การติดเชื้อปรสิต (Parasitic Infections) 

ปรสิตคืออะไร

ปรสิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิตอื่น หรือโฮสต์ เพื่อความอยู่รอด ปรสิตบางชนิดไม่ส่งผลกระทบต่อโฮสต์อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามการเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ หรือรุกรานอวัยวะของโฮสต์ก็อาจทำให้เกิดอาการป่วย หรือที่เรียกว่าการติดเชื้อปรสิตได้ การติดเชื้อปรสิตเป็นปัญหาใหญ่ในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อนของโลก มาลาเรียเป็นโรคปรสิตหนึ่งที่อันตราย  การติดเชื้อปรสิตยังพบได้ในประเทศไทย การติดเชื้อปรสิตที่พบได้บ่อย คือ :

สาเหตุของภาวะปรสิตติดเชื้อ

การติดเชื้อปรสิตอาจเกิดจากสิ่งมีชีวิต 3 ประเภท คือ:
  • โปรโตซัว
  • นอนพยาธิ
  • ปรสิตภายนอก

โปรโตซัวคืออะไร Protozoa

โปรโตซัว เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่อาศัยและเพิ่มจำนวนภายในร่างกาย การติดเชื้อนี้เกิดจาก protozoa อย่าง giardiasis เป็นการติดเชื้อร้ายแรงที่ติดต่อผ่านน้ำดื่มที่ติดเชื้อโปรโตซัวคือ Giardia หนอนพยาธิ เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่อาศัยอยู่ภายในหรือภายนอกร่างกายได้ รู้จักกันในชื่อพยาธิ ได้แก่ พยาธิตัวแบน พยาธิตัวตืด หนอนที่มีหัวเป็นหนาม และพยาธิตัวกลม ปรสิตภายนอก เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ที่อาศัยอยู่หรือกินอาหารจากผิวหนัง รวมถึงแมลง และแมงบางชนิด อย่างยุง หมัด เห็บ และตัวไร โรคปรสิตสามารถแพร่ระบาดได้หลายวิธี เช่นโปรโตซัวและหนอนพยาธิสามารถแพร่ผ่านน้ำ อาหาร ของเสีย ดินและเลือดที่ปนเปื้อนได้ แต่บางชนิดสามารถส่งผ่านทางเพศสัมพันธ์ ปรสิตบางชนิดแพร่กระจายโดยแมลงที่เป็นพาหะของโรค ตัวอย่างเช่น โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัว ที่ถูกส่งต่อโดยยุง เมื่อพวกมันกินเลือดมนุษย์

ปัจจัยของการติดเชื้อปรสิต

ทุกคนล้วนมีโอกาสติดเชื้อปรสิตได้ แต่บางคนอาจมีความเสี่ยงมากกว่าคนอื่น ๆ ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อปรสิตคือ:
  • ระบบภูมิคุ้มกันถูกทำลาย หรือป่วยด้วยโรคอื่นอยู่แล้ว
  • อาศัย หรือท่องเที่ยวในพื้นที่เขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนของโลก
  • ขาดแหล่งน้ำดื่มที่สะอาด
  • ว่ายน้ำในทะเลสาบ แม่น้ำ หรือสระน้ำที่มี Giardia หรือตัวปรสิตอื่น ๆ
  • ทำงานดูแลเด็ก ทำงานที่สัมผัสดินเป็นประจำ หรือทำงานที่เสี่ยงจะสัมผัสกับอุจจาระอยู่สมอ
แมวที่เลี้ยงภายนอกอาจสัมผัสกับสัตว์ฟันแทะ และนกที่ติดเชื้อได้ ส่งผลให้เจ้าของมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อ Protozoa คือ Toxoplasmosis Toxoplasmosis เป็นอันตรายต่อสตรีมีครรภ์และทารกในครรภ์ การติดเชื้อมักแพร่กระจายจากอุจจาระแมว หากกำลังตั้งครรภ์ควรให้คนอื่นทำความสะอาดกระบะทรายแมวทุกวัน

อาการของการติดเชื้อปรสิต

อาการของการติดเชื้อปรสิทแตกต่างกันไปตามชนิดของตัวปรสิต ได้แก่:
  • โรคพยาธิในช่องคลอด เป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากปรสิตในคนซึ่งมักไม่แสดงอาการ บางกรณีอาจทำให้เกิดอาการผื่นคัน แดง ระคายเคือง และมีน้ำไหลออกมาจากอวัยวะเพศ
  • ปรสิตไกอาเดีย โรคที่เกิดจากโปรโตซัวนี้จะทำให้เกิดอาการท้องร่วง ท้องอืด ปวดท้อง อุจจาระอ่อน และร่างกายสูญเสียน้ำ
  • ปรสิตคริปโตสปอริดิโอซิส อาจทำให้เกิดตะคริวในท้อง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ขาดน้ำ น้ำหนักลด และมีไข้
  • โรคติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ต่อมน้ำเหลืองโต และอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ อาการปวดอาจยาวนานเป็นเดือน

Parasitic Infections

การวินิจฉัยการติดเชื้อปรสิต

การติดเชื้อปรสิตสามารถวินิจฉัยได้หลายวิธี ตัวอย่างเช่น:
  • การตรวจเลือด
  • การตรวจอุจจาระ: โดยเก็บตัวอย่างอุจจาระเพื่อตรวจหาปรสิต และไข่ของมัน
  • การส่องกล้องกระเพาะอาหารหรือลำไส้ใหญ่: การตรวจนี้ แพทย์จะพิจารณาเมื่อไม่สามารถสรุปผลจากการตรวจอุจจาระได้ เมื่อผู้ป่วยผ่อนคลายจะส่งท่อที่มีความยืดหยุ่น และบางผ่านเข้าไปทางปากหรือทวารหนัก ก่อนส่งต่อไปยังระบบย่อยอาหารเพื่อตรวจดูระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วย
  • เอกซ์เรย์ด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) หรือการถ่ายภาพรังสีส่วนตัดอาศัยคอมพิวเตอ (CAT) : การสแกนนี้ใช้เพื่อตรวจหารอยโรคหรือการบาดเจ็บที่อวัยวะที่เกิดจากปรสิต
แพทย์อาจทำการทดสอบหาแบคทีเรีย หรือจุลินทรีย์ชนิดอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อด้วย

การรักษาการติดเชื้อปรสิต

แผนการรักษาของผู้ป่วยจะขึ้นกับผลการวินิจฉัยของผู้ป่วย แพทย์มักสั่งจ่ายยาเพื่อรักษาของ Trichomoniasis, Giardiasis หรือ Cryptosporidiosis แพทย์อาจพิจารณาไม่สั่งยาสำหรับ Toxoplasmosis หากผู้ป่วยไม่ได้ตั้งครรภ์และมีสุขภาพดี เว้นแต่มีอาการติดเชื้อรุนแรง และติดเชื้อมานาน แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการ  เช่นการติดเชื้อปรสิตที่ทำให้เกิดอาการท้องร่วง มักนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป

วิธีป้องกันการติดเชื้อปรสิต

มีหลายวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อปรสิต:
  • มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยใช้ถุงยางอนามัย
  • ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อจัดการกับอาหารที่ยังปรุงไม่สุก หรืออุจจาระ
  • ปรุงอาหารให้ได้อุณหภูมิตามที่แนะนำ
  • ดื่มน้ำสะอาด รวมทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด เมื่ออยู่ระหว่างเดินทาง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำจากทะเลสาบ ลำธาร หรือสระน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสขยะมูลฝอย และอุจจาระของแมว ในขณะตั้งครรภ์
หากสงสัยว่ามีการติดเชื้อปรสิต ให้ไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และกำหนดแนวทางการรักษา การรักษาตั้งแต่แรกจะช่วยหยุดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้

เป็นพยาธิควรกินอะไร

เมื่อต้องรับมือกับพยาธิ โภชนาการที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวม แม้ว่าอาหารเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาพยาธิได้ แต่ควรรับประทานอาหารที่มีความสมดุล
  1. ดื่มน้ำปริมาณมาก:ให้แน่ใจว่าได้รับน้ำอย่างเพียงพอโดยการดื่มน้ำปริมาณมาก การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมและส่งเสริมธรรมชาติของร่างกาย
  2. กระเทียม:กระเทียมมีคุณสมบัติด้านคุณสมบัติต้านจุลชีพ
  3. โปรไบโอติก:อาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต เคเฟอร์ คิม
  4. อาหารที่มีเส้นใยสูง:การบริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูงเช่น
  5. เมล็ดมะละกอ:การเยียวยาแบบโบราณแนะนำให้ใช้เมล็ดมะละกอ
  6. เมล็ดฟักทอง:เมล็ดฟักทองมีสารแตงกวา
  7. อาหารต้านการอักเสบ:การบริโภคอาหาร
  8. หลีกเลี่ยงน้ำตาลและอาหารแปรรูป:ปรสิตอาจเจริญเติบโตได้เมื่อใช้น้ำตาลและอาหารแปรรูป

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา

  • https://www.medicalnewstoday.com/articles/220302
  • https://www.cdc.gov/parasites/index.html
  • https://www.sepsis.org/sepsisand/parasitic-infections/
แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด