การแท้งบุตร (Miscarriage) คือการแท้งลูกตามธรรมชาติ คือการสูญเสียยทารกในครรภ์ที่มีอายุน้อยกว่า 20 สัปดาห์ โดยมักจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกหรือสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์
การแท้งบุตรอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุทางการแพทย์ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่การเข้าใจถึงสัญญาณของอาการเสี่ยงต่างๆและทรายถึงสาเหตุที่แน่ชัด จะทำให้คุณสามารถเข้าใจและรับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว
สัญญาณของอาการแท้ง
อาการจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการตั้งครรภ์ และสามารถเกิดขึ้นได้อยางรวดเร็ว ในบางครั้งก็เกิดขึ้นก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ นี่คือสัญญาณของอาการแท้ง :- มีหยดเลือด
- มีเลือดออกจากช่องคลอด
- มีของเหลวหรือเนื้อเยื่อออกมากจากช่องคลอด
- ปวดท้องอย่างรุนแรงหรือมีอาการเกร็ง
- ปวดหลังเล็กน้อยถึงรุนแรง
สาเหตุการแท้ง
แม้ว่าการกระทำบางอย่างจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการแท้งบุตร แต่บางครั้งก็เกิดจากสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าหากว่าคุณมีปัญหาในการตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการแท้ง ขณะที่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะทำหน้าที่ส่งอาหารไปยังทารกที่กำลังเจริญเติบโต โดยส่วนมาก การแท้งจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกเพราะทารกมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ และอาจรวมไปถึงปัจจัยอื่นๆด้วยความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือฮอร์โมน
โครโมโซมจะมีสิ่งที่เรียกว่ายีน ในตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโต จะมีโครโมโซมจากแม่หนึ่งชุดและจากพ่ออีกหนึ่งชุด ตัวอย่างความผิดปกติทางพันธุกรรม :- กาาตายในมดลูก : ตัวอ่อนมีการฝังตัวแต่ไม่มีการเจริญเติบโต โดยเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะรู้ถึงการตั้งครรภ์
- ไข่ฝ่อ : ไม่มีตัวอ่อน
- ครรภ์ไข่ปลาอุก : ตัวอ่อนไม่เจริญเติบโตเพราะโครโมโซทที่ได้จากพ่อไม่มีการพัฒนา
- ครรภ์ไข่ปลาอุกแบบมีทารก : ทารกยังมีโครโมโซมของแม่ แต่ได้รับโครโมโซมจากพ่อสองชุด
ข้อปฏิบัติพื้นฐานและหลักการใช้ชีวิตประจำวัน
สุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจส่งผลต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ การออกกำลังกานและการมีเพศสัมพันธ์ไม่ทำให้เกิดการแท้ง รวมไปถึงการทำงานทั่วไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์เช่นกัน ยกเว้นว่าได้รับสารเคมีหรือรังสีที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ พฤติกรรมที่อาจรบกวนพัฒนาการของทารกในครรภ์มีดังนี้ :- การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือลดน้ำหนักจนanorexia-0303/”>anorexia-0303/”>anorexia-0303/”>anorexia-0303/”>ขาดสารอาหาร
- การดื่มแอลกอฮอล์
- มารดามีอายุสูง
- เป็นโรคไทรอยด์ที่ไม่ได้รับการรักษา
- ปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน
- โรคเบาหวานเรื้อรัง
- การติดเชื้อ
- ได้รับบาดเจ็บ
- โรคอ้วน
- ปัญหาเกี่ยวกับปากมดลูก
- มีความดันโลหิตสูงมาก
- อาหารเป็นพิษ
- การใช้ยาบางชนิด
วิธีป้องกัน
ไม่มีวิธีใดที่สามารถป้องกันการแท้งได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามมีขั้นตอนที่สามารถช่วยให้คุณรักษาการตั้งครรภ์ไว้ให้แข็งแรงได้ ดังนี้ :- ฝากครรภ์และตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติดหรือสูบบุหรี่ขณะที่ตั้งครรภ์
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้งก่อนและขณะตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ หมั่นล้างมือและอยู่ให้ห่างจากผู้ที่มีอาการไม่สบาย
- จำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่ให้มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน
- ทาวิตามินบำรุงครรภ์เพื่อให้ทารกในครรภ์สามารถเจริญเติบโตได้ดีได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานผักและผลไม้เยอะๆ
วิธีการรักษา
การรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของการแท้งบุตร หากไม่มีเนื้อเยื่อเหลืออยู่ในร่างกาย (การแท้งแบบสมบูรณ์) ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษา แต่ถ้าหากว่ายังมีเนื้อเยื่อบางส่วนเหลืออยู่ในร่างกาย วิธีการรักษาจะแตกต่างกันออกไปดังนี้ :- บริหารร่างกายเพื่อให้เนื้อเยื่อหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
- ใช้วิธีทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการรับประทานยาเพื่อให้เนื้อเยื่อที่อยู่ในร่างกายหลุดออกมา
- ใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อออก
การฟื้นฟูร่างกาย
การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการตั้งครรภ์ก่อนแท้ง หลังการแท้งบัตรคุณอาจจะมีอาการต่างๆเช่น มีความไม่สบายในช่องท้อง ฮอร์โมนเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะยังคงอยู่ในเลือดอีก 2-3 เดือนหลังจากการแท่ง คุณจะมีประจำเดือนตามปกติอีกครั้งในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และการใช้ผ้าอนามัยแบบอดอย่างน้อยสองสัปดาห์หลังการแท้งการดูแลหลังการแท้งบุตร
หลังการแท้งบุตร คุณอาจมีอาการอารมณ์แปรปรวนซึ่งเป็นเรื่องปกติ รวมไปถึงอาจมีอาการนอนไม่หลับ ไม่มีแรง และร้องไห้บ่อยอีกด้วย คุณควรใช้เวลาเสียใจกับการสูญเสียของคุณ เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ โดยในบางครั้งอาจต้องการความช่วยเหลือดังนี้ :- หากคุณประสบปัญหาว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัวไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณ ควรคุยกับเขาอย่างจริงจังว่าคุณกำลังรู้สึกแบบไหน
- เก็บของใช้ต่างๆไว้เป็นที่ระลึก จนกว่าคุณจะพร้อมกลับมาดูอีกครั้ง
- สร้างสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้ระลึกถึงได้ เช่นบางคนปลูกต้นไม้ หรือสวมเครื่องประดับชิ้นพิเศษ
- ขอคำปรึกษาจากนักบำบัดเพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความหดหู่ สูญเสียหรือรู้สึกผิดได้
- เข้าร่วมกลุ่มที่สนับสนุนหรือมีการพูดคุยกับผู้ที่เคยมีประสบการณ์เดียวกัน
10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแท้ง
- การแท้งบุตรหมายถึงการสูญเสียการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นเองในช่วง 24 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ การแท้งก่อนกำหนดหมายถึงการสูญเสียการตั้งครรภ์ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสแรก) และเกิดขึ้นใน 15 – 20% ของการตั้งครรภ์ การแท้งบุตรล่าช้าเกิดขึ้นในช่วง 12 – 24 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 2) และเกิดขึ้นใน 1 – 2% ของการตั้งครรภ์ การเสียชีวิตของทารกในครรภ์ตั้งแต่ สัปดาห์ ที่ 25 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไปถือเป็นการตายคลอด
- การตั้งครรภ์ทางเคมีคือการแท้งในระยะแรกซึ่งผลการทดสอบการตั้งครรภ์เป็นบวก แต่การตั้งครรภ์ไม่คืบหน้าไปถึงจุดที่เห็นในอัลตราซาวนด์ หากการแท้งบุตรเกิดขึ้นหลังจากที่ตรวจพบการตั้งครรภ์ในอัลตราซาวนด์ จะเรียกว่าการแท้งบุตรแบบ “ทางการแพทย์”
- มีผู้หญิงเพียง 0.5 – 1% เท่านั้นที่แท้งติดต่อกันสามครั้งหรือมากกว่า ภาวะนี้เรียกว่าการแท้งซ้ำหรือการสูญเสียการตั้งครรภ์ซ้ำ (RPL)
- อาการของการแท้งบุตร ได้แก่เลือดออก และความเจ็บปวด ผู้ป่วยบางรายจะไม่มีอาการใด ๆ และการวินิจฉัยการสูญเสียการตั้งครรภ์ทำได้โดยอัลตราซาวนด์เท่านั้น ในด้านอารมณ์ การแท้งบุตรอาจเป็นเรื่องร้ายแรงได้ ความรู้สึกสูญเสียและความเศร้าโศกเป็นเรื่องปกติ
- สาเหตุของการแท้งบุตรมักไม่ทราบแน่ชัด เกือบ 50% ของการแท้งในระยะแรกอาจเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมในทารกในครรภ์ สิ่งเหล่านี้รวมถึงตัวเลข (มีโครโมโซมเกินมา เช่น Trisomy 21 หรือดาวน์ซินโดรม) หรือสูญเสียโครโมโซม (เช่น 45 XO, Turner syndrome) หรือมีโครโมโซมเกินมา (Triploidy) หรือความผิดปกติทางโครงสร้าง (เช่น การย้ายตำแหน่ง )
- อายุของทั้งพ่อและแม่มีส่วนสำคัญในการแท้งบุตร อัตราการแท้งบุตรจะเพิ่มขึ้นหากพ่อแม่อายุ 35 ปีขึ้นไป และจะสูงขึ้น 50% หากแม่อายุ 42 ปี
- ปัจจัยต่างๆ เช่นชาติพันธุ์ สภาวะทางจิตใจของมารดา น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ต่ำมากหรือสูงมาก ความรู้สึกเครียด การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ก็มีส่วนสัมพันธ์กับอัตราการแท้งที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ .
- สตรีที่ตั้งครรภ์ครั้งแรกส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรมีความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์ครั้งที่สองซึ่งทำให้เกิดการแท้งบุตรเมื่อเทียบกับสตรีที่คลอดมีชีพ
- เมื่อเร็ว ๆ นี้ การติดเชื้อได้เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของการแท้งบุตร 15% ของการแท้งก่อนกำหนดและ 66% ของการแท้งในช่วงปลายมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ในการศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่โดย Oxford Journals พบว่า 78% ของตัวอย่างเนื้อเยื่อ 101 ตัวอย่างจากการแท้งบุตรติดเชื้อแบคทีเรีย (chorioamnionitis) ในขณะที่ตัวอย่างควบคุมทั้งหมดจากการทำแท้งทางการแพทย์ไม่ติดเชื้อ การติดเชื้อที่ทำให้เกิดการแท้งบุตร ได้แก่ แบคทีเรีย (Bacterial vaginosis (mycoplasma hominis and ureaplasma urealyticum), Brucellosis, Syphilis); ไวรัส (Cytomegalovirus, ไข้เลือดออก (Flavivirus), HIV, Rubella) และโปรโตซัว (มาลาเรีย) ภาพจาก Oxford Journals
- การแท้งบุตรครั้งแรกมักเกิดจาก “โชคร้าย” และไม่มีการทดสอบเพิ่มเติม ในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่จะทำการทดสอบหลังจากการแท้งบุตรครั้งที่สองติดต่อกัน
นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://www.plannedparenthood.org/learn/pregnancy/miscarriage
- https://www.nhs.uk/conditions/miscarriage/
- https://www.health.harvard.edu/a_to_z/miscarriage-a-to-z
- https://www.webmd.com/baby/guide/pregnancy-miscarriage#1
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น