Morphine คืออะไร
มีการใช้ฝิ่น (Opium) เพื่อบรรเทาความปวดมาอย่างยาวนาน โดยผู้คนเริ่มใช้ฝิ่นราวก่อนคริสตกาล 3,500 ปี ฝิ่นเป็นที่รู้จักในด้านการรักษาอย่างกว้างขวาง ในปีค.ศ.1803 มอร์ฟีนถูกแยกออกจากฝิ่น และถูกทำเป็นยาชนิดแรกที่ทำจากพืช มอร์ฟีนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและใช้กันอย่างแพร่หลายในการบรรเทาปวดทุกชนิด แต่หนึ่งในผลข้างเคียงกำลังถูกคลี่คลายในไม่ช้า : ระหว่างสงครามกลางเมืองอเมริกา ผลข้างเคียงที่ว่ากลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการพึ่งมอร์ฟีนของทหาร มอร์ฟีนและยาแก้ปวดมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง โดยยังไม่เข้าใจและไม่สามารถจัดการ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และมีความเสี่ยงน้อยที่สุดทำไมมอร์ฟีนถึงอยู่ในรายการสั่งยา
มอร์ฟีนถูกใช้บรรเทาความปวดทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม มอร์ฟีนมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง แพทย์จะคำนึงถึงผลดังกล่าวทุกครั้งที่จ่ายใบสั่งยา ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในผู้ที่มัปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ร่างกายมีตัวรับความปวดอยู่ 4 ชนิดตามจุดต่างๆของร่างกาย ได้แก่ สมอง ทางเดินอาหารและไขสันหลัง ความแรงของยาแก้ปวดต้องมีปริมาณเท่าไรถึงจะเชื่อมกับตัวรับในระดับที่เป็นประโยชน์เมื่อเทียบกับผลข้างเคียงที่คุณอาจจะพบ ในสมอง มอร์ฟีนช่วยหลั่งสารสื่อประสาทที่เรียกว่า โดปามีน (Dopamine) มันจะไปปิดกั้นสัญญาณและสร้างความรู้สึกที่น่าพึงพอใจ นี้จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมอร์ฟีนออกฤทธิ์ในการบรรเทาปวดชนิดของมอร์ฟีน
มอร์ฟีนมีทั้งรูปแบบเม็ดและแบบฉีด แพทย์จะเลือกชนิดของมอร์ฟีนตามระดับความปวดและความปลอดภัยของคุณ ปัจจุบันเรามีแนวทางจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในการบริหารยาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับบรรเทาปวดแบบเรื้อรัง โดยแนวทางดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับช่วยลดความเสี่ยงในการใช้ยาเกินขนาดและใช้ยาแก้ปวดในทางที่ผิดมอร์ฟีนแบบรับประทาน
มอร์ฟีนแบบรับประทานทางปากมีการออกฤทธิ์อยู่ 2 แบบ ได้แก่ ออกฤทธิ์ทันทีและออกฤทธิ์ยาวนาน สำหรับความปวดเรื้อรัง แพทย์มักสั่งมอร์ฟีนแบบออกฤทธิ์ยาวนานให้ แพทย์จะสั่งยาในรูปแบบและขนาดยาตามปัจจัยต่างๆ เช่น:- ประวัติในการใช้ยาแก้ปวดของคุณ
- ระดับและชนิดของความปวด
- อายุ
- ภาวะสุขภาพอื่นๆ เช่น การทำงานของและปัญหาของไต, หัวใจและปอด ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ภาวะความดันโลหิตต่ำ การชัก ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เป็นต้น
- ประวัติการใช้ยาอื่นๆของคุณ
- ปัจจัยอื่นๆ เช่น ความไวต่อมอร์ฟีน
มอร์ฟีนแบบฉีด
มอร์ฟีนแบบฉีดมีอยู่ในรูปของเหลวที่สามารถ:- ฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนัง (Subcutaneous)
- ฉีดเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อ (Intramuscular)
- ฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำ (Intravenous)
ผลข้างเคียงระยะสั้น
ผลข้างเคียงที่คุณอาจเคยเจอเมื่อใช้ยาแก้ปวดเช่นมอร์ฟีนอาจมีหลายปัจจัย เช่น ขนาดยา, ความแรงของยา และระยะเวลาที่คุณใช้ยาว่ายาวนานแค่ไหน เมื่อคุณเริ่มใช้ยามอร์ฟีน คุณอาจเคยเจอกับผลข้างเคียงจากยา หากคุณมีอาการผิดปกติหรือมีอาการใหม่ๆเกิดขึ้น เพื่อความมั่นใจจดบันทึกและไปปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงอาการดังกล่าว ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้รจากการใช้มอร์ฟีนในระยะสั้น- คลื่นไส้และอาเจียน
- ท้องผูก
- คัน
- เบื่ออาหาร
- อุณหภูมิร่างกายต่ำ
- ปัสสาวะลำบาก
- หายใจช้าลง
- ง่วงนอน
- อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนไป
- อ่อนเพลีย
- วิงเวียนศีรษะเวลายืนขึ้น
- สับสน
- วิตกกังวล
- การตื่นตัวทางเพศลดลง
โทษของมอร์ฟีนระยะยาว
ในการปวดเรื้อรัง หรืออาการปวดที่ไม่ได้มาจากโรคมะเร็ง มักไม่เลือกใช้มอร์ฟีนเป็นยาแก้ปวดตัวแรก เนื่องจากความเสี่ยงในการพึ่งยาและการใช้ยาเกินขนาดเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ มีรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) พบว่า 1 ใน 4 ของผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแก้ปวดเป็นเวลานานสามารถเกิดความผิดปกติจากการใช้ยาแก้ปวดได้ การใช้มอร์ฟีนเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงมากมาย อาทิ รบกวนระบบทางเดินอาหาร, ฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงที่เป็นไปได้จากการใช้มอร์ฟีนในระยะยาว ปัญหาที่เกิดกับระบบทางเดินอาหาร: ปัญหาที่เกิดกับฮอร์โมน:- ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
- มีปัญหารอบเดือน
- กระดูกพรุน และเสี่ยงต่อการหัก
- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
การดื้อยา
เมื่อคุณใช้มอร์ฟีนเป็นเวลานาน คุณอาจต้องการขนาดยาที่สูงขึ้นเรื่อยๆหรือได้ยาถี่ข้ึนเพื่อที่จะบรรเทาอาการปวด ข้อควรระวัง หากร่างกายดื่อต่อมอร์ฟีน มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะดื่อต่อยาแก้ปวดทุกตัว แพทย์ของคุณจะเปลี่ยนยาแก้ปวดให้กับคุณ โดยจะคำนวณขนาดยาให้ใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ยาที่เกินขนาด อย่าเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อนการพึ่งยาทางกายภาพ
หากคุณใช้ยามอร์ฟีน ร่างกายของคุณจะเคยชินกับยา คุณอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติโดยไม่มีมอร์ฟีนความผิดปกติจากการใช้ยาแก้ปวด
ยาแก้ผวด เช่น มอร์ฟีน สามารถทำให้รู้สึกแข็งแกร่ง รู้สึกดี บางรายใช้มอร์ฟีนไปในทางที่ผิด เช่น ใช้ยาเกินขนาดกว่าที่แพทย์สั่ง พวกเขาอาจเริ่มใช้ยาอย่างจริงจัง จนมีผลกระทบต่อสุขภาพ, หน้าที่การงาน หรือความสัมพันธ์ เหล่านี้คือความผิดปกติจากการใช้ยาแก้ปวด หรือ การติดยา ข้อควรระวัง แอลกอฮอร์, กัญชา (marijuana) หรือยากดประสาทส่วนกลาง (central nervous system depressant drugs) ตัวอื่นๆ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการใช้ยาเกินขนาดและผลข้างเคียงอื่นๆ อย่าดื่มแอลกอฮอร์หรือใช้ยาอื่นๆขณะใช้ยามอร์ฟีน ควรนำยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่คุณใช้ทั้งหมด รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โยไม่ต้องมีใบสั่งยาไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่คุณจะเริ่มใช้ยาตามใบสั่งแพยท์อาการถอนยา
คุณไม่ควรหยุดยามอร์ฟีนอย่างกระทันหันได้ หากคุณใช้มันมาซักระยะหนึ่ง อาการถอนยาเป็นผลที่ค่อนข้างสำคัญ อาการถอนยามอร์ฟีน- ก้าวร้าว
- น้ำมูกไหล
- เหงื่อออก
- อยากยา
- มีความคิดฆ่าตัวตาย
- นอนไม่หลับ
- ซึมเศร้า
- ผุดลุกผุดนั่ง กระวนกระวาย
- ปวดเมื่อยตามตัว
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ท้องเสีย
- ตะคริว
- อารมณ์แปรปรวน
- ไม่มีสมาธิ
ควรไปพบแพทย์เมื่อใด
หากแพทย์ออกใบสั่งยามอร์ฟีนให้คุณ เพื่อความแน่ใจควรถามแพทย์หาก:- ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นรบกวนคุณมากเกินกว่าที่จะใช้ยาต่อไป
- อาการปวดของคุณไม่ทุเลาลง
การรักษาผลข้างเคียงจากมอร์ฟีน
หนึ่งในอาการของผลข้างเคียงที่น่ารำคาญจากการใช้มอร์ฟีนและยาแก้ปวดตัวอื่นๆ คือ อาการท้องผูกจากยาแก้ปวด (Opioid-induced constipation) มีงานวิจัยคาดการณ์ว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยขอลดขนาดยาหรือหยุดยาแก้ปวดทั้งหมดเนื่องจากผลข้างเคียงดังกล่าว นี่เป็นหนทางเพียงบางส่วนในการจัดการกับอาการท้องผูกจากยาแก้ปวด:- รับประทานใยอาการให้มากขึ้น เช่นในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- เพิ่มใยอาหารลงไปในมื้ออาหาร
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น
- ใช้ยาระบายเมื่อจำเป็น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วิธีที่ช่วยแก้ปัญหา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
- ใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ที่ปิดกั้นตัวรับยาแก้ปวดในทางเดินอาหาร เช่น:
- Methylnaltrexone (Relistor)
- Lubiprostone (Amitiza)
- Naloxegol (Movantik)
- Naldemedine (Symproic)
- อย่ายืนขึ้นทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเวียนศีรษะ หรือหน้ามืด
- หลีกเลี่ยงการขับรถหรือการทำงานที่ต้องใช้สมาธิจดจ่อ
การใช้ยาเกินขนาด
เป็นความเสี่ยงจากการใช้มอร์ฟีน รวมถึงการใช้ยาเกินขนาด ในบางรายใช้ยาเกินขนาดจนถึงแก่ชีวิตได้ ข้อควรระวัง โทร 1669 ทันทีหากคุณสงสัยว่าใช้ยามอร์ฟีนเกินขนาด สัญญาณเตือนของการใช้ยามอร์ฟีนเกินขนาดได้แก่ หายใจช้าลง อ่อนเพลียรุนแรง และหมดสติ ให้คุณรออยู่กับผู้ป่วยจนกว่าจะมีคนมาช่วย พยายามปลุกผู้ป่วยให้ตื่นอยู่ตลอด คนที่มีความเสี่ยงสูงในการใช้ยาเกินขนาด หากเขา- มีสูงอายุ
- มีไตหรือตับที่ทำงานได้น้อยลง
- เป็นโรคถุงลมโป่งพอง
- มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ
- ใช้ยาอื่นที่เพิ่มผลของมอร์ฟีน เช่น เบนโซไดอะซีปีน (ฺBenzodiazepines) หรือที่มีลักษณะเหมือน อัลฟ่าโซแลม (Alprazolam : Xanax)
การใช้ Narcan สำหรับแก้ไขภาวะการใช้ยาเกินขนาด
ในบางราย การใช้มอร์ฟีนเกินขนาดสามารถแก้ไขได้ด้วยยาที่เรียกว่า Narcan หรือ Evzio ซึ่งเป็นชื่อทางการค้าของ Naloxone มันสามารถปิดกั้นตัวรับยาแก้ปวดภายในสมองได้ หากคุณเคยใช้มอร์ฟีนมาเป็นเวลานาน การให้ Naloxone อาจเป็นเหตุให้เกิดอาการการถอนยาทันที แพทย์ต้องจัดการกับอาการเหล่านี้ หากแต่ละคนใช้ยาเกินขนาดขณะที่ใช้มอร์ฟีนชนิดออกฤทธิ์ยาว พวกเขาอาจต้องใช้ Naloxone ในหลายขนาด อาจใช้เวลาเป็นวันในการล้างมอร์ฟีนให้หมดไปจากร่างกาย ภายหลังจากที่แก้ไขภาวะยาเกินขนาด ผู้ป่วยอาจยังมีภาวะแทรกซ้อนที่น่าเป็นห่วง เมื่อพวกเขาได้รับยา Naloxone พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการติดตามทางการแพทย์ไประยะหนึ่งใครที่ควรหลีกเลี่ยงมอร์ฟีน
มอร์ฟีนเป็นยาแก้ปวดกลุ่มฝิ่นที่มีฤทธิ์รุนแรงซึ่งใช้สำหรับลดความเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีอาการปวดรุนแรงหรือเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม มีบุคคลบางกลุ่มที่ไม่ควรรับประทานมอร์ฟีนหรือควรใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง จำเป็นต้องปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้มอร์ฟีน ต่อไปนี้เป็นกลุ่มคนบางกลุ่มที่อาจได้รับคำแนะนำไม่ให้รับประทานมอร์ฟีน:- ปฏิกิริยาการแพ้:
-
-
- บุคคลที่ทราบว่ามีอาการแพ้หรือแพ้มอร์ฟีนหรือฝิ่นอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
-
- ปัญหาระบบทางเดินหายใจ:
-
-
- ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือโรคหอบหืดอย่างรุนแรง ยานี้สามารถระงับระบบทางเดินหายใจได้ และในกรณีเหล่านี้จำเป็นต้องมีความระมัดระวัง
-
- โรคหอบหืดเฉียบพลันหรือรุนแรง:
-
-
- มอร์ฟีนอาจทำให้หลอดลมตีบ ซึ่งอาจทำให้โรคหอบหืดเฉียบพลันหรือรุนแรงแย่ลง ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดควรใช้มอร์ฟีนด้วยความระมัดระวังและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
-
- การบาดเจ็บที่ศีรษะและความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น:
-
-
- มอร์ฟีนสามารถเพิ่มความดันในกะโหลกศีรษะได้ และโดยทั่วไปจะหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในบุคคลที่มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ มีความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น หรือสภาวะอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการทำงานของสมอง
-
- การทำงานของตับหรือไตบกพร่อง:
-
-
- บุคคลที่มีความบกพร่องอย่างมากในการทำงานของตับหรือไตอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือใช้กลยุทธ์การจัดการความเจ็บปวดแบบอื่น เนื่องจากมอร์ฟีนจะถูกเผาผลาญในตับและขับออกทางไต
-
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร:
-
-
- สตรีมีครรภ์ควรใช้มอร์ฟีนเฉพาะเมื่อผลประโยชน์ที่ได้รับมีมากกว่าความเสี่ยง และอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
- มอร์ฟีนถูกขับออกมาในน้ำนมแม่ ดังนั้นสตรีให้นมบุตรควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพก่อนใช้
-
- ประวัติการใช้สารเสพติด:
-
-
- บุคคลที่มีประวัติการใช้สารเสพติดอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะติดมอร์ฟีน และควรใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเข้มงวด
-
- ภาวะซึมเศร้า:
-
-
- โดยทั่วไปการใช้มอร์ฟีนมีข้อห้ามในบุคคลที่ประสบภาวะซึมเศร้าของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น จากแอลกอฮอล์หรือยาระงับประสาทอื่นๆ
-
- ผู้สูงอายุ:
-
- ผู้สูงอายุอาจมีความไวต่อผลข้างเคียงของมอร์ฟีนมากกว่า และอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยา
ส่วนส่งท้าย
มอร์ฟีนเป็นยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปวดทั้งแบบปานกลางไปจนถึงรุนแรง มีทั้งแบบออกฤทธิ์ช่วงสั้นๆและออกฤทธิ์นาน แพทย์จะพูดคุยถึงความเสี่ยงและประโยชน์จากการใช้ยามอร์ฟีนกับคุณ ควรพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้มอร์ฟีน เช่น การใช้ยาเกินขนาด ควรมีสมาชิกในบ้านหรือเพื่อนมาเรียนรู้สัญญาณเตือนของการใช้ยาเกินขนาดและวิธีแก้ปัญหารวมกัน อีกทั้งเป็นแนวคิดที่ดีในการมียา Naloxone ไว้ในรายที่ฉุกเฉินนี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a682133.html
- https://www.webmd.com/drugs/2/drug-3891/morphine-injection/details
- https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Morphine
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น