โรคริดสีดวงจมูก (Nasal Polyps) : อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคริดสีดวงจมูก (Nasal Polyps) คือ อาการคัดจมูกที่ดูเหมือนจะไม่วันหาย ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะรักษาด้วยยาแก้ไข้หวัดหรือยาแก้แพ้ก็อาจะไม่ช่วยให้ดีขึ้น นั่นหมายความว่าคุณอาจะมีอาการของโรคริดสีดวงจมูกก็เป็นได้  ริดสีดวงจมูก เกิดจากการที่มีเนื้องอกชนิดธรรมดา(ที่ไม่ได้เป็นมะเร็ง)เกิดขึ้นในเนื้อเยื่อบุผิวหรือเยื่อบุโพรงจมูกของผู้ป่วย โรคริดสีดวงจมูก (Nasal Polyps)

อาการริดสีดวงจมูก

อาการริดสีดวงจมูกนั้นเป็นก้อนเนื้อนิ่ม ไม่มีอาการเจ็บ ซึ่งเกิดขึ้นภายในทางเดินหายใจ มมักจะเกิดขึ้นในพื้นที่     รูจมูกส่วนบนของคุณ(ที่ตาและโหนกของคุณอยู่ด้วยกัน) ซึ่งผู้ป่วยเองอาจไมรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีติ่งเนื้อในโพรงจมูก เพราะมันไม่มีความรู้สึกใดเลย ติ่งเนื้อนั้นสามารถเติบโตจนขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจขัดขวางทางเดินหายใจของคุณได้ ส่งผลให้เกิดอาการหายใจติดขัดเรื้อรัง ซึ่งอาการมีดังนี้:
  • อาการน้ำมูกไหล
  • อาการคัดจมูก
  • น้ำมูกไหลลงคอ ที่มีเมือกเหลวส่วนเกินไหลลงไปที่หลังคอ
  • มีความรู้สึกว่าทางเดินหายใจของคุณนั้นลำบากขึ้น
  • อาการจมูกคั่ง
  • ต้องหายใจทางปาก เนื่องจากไม่สามารถหายใจปกติได้
  • หน้าผากหรือใบหน้ารู้สึกตึงเกรงเหมือนมีการกดทับ
  • อาการหยุดหายใจขณะหลับ
  • ความรู้สึกที่ได้รับกลิ่นลดลง
  • การกรน
อาการเจ็บ หรือ อาการปวดหัวอาจทำให้เกิดอาการริดสีดวงจมูกได้ หากมีการติดเชื้อที่ต่อมไซนัสนอกเหนือจากการมีติ่งเนื้องอกออกมา 

สาเหตุของริดสีดวงจมูก

โรคริดสีดวงจมูกมักจะเกิดจากการติดเชื้อที่เยื่อบุโพรงจมูก เยื่อบุโพรงจมูกนั้นตามปกติแล้วจะมีเมือกเป็นชั้นที่เปียกอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันภายในจมูกและต่อมไซนัส และยังทำให้อากาศที่เข้าไปในโพรงจมูกนั้นมีความชุ่มชื่นขึ้น ซึ่งในระหว่างการติดเชื้อหรือการระคายเคืองที่จมูกหรือเกิดจากโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ เยื่อบุโพรงจมูกเกิดอาการบวม แดงและอาจมีน้ำมูกไหลออกมาด้วย และเมื่อเกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน เยื่อบุโพรงจมูกจะมีติ่งเนื้องอกเกิดขึ้นมา ซึ่งติ่งเนื้อนี้จะเกิดขึ้น (เหมือนกับก้อนซีสต์ขนาดเล็ก) สามารถทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจได้ ถึงแม้ว่าบางคนจะมีติ่งเนื้อโดยที่ไม่มีปัญหาทางจมูก แต่ก็มีปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อที่โพรงจมูกได้ ซึ่งมีปัจจัยดังต่อไปนี้: อาจมีปัจจัยของพันธุกรรมที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดติ่งเนื้อ เนื่องจากยีนของพวกเขานั้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อที่เยื่อบุโพรงจมูกและเกิดการอักเสบ จนเกิดเป็นโรคริดสีดวงจมูกได้

วิธีการรักษาริดสีดวงจมูก

การผ่าตัด

หากอาการริดสีดวงจมูกยังไม่ดีขึ้น การผ่าตัดก็เป็นวิธีรักษาริดสีดวงที่ดีอีกวิธีหนึ่งในการกำจัดติ่งเนื้อได้อย่างสมบูรณ์ ประเภทของการผ่าตัดก็ขึ้นอยู่กับขนาดของติ่งเนื้อที่เกิดขึ้น ซึ่งการผ่าตัดติ่งเนื้อนั้นเป็นการผ่าตัดผู้ป่วยนอก โดยใช้อุปกรณ์ผ่าตัดด้วยการดูดขนาดเล็กหรือเครื่องผ่าตัดที่มีส่องกล้องขนาดเล็กที่ตัดติ่งเนื้องอกและกำจัดเนื้อเยื่อที่เกิดการติดเชื้อออกมาจากโพรงจมูก   ในกรณีที่มีติ่งเนื้องอกขนาดใหญ่ แพทย์จะทำการผ่าตัดด้วยกล้องส่องขนาดเล็กหรือกล้องเอ็นโดสโคปแบบบางและมีความยืดหยุ่น เพื่อหาติ่งเนื้องอกหรือสิ่งกีดขวางอื่นที่อยู่ในโพรงจมูก และตัดติ่งเนื้อนั้นออกมาจากโพรงจมูก ซึ่งแพทย์อาจผ่าตัดโพรงจมูกเพื่อเปิดโพรงไซนัส และสวนใหญ่การผ่าตัดนี้ก็ทำให้กับผู้ป่วยนอก หลังการผ่าตัดนั้น ก็สามารถใช้ยาพ่นจมูกหรือใช้น้ำเกลือล้างจมูก เพื่อลดการอักเสบของทางเดินหายใจของคุณและป้องกันการกลับมาของอาการริดสีดวงจมูก ซึ่งปกติแล้วการลดการอักเสบในทางเดินหายใจด้วยการใช้ยาพ่นจมูก ยาแก้แพ้ และการใช้น้ำเกลือล้างจมูก นั้นช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการริดสีดวงจมูกขึ้นมาอีกด้วย

การใช้ยา

วิธีรักษาริดสีดวงโดยการใช้ยาปฏิชีวนะนั้น อาจลดขนาดติ่งเนื้อและบรรเทาอาการแออัดที่ทางเดินหายใจได้ด้วย การใช้ยาสเตียรอยด์แบบพ่นจมูกนั้น ช่วยลดอาการน้ำมูกไหลและความรู้สึกแออัดในทางเดินหายใจโดยการหดตัวของติ่งเนื้องอก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณหยุดใช้ยาเหล่านี้ อาการอาจกลับมาได้เร็วขึ้น ตัวอย่างยาที่ใช้พ่นจมูก เพื่อรักษาอาการริดสีดวงจมูก มีดังนี้:
  • ยาฟลูติคาโซน (Flonase, Veramyst)
  • ยาบูเดโซไนด์ (Rhinocort)
  • ยาโมเมทาโซน (Nasonex)
การรับประทานยาสเตียรอยด์ อย่างเช่น ยาเพรดนิโซน อาจเป็นวิธีรักษาริดสีดวงจมูกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่ง หากการใช้ยาพ่นจมูกนั้นไม่ได้ผล แต่มันก็เป็นการรักษาที่ไม่ได้ยาวนานเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก รวมถึงการคั่งของของเหลวในร่างกาย ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และความดันในดวงตาสูงขึ้นไปด้วย ยาต้านฮีสทามีน หรือ ยาปฏิชีวนะ อาจรักษาอาการแพ้หรือการติดเชื้อที่ต่อมไซนัสที่เกิดจากการอักเสบที่จมูก

การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ  วิธี + อาหารเพื่อสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

                         

มีวิธีการรักษาตามธรรมชาติและการเยียวยาที่บ้านมากมายเพื่อรักษาและบรรเทาโรคริดสีดวงจมูก สิ่งเหล่านี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงอาหารเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตและการใช้น้ำมันหอมระเหยและอาหารเสริม อ่านตัวเลือกต่างๆ มากมาย 
  1. น้ำมันทีทรี
น้ำมันทีทรีเป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติในการต้านจุลชีพของมันมีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับช่องจมูก ห้ามใช้น้ำมันทีทรีภายใน
  1. บรอมีเลน
คุณอาจประหลาดใจที่รู้ว่าการรับประทานแกนกลางที่มีเส้นใยหนาแน่นของสับปะรดสามารถให้เอนไซม์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต้านการอักเสบแก่คุณได้ เนื่องจากความสามารถในการลดอาการบวมโบรมีเลนจึงช่วยลดอาการติดเชื้อไซนัสได้ นอกจากนี้ยังป้องกันโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด ลองเพิ่มแกนสับปะรดลงในสมูทตี้ของคุณ หรือรับประทานโบรมีเลนเป็นอาหารเสริมทุกวัน (300 หน่วย FIP) (เม็ดละ 600 มิลลิกรัม)
  1. แมกนีเซียม
คล้ายกับโบรมีเลนแมกนีเซียม  มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและยังช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่สำคัญมากมาย รับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น ผักใบเขียว ถั่ว เมล็ดพืช และพืชตระกูลถั่ว คุณยังสามารถลองเสริมแมกนีเซียม NIH แนะนำให้รับประทาน 400–420 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดย RDAs จะปรับตามอายุ และในกรณีของผู้หญิง สำหรับการตั้งครรภ์และให้นมบุตร  คุณยังสามารถแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นที่เติม เกลือ Epsom เพื่อดูดซับแมกนีเซียมโดยตรงผ่านผิวหนังของคุณ
  1. โกลเด้นซีล
การดื่มชาที่ทำจากสมุนไพรชนิดนี้ในแต่ละวันสามารถบรรเทาอาการโรคริดสีดวงจมูกได้ และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านจุลชีพ การใช้โกลเด้นซีล อย่างต่อเนื่อง ไม่ควรเกินสามสัปดาห์และสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรบริโภค
  1. สังกะสี
แซลมอน โกโก้ และถั่วชิกพีมีอะไรที่เหมือนกัน? พวกมันล้วนเป็นแหล่งที่ดีของสังกะสี จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายในฐานะธาตุ สังกะสีในปริมาณเล็กน้อยเป็นสิ่งจำเป็นในแต่ละวันเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างเหมาะสม สังกะสีมักหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป  เพื่อช่วยต่อสู้กับโรคหวัด และอาจมีประโยชน์ในการรักษาโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังและโรคริดสีดวงจมูก   ลองรับประทานอาหารที่อุดมด้วยโปรตีนเนื่องจากมีสังกะสีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในปริมาณสูงสุด ตัวอย่างเช่น เนื้อแกะ ไก่ ไก่งวง โยเกิร์ต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และไข่ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณยังสามารถเสริมด้วยสังกะสี วัยรุ่นอายุ 14 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่ควรรับประทาน 8-13 มิลลิกรัม ขึ้นอยู่กับเพศ และสำหรับผู้หญิงไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรหรือไม่ก็ตาม 
  1. โปรไบโอติก
การวิจัยได้แสดงหลักฐานที่ชัดเจนว่าโปรไบโอติกสามารถเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันได้ ในความเป็นจริง การศึกษาที่ตีพิมพ์ในScience Translation Medicine แสดงให้เห็นว่า ไมโครไบโอมของแต่ละคนสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพไซนัสของพวกเขาได้  เพื่อเพิ่มโปรไบโอติกในระบบของคุณ ให้กินอาหารรสเปรี้ยวและอุดมด้วยโปรไบโอติก สิ่งสำคัญคือต้องให้อาหารโปรไบโอติกในระบบของคุณด้วยอาหารคุณภาพสูงและไฟเบอร์สูง เช่น เมล็ดเจียและมันเทศ วิธีที่รวดเร็วในการเพิ่มปริมาณโปรไบโอติกคือการทานอาหารเสริมโปรไบโอติกทุกวัน
  1. ขมิ้น
งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าเคอร์คูมินมีคุณสมบัติในการรักษาอย่างลึกซึ้ง โดยมีประโยชน์เทียบเท่าหรือดีกว่ายาทางเภสัชกรรมหลายชนิด เคอร์คูมินคืออะไร? เป็นสารรักษาที่มีชื่อเสียงซึ่งพบได้ในขมิ้นซึ่งเป็นสมุนไพรที่ทรงพลัง ขมิ้นมีประโยชน์ในการรักษาติ่งเนื้อจมูกและการติดเชื้อไซนัส เนื่องจากเป็นหนึ่งในสารต้านการอักเสบที่ทรงพลังที่สุดในโลก คุณสามารถเพิ่มขมิ้นลงในอาหารของคุณได้โดยใช้เป็นเครื่องเทศในการปรุงอาหาร (มักใช้ในแกง) คุณยังสามารถโรยลงในสมูทตี้ ขมิ้นยังสามารถใช้เป็นอาหารเสริมได้
  1. พริกป่น
คุณชอบรสเผ็ดเล็กน้อยในอาหารของคุณหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าลืมผสมพริกป่นลงในสูตรอาหารของคุณ เพราะประโยชน์ของพริกนี้มีผลกับปัญหาสุขภาพหลายประการ พริกแดงเม็ดเล็กเหล่านี้มีวิตามินซี วิตามินบี 6 วิตามินอี โพแทสเซียม เบต้าแคโรทีน แมงกานีส และฟลาโวนอยด์ซึ่งให้สารต้านอนุมูลอิสระ การกินวิตามินรวมของคุณเป็นอย่างไร? วิตามินเอในพริกป่นช่วยลดการอักเสบ ป้องกันโพรงจมูกอักเสบ และยังป้องกันภูมิแพ้อีกด้วย วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน พริกป่นแบบแห้งหรือแบบผงสามารถเพิ่มลงในเนื้อสัตว์ พาสต้า ไข่ ถั่ว และผักเพื่อความเผ็ดร้อน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มซอสและเครื่องดื่มและใช้เป็นเครื่องเทศดอง
  1. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซ เดอร์เป็นที่รู้จักในด้านคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพมากมาย ช่วยในการสลายเสมหะ ทำให้เป็นวิธีการรักษาที่ดีเยี่ยมในการบรรเทาอาการแพ้ตามฤดูกาล มันเต็มไปด้วยวิตามินและกระตุ้นการทำงานของโปรไบโอติก ทำให้เป็นยาแก้หวัดที่มีประโยชน์เช่นกัน

สถิติอาการริดสีดวงจมูกในประเทศไทย

สถิตินี้มาจากการวิจัย การพยาบาลผู้ป่วยโรคริดสีดวงจมูกที่ได้รับการผ่าตัดริดสีดวงจมูกโดยวิธีส่องกล้องเอ็นโดสโคป ซึ่งได้มีผลการวิจัยว่า โรคริดสีดวงจมูกนั้น มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในอัตราส่วน 2:1 และในอายุ 20-40 ปีขึ้นไป และเกิดจากความผิดปกติในเยื่อบุโพรงจมูก

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา


เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด