แท้งบุตร (Miscarriage) : อาการ สาเหตุ วิธีป้องกัน การรักษา

ผู้เขียน Dr. Wikanda Rattanaphan
0
การแท้งบุตร
การแท้งบุตร (Miscarriage) คือการแท้งลูกตามธรรมชาติ คือการสูญเสียยทารกในครรภ์ที่มีอายุน้อยกว่า 20 สัปดาห์ โดยมักจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกหรือสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ การแท้งบุตรอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุทางการแพทย์ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่การเข้าใจถึงสัญญาณของอาการเสี่ยงต่างๆและทรายถึงสาเหตุที่แน่ชัด จะทำให้คุณสามารถเข้าใจและรับการรักษาได้อย่างรวดเร็ว Miscarriage

สัญญาณของอาการแท้ง

อาการจะแตกต่างกันไปตามระยะเวลาของการตั้งครรภ์ และสามารถเกิดขึ้นได้อยางรวดเร็ว ในบางครั้งก็เกิดขึ้นก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ นี่คือสัญญาณของอาการแท้ง :
  • มีหยดเลือด
  • มีเลือดออกจากช่องคลอด
  • มีของเหลวหรือเนื้อเยื่อออกมากจากช่องคลอด
  • ปวดท้องอย่างรุนแรงหรือมีอาการเกร็ง
  • ปวดหลังเล็กน้อยถึงรุนแรง  
ติดต่อแพทย์ทันทีที่พบอาการเหล่านี้ในขณะที่ตั้งครรภ์ แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้ยืนยันว่าคุณแท้งเสมอไป แต่จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์เพื่อตรวจให้แน่ใจ

สาเหตุการแท้ง

แม้ว่าการกระทำบางอย่างจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการแท้งบุตร แต่บางครั้งก็เกิดจากสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าหากว่าคุณมีปัญหาในการตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการแท้ง ขณะที่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนจะทำหน้าที่ส่งอาหารไปยังทารกที่กำลังเจริญเติบโต โดยส่วนมาก การแท้งจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกเพราะทารกมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ และอาจรวมไปถึงปัจจัยอื่นๆด้วย 

ความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือฮอร์โมน

โครโมโซมจะมีสิ่งที่เรียกว่ายีน ในตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโต จะมีโครโมโซมจากแม่หนึ่งชุดและจากพ่ออีกหนึ่งชุด ตัวอย่างความผิดปกติทางพันธุกรรม :
  • กาาตายในมดลูก : ตัวอ่อนมีการฝังตัวแต่ไม่มีการเจริญเติบโต โดยเกิดขึ้นก่อนที่คุณจะรู้ถึงการตั้งครรภ์
  • ไข่ฝ่อ : ไม่มีตัวอ่อน
  • ครรภ์ไข่ปลาอุก : ตัวอ่อนไม่เจริญเติบโตเพราะโครโมโซทที่ได้จากพ่อไม่มีการพัฒนา
  • ครรภ์ไข่ปลาอุกแบบมีทารก : ทารกยังมีโครโมโซมของแม่ แต่ได้รับโครโมโซมจากพ่อสองชุด
ข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้ ในขณะที่เซลล์ของตัวอ่อนกำลังแบ่งตัวหรือเกิดความเสียหายของไข่หรืออสุจิ ทำให้นำไปสู่การแท้งบุตรได้

ข้อปฏิบัติพื้นฐานและหลักการใช้ชีวิตประจำวัน

สุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจส่งผลต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ การออกกำลังกานและการมีเพศสัมพันธ์ไม่ทำให้เกิดการแท้ง รวมไปถึงการทำงานทั่วไปก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์เช่นกัน ยกเว้นว่าได้รับสารเคมีหรือรังสีที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ พฤติกรรมที่อาจรบกวนพัฒนาการของทารกในครรภ์มีดังนี้ : ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อครรภ์ ถ้าหากว่ามีเลือกออกเป็นจำนวนมากหรือคิดว่ากำลังมีอาการแท้ง ควรรีบติดต่อแพทย์โดยด่วนเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเพียงประจำเดือนหรือเป็นการแท้งบุตร การที่มีอายุมาก ทำให้มีความเสี่ยงในการแท้งได้ง่าย ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี จะมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิงที่มีอายุน้อยกวว่า และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในทุกๆปี

วิธีป้องกัน

ไม่มีวิธีใดที่สามารถป้องกันการแท้งได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามมีขั้นตอนที่สามารถช่วยให้คุณรักษาการตั้งครรภ์ไว้ให้แข็งแรงได้ ดังนี้ :
  • ฝากครรภ์และตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ 
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติดหรือสูบบุหรี่ขณะที่ตั้งครรภ์
  • รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั้งก่อนและขณะตั้งครรภ์
  • หลีกเลี่ยงการติดเชื้อ หมั่นล้างมือและอยู่ให้ห่างจากผู้ที่มีอาการไม่สบาย
  • จำกัดปริมาณคาเฟอีนไม่ให้มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน
  • ทาวิตามินบำรุงครรภ์เพื่อให้ทารกในครรภ์สามารถเจริญเติบโตได้ดีได้รับสารอาหารที่เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานผักและผลไม้เยอะๆ
จำไว้ว่าการแท้งไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่สามารถตั้งครรภ์อีกได้ในอนาคต โดยส่วนมากผู้ที่เคยมีการแท้งสามารถตั้งครรภ์ที่แข็วแรงได้ในภายหลัง

วิธีการรักษา

การรักษาจะขึ้นอยู่กับประเภทของการแท้งบุตร หากไม่มีเนื้อเยื่อเหลืออยู่ในร่างกาย (การแท้งแบบสมบูรณ์) ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษา แต่ถ้าหากว่ายังมีเนื้อเยื่อบางส่วนเหลืออยู่ในร่างกาย วิธีการรักษาจะแตกต่างกันออกไปดังนี้ :
  • บริหารร่างกายเพื่อให้เนื้อเยื่อหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
  • ใช้วิธีทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการรับประทานยาเพื่อให้เนื้อเยื่อที่อยู่ในร่างกายหลุดออกมา
  • ใช้วิธีการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อออก
โดยที่วิธีการเหล่านี้จะมีภาวะแทรกซ้อนต่ำ คุณสามารถปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมกัยคุณมากที่สุด

การฟื้นฟูร่างกาย

การฟื้นตัวของร่างกายขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการตั้งครรภ์ก่อนแท้ง หลังการแท้งบัตรคุณอาจจะมีอาการต่างๆเช่น มีความไม่สบายในช่องท้อง ฮอร์โมนเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะยังคงอยู่ในเลือดอีก 2-3 เดือนหลังจากการแท่ง คุณจะมีประจำเดือนตามปกติอีกครั้งในระยะเวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์และการใช้ผ้าอนามัยแบบอดอย่างน้อยสองสัปดาห์หลังการแท้ง

การดูแลหลังการแท้งบุตร

หลังการแท้งบุตร คุณอาจมีอาการอารมณ์แปรปรวนซึ่งเป็นเรื่องปกติ รวมไปถึงอาจมีอาการนอนไม่หลับ ไม่มีแรง และร้องไห้บ่อยอีกด้วย คุณควรใช้เวลาเสียใจกับการสูญเสียของคุณ เพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ โดยในบางครั้งอาจต้องการความช่วยเหลือดังนี้ :
  • หากคุณประสบปัญหาว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัวไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณ ควรคุยกับเขาอย่างจริงจังว่าคุณกำลังรู้สึกแบบไหน
  • เก็บของใช้ต่างๆไว้เป็นที่ระลึก จนกว่าคุณจะพร้อมกลับมาดูอีกครั้ง
  • สร้างสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้ระลึกถึงได้ เช่นบางคนปลูกต้นไม้ หรือสวมเครื่องประดับชิ้นพิเศษ
  • ขอคำปรึกษาจากนักบำบัดเพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความหดหู่ สูญเสียหรือรู้สึกผิดได้
  • เข้าร่วมกลุ่มที่สนับสนุนหรือมีการพูดคุยกับผู้ที่เคยมีประสบการณ์เดียวกัน

10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแท้ง

  1. การแท้งบุตรหมายถึงการสูญเสียการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นเองในช่วง 24 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ การแท้งก่อนกำหนดหมายถึงการสูญเสียการตั้งครรภ์ในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสแรก) และเกิดขึ้นใน 15 – 20% ของการตั้งครรภ์ การแท้งบุตรล่าช้าเกิดขึ้นในช่วง 12 – 24 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 2) และเกิดขึ้นใน 1 – 2% ของการตั้งครรภ์ การเสียชีวิตของทารกในครรภ์ตั้งแต่ สัปดาห์ ที่ 25 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไปถือเป็นการตายคลอด
  2. การตั้งครรภ์ทางเคมีคือการแท้งในระยะแรกซึ่งผลการทดสอบการตั้งครรภ์เป็นบวก แต่การตั้งครรภ์ไม่คืบหน้าไปถึงจุดที่เห็นในอัลตราซาวนด์ หากการแท้งบุตรเกิดขึ้นหลังจากที่ตรวจพบการตั้งครรภ์ในอัลตราซาวนด์ จะเรียกว่าการแท้งบุตรแบบ “ทางการแพทย์”
  3. มีผู้หญิงเพียง 0.5 – 1% เท่านั้นที่แท้งติดต่อกันสามครั้งหรือมากกว่า ภาวะนี้เรียกว่าการแท้งซ้ำหรือการสูญเสียการตั้งครรภ์ซ้ำ (RPL)
  4. อาการของการแท้งบุตร ได้แก่เลือดออก  และความเจ็บปวด ผู้ป่วยบางรายจะไม่มีอาการใด ๆ และการวินิจฉัยการสูญเสียการตั้งครรภ์ทำได้โดยอัลตราซาวนด์เท่านั้น  ในด้านอารมณ์ การแท้งบุตรอาจเป็นเรื่องร้ายแรงได้ ความรู้สึกสูญเสียและความเศร้าโศกเป็นเรื่องปกติ
  5. สาเหตุของการแท้งบุตรมักไม่ทราบแน่ชัด เกือบ 50% ของการแท้งในระยะแรกอาจเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมในทารกในครรภ์ สิ่งเหล่านี้รวมถึงตัวเลข (มีโครโมโซมเกินมา เช่น Trisomy 21 หรือดาวน์ซินโดรม) หรือสูญเสียโครโมโซม (เช่น 45 XO, Turner syndrome) หรือมีโครโมโซมเกินมา (Triploidy) หรือความผิดปกติทางโครงสร้าง (เช่น การย้ายตำแหน่ง )
  6. อายุของทั้งพ่อและแม่มีส่วนสำคัญในการแท้งบุตร อัตราการแท้งบุตรจะเพิ่มขึ้นหากพ่อแม่อายุ 35 ปีขึ้นไป และจะสูงขึ้น 50% หากแม่อายุ 42 ปี
  7. ปัจจัยต่างๆ เช่นชาติพันธุ์ สภาวะทางจิตใจของมารดา น้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ต่ำมากหรือสูงมาก ความรู้สึกเครียด การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ก็มีส่วนสัมพันธ์กับอัตราการแท้งที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ .
  8. สตรีที่ตั้งครรภ์ครั้งแรกส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรมีความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์ครั้งที่สองซึ่งทำให้เกิดการแท้งบุตรเมื่อเทียบกับสตรีที่คลอดมีชีพ
  9. เมื่อเร็ว ๆ นี้ การติดเชื้อได้เริ่มได้รับการยอมรับว่าเป็นสาเหตุของการแท้งบุตร 15% ของการแท้งก่อนกำหนดและ 66% ของการแท้งในช่วงปลายมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ในการศึกษาล่าสุดที่เผยแพร่โดย Oxford Journals พบว่า 78% ของตัวอย่างเนื้อเยื่อ 101 ตัวอย่างจากการแท้งบุตรติดเชื้อแบคทีเรีย (chorioamnionitis) ในขณะที่ตัวอย่างควบคุมทั้งหมดจากการทำแท้งทางการแพทย์ไม่ติดเชื้อ การติดเชื้อที่ทำให้เกิดการแท้งบุตร ได้แก่ แบคทีเรีย (Bacterial vaginosis (mycoplasma hominis and ureaplasma urealyticum), Brucellosis, Syphilis); ไวรัส (Cytomegalovirus, ไข้เลือดออก (Flavivirus), HIV, Rubella) และโปรโตซัว (มาลาเรีย) ภาพจาก Oxford Journals
  10. การแท้งบุตรครั้งแรกมักเกิดจาก “โชคร้าย” และไม่มีการทดสอบเพิ่มเติม ในสหรัฐอเมริกา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ส่วนใหญ่จะทำการทดสอบหลังจากการแท้งบุตรครั้งที่สองติดต่อกัน

นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา

  • https://www.plannedparenthood.org/learn/pregnancy/miscarriage
  • https://www.nhs.uk/conditions/miscarriage/
  • https://www.health.harvard.edu/a_to_z/miscarriage-a-to-z
  • https://www.webmd.com/baby/guide/pregnancy-miscarriage#1

เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team

แจ้งให้ทราบ
guest
0 ความคิดเห็น
การตอบรับแบบอินไลน์
ดูความคิดเห็นทั้งหมด