โรคไขกระดูเสื่อม หรือ Myelodysplastic Syndromes (MDS) เป็นกลุ่มอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดที่แข็งแรง โดยสามารถเกิดความผิดปกติได้ทั้งในเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดง โรคไขกระดูเสื่อมนั้นถือเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดชนิดหนึ่ง
ภายในส่วนใหญ่ของกระดูกขนาดใหญ่จะมีไขมันเนื้อเยื่อเป็นรูพรุนที่เรียกว่าไขกระดูก นี่คือที่เซลล์ต้นกำเนิดที่จะเปลี่ยนเป็นเซลล์เม็ดเลือดต่าง ๆ เช่น :
- เซลล์เม็ดเลือดแดง (RBC)
- เกล็ดเลือด
- เซลล์เม็ดเลือดขาว (WBC)
อาการของโรค MDS
อาการของโรค MDS ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและชนิดของเซลล์เม็ดเลือดที่ได้รับผลกระทบเซลล์เม็ดเลือดแดง (RBCs)
RBCs ขนส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย หาก RBC ต่ำจะเรียกว่าโรคโลหิตจางซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่ โดยอาการ MDS ในเซลล์เม็ดเลือดแดงมีดังนี้:- อ่อนเพลีย
- ร่างกายอ่อนแอ
- ผิวซีด
- หายใจถี่
- เจ็บหน้าอก
- วิงเวียนศีรษะ
เซลล์เม็ดเลือดขาว (WBCs)
WBCs ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อ เมื่อจำนวน WBC ต่ำ ( นิวโทรพีเนีย ) จะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดการติดเชื้อ บ่อยครั้งจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้ ส่วนที่ติดเชื้อในร่างกายที่พบบ่อย ได้แก่ :- โรคปอดบวม
- โรคทางเดินปัสสาวะ
- ไซนัส
- เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ
เกล็ดเลือด
เกล็ดเลือดช่วยให้ร่างกายจับตัวเป็นลิ่มและมีเลือดออก อาการของเกล็ดเลือดต่ำ ( Thrombocytopenia ) มีดังนี้:- ผิวช้ำง่าย
- เลือดออกไม่หยุด
- มีจุดใต้ผิวหนังเมื่อเลือดออก
ภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการไขกระดูดเสื่อม
- ภาวะโลหิตจางรุนแรง:อ่อนเพลีย ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ สับสน วิงเวียนศีรษะ
- การติดเชื้อรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีกและคุกคามถึงชีวิต
- ภาวะเกล็ดเลือดต่ำอย่างรุนแรง: เลือดออกทางจมูกที่ไม่หยุด เลือดออกตามไรฟัน หากเกิดบาดแผลอาจมีเลือดออกภายในที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
สาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยง
ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดของ MDS ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่ต่อการเป็นโรคไขกระดูกเสื่อมคือ:- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
- การรักษาด้วยเคมีบำบัด
- การรักษาด้วยรังสี บำบัด
- ควันบุหรี่
- ยาฆ่าแมลง
- ปุ๋ย
- เบนซิน
- โลหะหนักเช่นปรอทและตะกั่ว
วิธีการรักษาโรคไขกระดูกเสื่อม
การดูแลแบบประคับประคอง
ใช้เพื่อให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น และช่วยหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนจาก MDS- การถ่ายเลือด : การถ่ายเลือดจะช่วยให้ให้ RBCs หรือเกล็ดเลือดผ่านทางเส้นเลือดในร่างกายเพื่อปรับปรุง RBC หรือเกล็ดเลือดที่ต่ำกว่าเกณฑ์ให้ดีขึ้น
- ยาปฏิชีวนะ :ใช้รักษาหรือลดความเสี่ยงในการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากภาวะ WBC ต่ำ
การรักษาเพื่อชะลอการลุกลามของภาวะไขกระดูกเสื่อม
เคมีบำบัดความเข้มต่ำ
เคมีบำบัดความเข้มค้นต่ำนี้จะช่วยลดโอกาสที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง- Azacytidine
- Decitabine
เคมีบำบัดความเข้มข้นสูง
เป็นเคมีชนิดรุนแรงที่ให้ในปริมาณที่สูง ดังนั้นจึงมีพิษมากกว่า มีโอกาสดีที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ยาเหล่านี้ใช้รักษาโรคไขกระดูกเสื่อมที่พัฒนาเป็นมะเร็งเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน หรือก่อนการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์- Cytarabine
- Tonorubicin
- Idarubicin
ภูมิคุ้มกันบำบัด
หรือที่เรียกว่าการบำบัดทางชีววิทยา ภูมิคุ้มกันบำบัดช่วยให้ระบบการป้องกันของร่างกายต่อสู้กับโรคต่างๆ มีหลายประเภทการรักษาอภัยระยะยาว
การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ (ก่อนหน้านี้เรียกว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก) เป็นทางเลือกเดียวที่สามารถทำให้ภาวะไขกระดูกเสื่อมทุเลาลงได้ในระยะยาว การทำเคมีบำบัดในปริมาณสูงก่อนเพื่อทำลายเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก จากนั้นจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้บริจาคที่มีสุขภาพดีหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น