เลือดข้นคืออะไร ?
เลือดข้น (Polycythemia vera) คือมะเร็งเม็ดเลือดที่หาได้ยาก เนื่องจากร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดแดงที่มากเกินไป โดยที่เซลล์เม็ดเลือดแดงจะพาออกซิเจนไปทั่วร่างกาย เมื่อคุณมีเม็ดเลือดแดงมากเกินไป เลือดของคุณจะข้นขึ้นและไหลช้าลง เซลล์เม็ดเลือดแดงสามาถรวมตัวกันเป็นก้อนอยู่ในหลอดเลือดของคุณได้ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ เมื่อเลือดไหลเวียนช้า ปริมาณออกซิเจนที่ไปถึงสมองและอวัยวะสำคัญอื่นๆก็จะลดลงไปด้วย อีกทั้งยังทำให้การไหลเวียนของเลือดภายในหลอดเลือดไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองสมองจนสามารถเสียชีวิตได้ ถ้าปล่อยไว้ในระยะยาวอาจเกิดแผลในกระดูกสันหลัง นำไปสู่มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ โรคเลือดข้นไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถประคับประคองอาการได้ โดยแพทย์จะทำการเจาะเลือดไปตรวจ เพื่อจ่ายยาที่ช่วยยับยั้งการเกิดลิ่มเลือด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากที่คุณควรพบแพทย์ทันทีหากสงสัยว่าตัวเองมีอาการของโรคหรือเกิดความผิดปกติอื่นๆอาการของเลือดข้น
โรคเลือดข้นอาจจะไม่แสดงอาการให้เห็นเลยเป็นเวลาหลายปี อาการในระยะแรกอาจจะไม่รุนแรงและอาจจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเป็นโรคนี้ถ้าหากไม่ได้รับการตรวจเลือดอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากรู้อาการตั้งแต่ระยะแรกๆ คุณสามารถทำการรักษาได้อย่างทันที และสามารถป้องกันไม่ให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆได้ อาการทั่วไปของภาวะเลือดข้นได้แก่ :- อาการเหนื่อยล้า
- อาการคัน
- หายใจลำบากเมื่อนอน
- ไม่มีสมาธิ
- น้ำหนักลด
- ปวดท้อง
- รู้สึกอิ่มงาย
- มองเห็นไม่ชัดหรือเห็นภาพซ้อน
- เวียนหัว
- ความอ่อนแอ
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- มีเลือดออกหรือช้ำง่าย
- มีเลือดออกมาก จากการเป็นแผลเล็กน้อย
- ข้อบวม
- ปวดกระดูก
- มีผื่นสีแดงปรากฏบนใบหน้า
- มีเลือดออกตามไรฟัน
- รู้สึกแสบที่มือหรือเท้า
สาเหตุของอาการและความเสี่ยงจากโรคเลือดข้น
โรคเลือดข้นมักเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และอาการของโรคโดยส่วนมากมักพบได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี แต่ก็อาจเกิดขึ้นก่อนได้ การเปลี่ยนแปลงของยีนส์ JAK2 เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรค ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการผลิตโปรตีนที่ช่วยสร้างเม็ดเลือด โดยส่วนมากผู้ที่เป็นโรคเลือดข้นจากการกลายพันธุ์มีอยู่ประมาณ 95% การกลายพันธุ์สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่บางครั้งก็เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวได้เลย ซึ่งปัจจุบันยังคงมีการวิจัยเพื่อหาสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ ถ้าหากคุณมีความเสี่ยงของโรคเลือดข้น คุณสามารถมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ขึ้นอยู่กับการเกิดลิ่มเลือด ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในโรคเลือดข้นได้แก่ :- ประวัติของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- มีอายุมากกว่า 60 ปี
- ความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- การสูบบุหรี่
- คอเลสเตอรอลสูง
- การตั้งครรภ์
การวินิจฉัยโรคเลือดข้น
หากคุณคิดว่าคุณมีอาการของโรคเลือดข้น แพทย์ขะทำการตรวจนับเม็ดเลือด (CBC) เพื่อตรวจปัจจัยดังต่อไปนี้ :- จำนวนของเม็ดเลือดแดง
- จำนวนของเม็ดเลือดขาว
- จำนวนของเกล็ดเลือด
- ปริมาณฮีโมโกลิน (โปรตีนที่มีหน้าที่ส่งออกซิเจน)
- ปริมาณของพื้นที่ที่เซลล์เม็ดเลือดแดงดูดเข้าไปในเลือด เรียกว่า ฮีมาโตคริต
การรักษาเลือดข้น
โรคเลือดข้นเป็นภาวะเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาได้ ซึ่งสามาถช่วยให้คุณจัดการกับอาการและภาวะแทรกซ้อนได้ โดยที่แพทย์จะเป็นคนวางแผนการรักษาตามความเสี่ยงของอาการที่เกิดขึ้นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ
การรักษาทั่วไปสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดต่ำมีสองวิธีได้แก่ การรับประทานแอสไพริน และการเจาะเลือด- การใช้แอสไพรินในปริมาณต่ำ : แอสไพรินมีผลต่อเกล็ดเลือดและลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด
- การเจาะเลือด เป็นการใช้เข็มเจาะเพื่อเอาเลือดจำนวนเล็กน้อยจากหลอดเลือดดำของคุณ ซึ่งช่วยลดจำนวนเม็ดเลือดแดง โดยทั่วไปการเจาะเลือดจะทำสัปดาห์ละครั้งในช่วยแรก และทุกๆสองถึงสามเดือน จนกว่าระดับฮีมาโตคริตของคุณจะเข้าใกล้ภาวะปกติมากที่สุด
การรักษาสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
นอกเหนือจากการใช้ยาแอาไพรินและการเจาะเลือดแล้ว ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดลิ่มเลือด จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง เช่น- ไฮดรอกซียูเรีย (Droxia, Hydrea) เป็นยารักษามะเร็งที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายของคุณสร้างเม็ดเลือดแดงมากเกินไป และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือด
- อินเตอร์เฟอรอนอัลฟา จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณ แข็งแรงพอที่จะจัดการกับเซลล์ไขกระดูกที่เป็นส่วนหนึ่งของอาการโรคเลือดข้น และยังช่วยให้ร่างกายของคุณไม่สร้างเม็ดเลือดแดงจนมากเกินไป
- บูซัลแฟน (Myleran). เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- รูโซลิทินิบ (Jakafi). เป็นยาชนิดเดียวที่ได้รับการรับรองอย.ของสหรัฐอเมริกา แพทย์จะจ่ายยาชนิดนี้ก็ต่อเมื่อคุณไม่สามารถอดทนต่อไฮดรอกซียูเรียได้
วิธีการรักษาอื่นๆ
แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้คุณทำการรักษาด้วยวิธีอื่น วิธีบางอย่างอาจช่วยรักษาอาการคัน ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องและน่ารำคาญสำหรับหลายๆคนที่เป็นโรคนี้ โดยวิธีการรักษาได้แก่ :- การใช้ยาแก้แพ้
- ยารักษาโรคซึมเศร้า
- การส่องไฟด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต
อาการของผู้ที่เป็นโรคเลือดข้น
โดยทั่วไปแล้ว อาหารสำหรับผู้ที่เป็นโรคเลือดข้นจะเหมือนกันอาหารทั่วไป แต่จำเป็นที่จะต้องมีความสมดุลของผักและผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่ไม่มีไขมันและนมไขมันต่ำ ปริมาณแคลอรี่ที่รับประทานเข้าไปในแต่ละวันเพื่อรักษาน้ำหนักให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังจำเป็นที่จะต้องควบคุมปริมาณเกลือ อาหารที่มีโซเดียมสูง เพราะสามารถทำให้อาการของโรคเลือดข้นสามารถร้ายแรงขึ้นได้ นอกจากนี้ควรที่จะทานน้ำให้ได้อย่างเพียงพอเพื่อที่หลีกเลี่ยงการขาดน้ำและรักษาการไหลเวียนของเลือดการวินิจฉัยเลือดข้น
การพยากรณ์ของโรคขึ้นอยู่กับการรักษา การลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น- myelofibrosis: ระยะที่มากที่สุดของโรค ทำให้เกิดแผลที่ไขกระดูก และทำให้ตับและม้ามขยายและสามารถหัวใจวายได้
- หัวใจวาย
- การอุดตันของหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดของสมองตีบ เกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ
- เส้นเลือดอุดตันในปอด การมีก้อนเลือดในปอด
- เสียชีวิตจากการมีเลือดออก มักจะเกิดจากการที่มีเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือส่วนอื่นๆของทางเดินอาหาร
- ความดันโลหิตสูงพอร์ทัล เกิดจากความดันโลหิตในตับซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของตับ
- มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์เฉียบพลัน เป็นมะเร็งเม็ดเลือดชนิดหนึ่งที่มีผลต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว
อายุของโรคภาวะเลือดข้น
อาการของโรคเลือดข้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ผู้ที่เข้ารับการรักษาแบบเป็นประจำ จะสามารถช่วยหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้ การรักษาเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ที่ไม่ได้รับการรักษา มักจะมีชีวิตอยู่ได้น้อยกว่า 2 ปี ขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพโดยรวมได้ด้วย แต่ผู้ที่ได้รับการรักษา สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกหลายสิบปี โดยระยะเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ปีการรักษาตัวด้วยตัวเอง
โรคเลือดข้นเป็นโรคที่หาได้ยาก ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด ที่เป็นอันตรายรวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ถ้าหากคุณมีอาการของโรคเลือดข้น ควรได้รับการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ๆชิด เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะกับคุณ ซึ่งอาจรวมไปถึงการเจาะเลือดและการใช้ยาต่างๆ เพื่อให้คุณได้รับการดูแลและป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดได้อย่างเร็วที่สุดการอยู่กับภาวะเลือดข้น
ไม่มีวิธีรักษาภาวะเลือดข้น แต่การดูแลตัวเองที่ถูกต้องสามารถช่วยลดหรือชะลอปัญหาต่างๆ ได้ ควรออกกำลังกายเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด วิธีอื่นในการปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตของคุณ ได้แก่ :- ยืดขาและข้อเท้าของคุณ
- อยู่ห่างจากความร้อนสูง
- ดื่มน้ำมากๆ
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับเลือดข้นที่ควรทราบ
- เลือดข้นเป็นโรคเลือดหายากซึ่งมีเซลล์เม็ดเลือดทั้งหมดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดแดง
- การเพิ่มขึ้นของเม็ดเลือดทำให้เลือดข้นขึ้น
- เลือดข้นอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือด นี้อาจทำให้เกิดจังหวะหรือทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะ
- อาการต่างๆ ได้แก่ ขาดพลังงาน (เมื่อยล้า) หรืออ่อนแรง ปวดศีรษะ วิงเวียน หายใจถี่ การมองเห็นผิดปกติ เลือดกำเดาไหล เหงือกมีเลือดออก ประจำเดือนมามาก และรอยช้ำ
- การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยาและการเจาะเลือด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่กำจัดเลือดส่วนเกินออกจากร่างกายของคุณ
- ปฏิบัติตามแผนการรักษา ออกกำลังกาย ดื่มน้ำให้เพียงพอ และอยู่ห่างจากความร้อนจัดสามารถช่วยป้องกันหรือลดอาการได้
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/polycythemia-vera/diagnosis-treatment/drc-20355855
- https://www.webmd.com/cancer/polycythemia-vera#1
- https://www.nhs.uk/conditions/polycythaemia/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น