ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบคืออะไร
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือ Pelvic inflammatory disease (PID) คือ การติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง อุ้งเชิงกรานนั้นคือท้องส่วนล่าง ซึ่งประกอบไปด้วย ท่อนำไข่ รังไข่ ปากมดลูก และมดลูก
จากข้อมูลของ กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบส่งผลกระทบต่อผู้หญิงประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา
แบคทีเรียหลายชนิดสามารถเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนี้ได้ รวมไปถึงแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ sexually transmitted infections (STIs) หนองในแท้ และ หนองในเทียม โดยเริ่มต้นจากการที่แบคทีเรียเข้าสู่อวัยวะเพศหญิงแล้วทำให้เกิดการติดเชื้อ เมื่อเวลาผ่านไป การติดเชื้อนั้นก็จะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในอุ้งเชิงกราน
การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานนั้นสามารถเป็นสิ่งที่อันตรายมากได้ อาจมีอันตรายถึงชีวิต หากการติดเชื้อนั้นเข้าสู่กระแสเลือด เพราะฉะนั้น หากคุณสงสัยว่าคุณกำลังติดเชื้ออยู่ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
หากคุณเคยเป็นโรคหนองในแท้ หรือ หนองในเทียม หรือ เคยมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน คุณมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเกิดภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ อย่างไรก็ตาม ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบสามารถเกิดขึ้นถึงแม่ว่าคุณจะไม่เคยมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อนก็ตาม
ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ:
-
มีเพศสัมพันธ์ก่อนอายุ 25 ปี
-
มีคู่นอนหลายคน
-
มีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย
-
เพิ่งใส่ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
-
การสวนล้างช่องคลอด
-
มีประวัติการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
อาการของภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
ผู้หญิงบางคนที่ติดเชื้อนั้นไม่แสดงอาการ แต่สำหรับผู้มีอาการนั้น อาการต่าง ๆ มีดังนี้:
- ปวดท้องน้อย(อาการที่พบได้บ่อยที่สุด)
- ปวดท้องส่วนบน
- มีไข้
- เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะขัด
- เลือดออกผิดปกติ
- ตกขาวเยอะขึ้น มีกลิ่นเหม็น
- เหนื่อยล้า
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบสามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดได้ในระดับน้อยจะถึงระดับกลาง แต่อย่างไรก็ตาม ผู็หญิงบางคนมีอาการปวดอย่างรุนแรงและอาการอื่น ๆ เช่น:
หากคุณมีอาการรุนแรงเหล่านี้ ควรติดต่อแพทย์หรือไปพบแพทย์ การติดเชื้ออาจเข้าไปสู่กระแสเลือดหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การรักษาการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
แพทย์มักจะให้ยาต้านแบคทีเรียสำหรับการรักษาโรคนี้ เพราะแพทย์อาจไม่ทราบว่าแบคทีเรียชนิดไหนที่ทำให้คุณติดเชื้อ คุณอาจได้รับยาต้านแบคทีเรียสองชนิดที่สามารถรักษาแบคทีเรียหลายชนิดได้
หลังจากการรักษาเพียงไม่กี่วัน อาการของคุณอาจจะดีขึ้นหรือหายเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม คุณควรจะทานยาให้หมดถึงแม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว เพราะหากหยุดยาก่อนที่ยาจะหมดอาจจะทำให้การติดเชื้อกลับมาได้
หากคุณกำลังป่วยหรือตั้งครรภ์อยู่ หรือไม่สามารถกลืนยาได้ หรือ มีฝีในอุ้งเชิงกราน แพทย์จะให้คุณเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
ภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานอาจต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัด แต่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนักนอกเสียจากว่าฝีในอุ้งเชิงกรานแตก หรือ แพทย์สงสัยว่าฝีจะแตก หรือการรักษาอย่างอื่นไม่ตอบสนอง
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบนั้นสามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ หากคุณมีเพศสัมพันธ์อยู่ ก็ควรให้คู่ของคุณเข้ารับการตรวจด้วยเพราะผู้ชายอาจจะมีแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ได้โดยไม่รู้ตัว
การติดเชื้ออาจกลับมาอีกหากคู่ของคุณนั้นไม่ได้รับการรักษาไปด้วย คุณอาจต้องงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการติดเชื้อจะหายไป
การป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
คุณสามารถลดความเสี่ยงได้จาก:
-
มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
-
เข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
-
หลีกเลี่ยงการสวนล้างอวัยวะเพศ
-
เช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลัง หลังการใช้ห้องน้ำ เพื่อที่แบคทีเรียจะได้ไม่เข้าสู่อวัยวะเพศของค
- ความเสียหายของท่อนำไข่และภาวะมีบุตรยาก: หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่สุดของ PID คือความเสียหายต่อท่อนำไข่ การอักเสบและรอยแผลเป็นที่เกิดจากการติดเชื้ออาจทำให้ท่ออุดตันหรือตีบตัน ซึ่งสามารถป้องกันไม่ให้ไข่ปฏิสนธิหรือไปถึงมดลูกได้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการตั้งครรภ์ (ภาวะมีบุตรยาก) หรือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก:ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ PID สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ในการตั้งครรภ์นอกมดลูก ไข่ที่ปฏิสนธิจะปลูกถ่ายและเติบโตนอกมดลูก โดยทั่วไปจะอยู่ในท่อนำไข่ นี่เป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการแทรกแซงทางการแพทย์และอาจนำไปสู่การแตกของท่อนำไข่ได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
- อาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรัง:อาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรังเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของ PID โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการติดเชื้อทำให้เกิดแผลเป็นหรือมีการยึดเกาะภายในอวัยวะในอุ้งเชิงกราน การยึดเกาะเหล่านี้อาจทำให้เนื้อเยื่อเกาะติดกัน ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะได้รับการรักษาการติดเชื้อแล้วก็ตาม
- ฝีในท่อรังไข่:ในบางกรณี PID สามารถนำไปสู่การก่อตัวของฝีในท่อรังไข่ ซึ่งเป็นกลุ่มของของเหลวและหนองที่ติดเชื้อซึ่งสะสมอยู่ในท่อนำไข่และรังไข่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง มีไข้ และอาการอื่นๆ และอาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อระบายน้ำออก
- เยื่อบุช่องท้องอักเสบ:เยื่อบุช่องท้องอักเสบคือการอักเสบของเยื่อบุช่องท้องซึ่งเป็นเยื่อหุ้มที่เรียงตัวในช่องท้อง หากฝีในรังไข่แตก อาจทำให้วัสดุที่ติดเชื้อรั่วไหลเข้าไปในช่องท้องและทำให้เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- การติดเชื้อเรื้อรัง:บางครั้ง PID อาจนำไปสู่การติดเชื้อเรื้อรังที่เกิดขึ้นอีกซึ่งยากต่อการรักษาและจัดการ การติดเชื้ออย่างต่อเนื่องเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะสืบพันธุ์ได้
- ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs):การมีประวัติของ PID สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ เนื่องจากการอักเสบและความเสียหายต่อปากมดลูกและอวัยวะสืบพันธุ์สามารถทำให้การติดเชื้อเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
แหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pelvic-inflammatory-disease/symptoms-causes/syc-20352594
-
https://www.cdc.gov/std/pid/stdfact-pid.htm
-
https://www.nhs.uk/conditions/pelvic-inflammatory-disease-pid/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team