ภาวะบวมน้ำเหลือง หรือ Lymphedema คืออะไร
Lymphedema คือภาวะบวมเนื่องจากการสะสมของน้ำเหลืองในร่างกาย โดยทั่วไปต่อมน้ำเหลืองมีหน้าที่เหมือนท่อระบายน้ำใน หากท่อระบายน้ำอุดตัน ของเหลวจะไม่สามารถระบายออกได้ ดังนั้นจะมีอาการบวมที่มักเกิดขึ้นที่แขนหรือขา ในคนส่วนมากพบว่าขาบวมน้ำเหลือง แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในส่วนอื่นๆ ของร่างกายเช่นกัน น้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำเหลืองที่นำของเหลวและเซลล์ที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อทั่วร่างกาย อาการบวมนี้เกิดขึ้นบางครั้งอาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะสังเกตเห็นถึงอาการสาเหตุภาวะบวมน้ำเหลืองคืออะไร
ภาวะบวมน้ำเหลืองอาจเกิดจากโรคมะเร็งหรือจากการโรครักษามะเร็ง- เนื้องอกมะเร็งหากมีขนาดใหญ่จะสามารถขัดขวางระบบทางเดินของน้ำเหลืองได้
- การผ่าตัดเนื้อร้ายจากมะเร็งอาจต้องนำเอาต่อมน้ำเหลืองหรือหลอดเลือดบางส่วนที่มีน้ำเหลืองออก ซึ่งอาจทำให้ของเหลวสะสมในเนื้อเยื่อรอบข้างได้
- การฉายรังสีสามารถทำลายหลอดเลือดได้ ส่งผลให้มีน้ำเหลืองมากเกินไปในเนื้อเยื่อ
อาการของภาวะบวมน้ำเหลืองคืออะไร
- แขน ขา หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกายมีอาการบวมเล็กน้อย และอาจบวมมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
- ผิวหนังบริเวณที่บวมรู้สึกตึง
ภาวะแทรกซ้อน
- ภาวะน้ำเหลืองบวมสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในบริเวณที่บวม เนื่องจากเซลล์ที่ป้องกันการติดเชื้อไม่สามารถเข้าไปป้องกันในบริเวณนั้นได้
- หากมีบาดแผล บาดแผลอาจหายช้ากว่าปกติในส่วนที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ
- ข้อต่อในส่วนของร่างกายที่มีน้ำเหลืองจะรู้สึกแข็งและเจ็บ
การวินิจฉัยภาวะบวมน้ำเหลือง
ขั้นแรก แพทย์จะทำการตรวจร่างกายและสอบถามระยะเวลาที่ผู้ป่วยรู้สึกถึงอาการบวม และจะมีการวัดขนาดบริเวณที่บวมเพื่อเปรียบเทียบกับอีกด้าน แพทย์อาจแนะนำการทดสอบอื่น ๆ เพื่อดูว่าผู้ป่วยมีต่อมน้ำเหลืองหรือไม่ และมีสาเหตุมาจากสิ่งใด Lymphoscintigraphy เป็นการทดสอบโดยการใช้สารกัมมันตภาพรังสีเพื่อดูว่าเส้นเลือดอุดตันหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีการสแกนด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) และการถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) ที่สามารถถ่ายภาพบริเวณที่บวมเพื่อค้นหาสาเหตุที่ต่อมน้ำเหลืองถูกปิดกั้นการรักษา
ณ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาภาวะบวมน้ำเหลืองให้หายขาด แต่จะบรรเทา หรือลดอาการบวม หรือป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงและ ภาวะบวมน้ำเหลืองสามารถรักษาได้ด้วย—- การออกกำลังกาย การขยับแขนหรือขาที่บวมอาจช่วยให้น้ำเหลืองระบายออกได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมได้
- การนวดบำบัด การนวดแบบพิเศษที่เรียกว่าการระบายน้ำเหลืองด้วยตนเองสามารถช่วยดันน้ำเหลืองออกจากส่วนที่บวมของร่างกายได้
- การลดน้ำหนัก ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักเกิน เมื่อน้ำหนักลดลงอาจทำให้อาการบวมน้ำเหลืองดีขึ้น
- การผ่าตัด หากผู้ป่วยเกิดภาวะบวมน้ำเหลืองที่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด
- การรักษามะเร็ง หากเนื้องอกมะเร็งทำให้เกิดน้ำเหลือง อาการจะดีขึ้นเมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาโรคมะเร็งแล้ว
เมื่อเกิดภาวะน้ำเหลืองบวม
กุญแจสำคัญในการจัดการต่อมน้ำเหลืองคือการป้องกันการติดเชื้อและระบายของเหลวในบริเวณที่ถูกปิดกั้นป้องกันการติดเชื้อ
- ดูแลผิวบริเวณนั้นให้สะอาดและใช้โลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
- หากได้รับบาดแผลเล็กน้อย ให้ทำความสะอาดทันทีและทาครีมต้านเชื้อแบคทีเรียและผ้าพันแผล
- ห้ามมีการฉีดยา หรือให้วัคซีน หรือใช้เข็มในบริเวณที่ต่อมน้ำเหลืองบวม
ปล่อยให้เลือดและน้ำเหลืองไหลเวียน
- อย่าสวมเสื้อผ้ารัดรูปหรือเครื่องประดับรัดแน่น
- หากมีน้ำเหลืองที่แขนข้างหนึ่ง ให้วัดความดันโลหิตและดึงเลือดจากแขนอีกข้างหนึ่ง
- หากแขนหรือขาบวม ให้ยกขึ้นแขนหรือขาบริเวณนั้นเหนือหัวใจบ่อย ๆ
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/lymphedema/symptoms-causes/syc-20374682
- https://www.webmd.com/breast-cancer/ss/slideshow-lymphedema
- https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/8353-lymphedema
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น