่านหางจระเข้
- น้ำผึ้งมานูก้า
- สารสกัดจากชะเอม
- สารสกัดจากเอ็กไคนาเซีย
ว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติในการสมานแผล และรักษาแผลเริม เจลว่านหางจระเข้บริสุทธิ์สามารถทาได้เกือบทุกส่วนของร่างกายโดยไม่ต้องเจือจางน้ำมันทีทรี
น้ำมันทีทรีเป็นส่วนผสมต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพมาก ในการใช้น้ำมันทีทรีบรรเทาโรคเริม น้ำมันทีทรีต้องเจือจางด้วยน้ำมันตัวพาก่อนใช้ตรงบริเวณที่เป็นเริมเพื่อป้องกันการไหม้ของผิววิชฮาเซล
วิชฮาเซลมีคุณสมบัติต้านไวรัสที่สำคัญ บางคนอาจใช้วิชเฮเซลบริสุทธิ์ได้บนผิวโดยไม่รู้สึกระคายเคือง แต่อาจจะทำให้มีการแสบได้ในบางราย ในกรณีที่ผิวบอบบางแนะนำว่าควรใช้สารเจือจางน้ำผึ้งมานูก้า
การใช้น้ำผึ้งมานูก้าทาเฉพาะที่อาจมีประสิทธิภาพเท่ากับอะไซโคลเวียร์ในการรักษา HSV-1 และ HSV-2 น้ำผึ้งมานูก้าสามารถใช้ทาบริเวณที่เป็นเริมได้โดยตรงโดยไม่ต้องเจือจางกับน้ำมันใด ๆ ประโยชน์ของน้ำผึ้งสดคืออะไร อ่านต่อที่นี่นมแพะ
นมแพะประกอบด้วย สารต้านไวรัส ที่อาจได้ผลกับเริม และเราสามารถใช้นมแพะได้โดยตรงโดยไม่ต้องเจือจางทาลงบนบาดแผลเริมสิ่งที่ควรทำในการรักษาเริม และสิ่งที่ควรระวัง
หากเป็นเริมที่ปาก :- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ทานวิตามินซีและสังกะสีเมื่อมีความเครียดสูง
- ควรใช้ลิปบาล์มใสที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด ลม และความเย็น กรณีเป็นเริมที่ปาก
- อย่าใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่นเมื่อเริมกำเริบ
- ไม่จำเป็นต้องทำให้แผลแตกออก
- สวมชุดชั้นในผ้าฝ้ายและเสื้อผ้าหลวม
- อาบน้ำอุ่นนาน ๆ และทำให้บริเวณนั้นสะอาดและแห้งตลอดเวลา
- อย่าแช่ในอ่างน้ำร้อน
- ห้ามมีเซ็กส์ ถึงแม้ว่าจะสวมถุงยางอนามัย
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น