การเตรียมตัวก่อนการวิ่งมาราธอน
คุณเตรียมตัวสำหรับการวิ่งมาราธอนใช่มั้ย ใช้เวลาหลายเดือนสำหรับการฝึกฝน และเตรียมตัวก่อนวิ่ง ในช่วงท้ายของการฝึกวิ่ง นักวิ่งหลายคนเลือกลดระยะทางวิ่งอย่างมากในสัปดาห์ก่อนแข่งขันหลังจากการฝึกอย่างหนักหน่วง ก็น่าจะแค่นั่งลง กินคาร์โบไฮเดรตเยอะๆ เช่นพาสต้าจานใหญ่ๆ แต่อย่าชะล่าใจนัก เพราะนักวิ่งหลายคนมักจะป่วยก่อนได้ไปวิ่งสัปดาห์ลดระยะทาง
การลดระยะวิ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการซ้อมวิ่งมาราธอน เป็นการลดระยะทาง และเวลาฝึกลงเพื่อให้ร่างกายมีเวลาพักและฟื้นฟูก่อนการแข่ง ระยะลดนี้อาจเป็นสอง หรือสามสัปดาห์ก่อนแข่ง ระยะทางวิ่งของคุณจะลดลงอย่างมากในช่วงนี้ ตามตารางการฝึก การฝึกวิ่งระยะยาวครั้งสุดท้ายควรจะเสร็จสิ้นก่อนที่คุณจะลดระยะวิ่งสำคัญมากในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการฝึกวิ่งมาราธอน ที่คุณยังต้องฝึกวิ่งระยะสั้น และออกกำลังอย่างอื่นอยู่ เพื่อให้คงระดับความแข็งแรงของร่างกายไว้ ในวันแข่ง ร่างกายควรต้องผ่อนคลายและพร้อมเต็มที่ ไม่ใช่เชื่องช้าและอ่อนล้า นักวิ่งหลายคนมักจะกังวลและฝึกหนักเกินไป แทนที่จะลดการฝึกนักวิ่ง และภูมิคุ้มกัน
โดยทั่วไป นักวิ่งที่วิ่งอย่างพอเหมาะ ผู้ที่ฝึกฝนร่างกาย และนักกีฬาชั้นนำมักจะแข็งแรงมาก คนกลุ่มนี้ จะเป็นหวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังถึง 60-90%แต่กลุ่มนักกีฬาที่ฝึกอย่างหนัก อาจมีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน จากการศึกษาพบว่า นักวิ่งที่เตรียมวิ่งลอสแองเจลิสมาราธอน มีการติดเชื้อในช่วงที่ฝึกหนัก และหลังจากการแข่งขันทำไม? ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการทำงานของภูมิคุ้มกันอาจเปลี่ยนไป และอาจถูกกด ในช่วงระยะเวลาที่มีการออกกำลังกายมาก และหนัก มีผลการศึกษาพบว่าในช่วง 3-72 ชั่วโมงหลังจากการฝึกหนัก หรือการแข่งขัน ระบบภูมิคุ้มกันอาจถูกกด จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายหากลดการวิ่งทันทีหลังจากฝึกอย่างหนักหน่วง จึงอธิบายได้ว่า ทำไมนักวิ่งจึงป่วยในช่วงเวลานี้ แต่ยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ดี สำคัญมากที่ต้องพัก และงดการใช้ร่างกายหนักก่อน และหลังการวิ่งมาราธอนการป้องกันปัญหาระหว่างวิ่งมาราธอน
ควรคำนึงถึงการลดระยะวิ่งก่อนการวิ่งจริง และลดการออกกำลังลง เพื่อให้ร่างกายมีเวลาผ่อนคลาย และพักและนี่คือวิธีที่จะมีสุขภาพดีในช่วงลดระยะการวิ่ง1. อย่ากินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
อาหารก่อนวิ่งเป็นสิ่งสำคัญ การกินคาร์บมากในสัปดาห์ก่อนแข่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะช่วยเพิ่มปริมาณไกลโคเจนในกล้ามเนื้อทำให้มีพลังงานสำหรับการแข่งขันที่หนักหน่วง แต่อย่าให้มากเกินไป เพราะจะทำให้น้ำหนักเพิ่มจากน้ำ และมันจะทำให้คุณวิ่งได้ช้าลงเลี่ยงได้โดยการกินอาหารตามปกติมากเท่าที่จะทำได้ เพิ่มกล้วยหรือขนมปังชิ้นเล็กๆในระหว่างมื้อ เพื่อเพิ่มพลังงาน คืนก่อนแข่ง ควรกินอาหารที่สมดุล คือ คาร์โบไฮเดรตที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสม โปรตีน และไขมันที่สมดุล2. อย่าลองของใหม่
คุณกำลังจะวิ่งมาราทอน นี่ไม่ใช่เวลาที่ควรไปลองกิจกรรมใหม่ๆ เช่น สกี หรือบันจี้จัมพ์ คุณต้องหลีกห่างจากกิจกรรมที่จะทำให้คุณบาดเจ็บและให้ร่างกายได้พักก่อนการแข่ง และเลี่ยงการลองอาหารใหม่ที่ไม่เคยกิน เพราะอาจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ กินอาหารตามปกติ เพื่อให้กระเพาะลำไส้ของคุณสุขสบาย3. ดื่มน้ำให้พอเพียง
ก่อนการแข่งขันควรดื่มน้ำให้พอเพียง ช่วยทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งดีขึ้น การดื่มน้ำน้อยทำให้ประสิทธิภาพการวิ่งลดลง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟและน้ำอัดลม4. หลีกเลี่ยงการฝึกหนัก
ความกังวลก่อนการแข่งขันเป็นเรื่องปกติ หลายคนมักกังวลว่าฝึกมาพอ หรือยังที่จะวิ่งให้ครบระยะทาง โดยเฉพาะผู้วิ่งครั้งแรก แต่ควรต้องเชื่อมั่นในการฝึก และระยะทางที่วิ่งมา การฝึกหนักเกินไปก่อนการแข่งขันจะทำให้คุณล้า และใจไม่นิ่งพอก่อนการแข่งขัน5. นอนหลับ
สำคัญมากที่ต้องนอนให้พอในสัปดาห์ก่อนการวิ่ง การพักร่างกายช่วยให้ฟื้นจากการฝึก แม้ว่าคุณอาจจะตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับในคืนก่อนแข่ง แต่คุณก็จะสดชื่นในวันรุ่งขึ้นเมื่อไรที่ควรงดวิ่ง
หลังจากการฝึกฝนเป็นเดือนๆ คงเป็นการยากที่คุณจะตัดสินใจถอนตัวเพราะป่วย แต่การวิ่งในขณะที่ป่วยหนักหรือบาดเจ็บอาจเป็นอันตรายได้ลองใช้กฎคอ คือถ้ามีอาการเหนือคอขึ้นไป เช่น น้ำมูกไหล เจ็บคอ คุณอาจไม่อยากทำให้ตัวเองเสี่ยงมากขึ้นโดยการไปวิ่ง แต่ถ้ามีอาการมากกว่านั้นเช่น หนาวในอก หลอดลมอักเสบหรือปวดทั่วตัว คุณควรไปหาหมอ หากมีไข้สูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส จงอยู่บ้าน ไม่ต้องเสียดาย ยังมีอีกหลายงานวิ่งที่คุณจะไปร่วมได้หากสบายดีแล้วหลังจากการวิ่งมาราธอน
- ใส่ใจกับร่างกายตัวเอง:
-
-
- หากคุณรู้สึกเจ็บปวด ไม่สบายตัว หรือมีอาการผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ให้ไปพบแพทย์ สิ่งสำคัญคือต้องจัดการกับการบาดเจ็บหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยทันที
-
- ฟังร่างกายของคุณ:
-
- ใส่ใจกับสัญญาณของร่างกาย หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างมากหรือสังเกตเห็นสัญญาณของการบาดเจ็บ ให้เผื่อเวลาไว้สำหรับการฟื้นตัวเพิ่มเติม
การวางแผนสำหรับอนาคต:
- ตั้งเป้าหมายใหม่:
-
-
- พิจารณาเป้าหมายการวิ่งในอนาคตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งมาราธอนอีกครั้ง ระยะทางที่แตกต่าง หรือความท้าทายใหม่ๆ การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจ
-
- ฟื้นฟูร่างกาย:
-
-
- มีส่วนร่วมในกิจกรรมการฝึกแบบผสมผสานที่มีความเข้มข้นต่ำเพื่อรักษาสมรรถภาพโดยไม่สร้างความเครียดให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อ
-
- รับคำแนะนำอย่างมืออาชีพ:
-
- หากเป็นไปได้ ให้ปรึกษาโค้ช นักกายภาพบำบัด หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นตัวหลังการวิ่งมาราธอนและแผนการฝึกซ้อมในอนาคต
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น