เลือดกำเดา( Nosebleed) คืออาการที่พบได้ทั่วไป แต่อาจดูน่ากลัว อาการเลือกกำเดาไหล ไม่ได้บอกถึงปัญหาที่รุนแรง จมูกมีเส้นเลือดจำนวนมากที่อยู่ใกล้กับบริเวณด้านหน้าและด้านหลังของจมูก เส้นเลือดเหล่านี้จะบอบบางและมีเลือดออดได้ง่าย เลือดกำเดาจะพบได้มากในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุระหว่าง 3-10 ปี
เลือดกำเดามีสองประเภท เลือดกำเดาที่ไหลด้านหน้าเกิดจากการที่หลอดเหลือด้านหน้าของจมูกแตกและมีเลือดออก
เลือดกำเดาที่ไหลออกมาจากส่วนหลัง มนกรณีนี้เลือดจะไหลลงคอและอาจทำให้เกิดอันตรายได้
สาเหตุการเกิดเลือดกำเดา
สาเหตุของการเกิดเลือดกำเดามีได้หลายสาเหตุ โดยส่วนมากเลือดกำเดาที่ไหลแบบทันทีมักจะไม่ค่อยร้ายแรง แต่ถ้าหากว่าคุณมีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย อาจเกิดเป็นปัญหาร้ายแรงได้ สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการเลือดกำเดาไหลคืออากาศแห้ง การอาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่แห้งหรือระบบทำความร้อนทำจะทำให้เยื่อจมูกแห้งได้ ควาแห้งนี้ทำให้เกิดคราบเกรอะกรังในจมูก ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการคันหรือระคาบเคืองได้ เมื่อจมูกของคุณได้รับบาดแผลหรือมีอาการคัดจมูกจะทำให้เกิดเลือดออกได้ การทานยาแก้แพ้และยาลดน้ำมูก อาจทำให้เยื่อจมูกแห้งและเกิดอาการเลือดกำเดาไหลได้ การสั่งน้ำมูกบ่อยๆ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดเลือดกำเดาไหลได้เช่นกัน สาเหตุทั่วไปที่ทำให้เกิดอาการเลือดกำเดาไหล :- การมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจมูก
- มีอาการระคายเคืองจากสารเคมี
- อาการแพ้
- ได้รับบาดเจ็บที่จมูก
- จามติดต่อกัน
- คัดจมูก
- อากาศเย็น
- การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน
- การใช้แอสไพรินเป็นจำนวนมาก
- ความดันสูง
- เลือดออกผิดปกติ
- มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
- มะเร็ง
การวินิฉัยอาการเลือดกำเดาไหล
หากคุณไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุ แพทย์จะทำการตรวจจมูกเพื่อหาร่องรอยของสิ่งแปลกปลอม และซักประวัติทางการแพทย์และประวัติการใช้ยา คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บอื่นๆ เพื่อที่แพทย์จะได้ทราบว่าควรทำการตรวจวินิจฉัยอย่างไรบ้าง โดยมีวิธีการดังนี้ :- การนับจำนวนเม็ดเลือดแดง (CBC) เป็นการตรวจเลือดเพื่อหาความผิดปกติของเลือด
- การแข็งตัวของเลือด (PTT) การตรวจเลือดเพื่อจับเวลาในการแข็งตัวของเลือด
- การส่องกล้องทางจมูก
- CT scan จมูก
- การเอกซ์เรย์ใบหน้าและจมูก
อาการและวิธีการรักษาเมื่อเลือดกำเดาไหล
การรักษาจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของอาการเลือดกำเดาไหลด้านหน้า
หากคุณมีเลือดกำเดาไหลออกทางรูจมูก คุณสามารถลึกขึ้นนั่งแล้วบีบจมูกไว้ได้ บีบรูจมูกให้สนิทไว้ 10 นาที โน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยและหายใจทางปาก อย่านอนราบ เพราะทำให้เลือดไหลลงคอและกระเพาะอาหารสามารถเกิดการระคายเคืองได้ เลือดควรจะหยุดไหล และทำซ้ำหากมีเลือดออก คุณสามารถใช้การประคบเย็นที่ดังจมูก หรือใช้สเปรย์สำหรับรักษาอาการคัดจมูกเพื่อปิดเส้นเลือดฝอย คุณควรไปพบแพทย์ทันทีถ้าหากเลือดกำเดาของคุณไม่สามารถหยุดไหลด้วยตัวเองได้เลือดกำเดาไหลทางด้านหลัง
หากคุณมีเลือดกำเดาไหลทางหลังจมูก เลือดมีแนวโน้มที่จะไหลลงคอ ซึ่งจะพบได้น้อยกว่าแต่มีความรุนแรงมากกว่า หากมีเลือดกำเดาไหลหลังโพรงจมูก คุณควรพบแพทย์ทันทีอาการเลือดกำเดาไหลที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอม
ถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในจมูก ควรพบแพทย์เพื่อเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากจมูกการเผาไหม้
เป็นเทคนิคที่ทางการแพทย์ใช้เพื่อหยุดเลือดที่ไหลอย่างต่อเนื่องหรือบ่อยๆ โดยแพทย์จะทำการเผาเส้นเลือดในจมูกด้วยซิลเวอร์ไนเตรต แพทย์จะห่อจมูกด้วบผ้าหรือโฟมและใช้สายสวนบอลลูนเพื่อเพิ่มแรงกดดันในหลอดเลือดและหยุดเลือดวิธีการหลักเลี่ยงเลือดกำเดาไหล
มีหลากหลายวิธีในการป้องกันเลือดกำเดาไหล- ใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อให้อากาศในบ้านชื้นขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแคะจมูก
- ควบคุมปริมาณแอสไพริน เพราะทำให้เส้นเลือดบางและเลือดกำเดาไหลได้ง่ายขึ้น คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยา
- การใช้ยาแก้แพ้และยาลดน้ำมูกในปริมาณที่เหมาะสม
- ใช้สเปรย์น้ำเกลือหรือเจลเพื่อทำให้จมูกชื้น
สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำเมื่อเลือดกำเดาไหล
ควรทำ:
- บีบดั้งจมูกและเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย กดค้างไว้อย่างน้อย 10 นาที คุณสามารถใช้ที่หนีบจมูกเพื่อออกแรงกดได้ แต่คุณไม่ควรปล่อยที่หนีบไว้นานเกิน 10 นาที
- บันทึกเวลาเลือดกำเดาไหลและบันทึกข้อมูลเพื่อบอกแพทย์
- สอบถามหมอว่าผลิตภัณฑ์ไหนดีที่สุดในการป้องกันเลือดกำเดาไหล ตัวเลือกต่างๆ ได้แก่ สเปรย์น้ำเกลือ ครีมหรือเจลที่ป้องกันการสลายตัวของลิ่มเลือด และครีมและเจลหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองและสิ่งกระตุ้นอื่นๆ เช่น สารก่อภูมิแพ้ หรืออากาศร้อนและแห้ง หากดูเหมือนว่าอากาศแห้งเป็นตัวกระตุ้น คุณสามารถแก้ไขได้โดยใช้เครื่องทำความชื้น
- พักหลังจากเลือดกำเดาไหลเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดซ้ำ คุณควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เช่น กีฬา การวิ่ง และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้ความดันโลหิตของคุณเพิ่มขึ้น
อย่า:
- นอนราบหรือเอนหลังในช่วงที่มีเลือดกำเดาไหล เนื่องจากเลือดอาจไหลลงคอได้ การกลืนเลือดอาจทำให้ปวดท้องและทำให้อาเจียนได้
- สั่งน้ำมูกอย่างแรง สามารถก่อให้เกิดอาการระคายเคืองโพรงจมูกที่บอบบางได้ การสั่งน้ำมูกระหว่างที่เลือดกำเดาไหลอาจทำให้เลือดออกแย่ลงหรือทำให้เลือดออกอีกครั้งหลังจากเลือดหยุดไหล
- กินอาหารอุ่นๆ เผ็ดๆ ซึ่งอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ในวันที่เลือดกำเดาไหล
สรุป
เลือดกำเดาเป็นเรื่องปกติและไม่ร้ายแรง โดนส่วนมากสามารถรักษาตัวเองได้ที่บ้าน เพราะเกิดขึ้นอย่างกระทันหันและใช้เวลาไม่นาน โดยสาเหตุเกิดจากอากาศแห้งและการเกาหรือแคะจมูกซ้ำๆ ถ้าหากเลือดไม่สามารถหยุดไหลได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์ได้ทันที เลือดกำเดาไหลด้านหลังจะมีอาการที่ร้ายแรงมากกว่า ถ้าคุณคิดว่ามีเลือดกำเดาไหลจากทางด้านหลังแนะนำให้ติดต่อแพทย์ทันที การทำให้อากาศในบ้านมีความชื้นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการแคะจมูกและใช้ยาเพิ่มความชื้นเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันเลือดกำเดาไหลนี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.nhs.uk/conditions/nosebleed/
- https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/ears-nose-and-throat/nosebleed
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/13464-nosebleed-epistaxis
- https://www.mayoclinic.org/symptoms/nosebleeds/basics/causes/sym-20050914
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น