ยาโลซาแทน (Losartan) : วิธีใช้ และข้อควรระวัง

ยา

21.11.2567

Losartan คือยาอะไร

Losartan คือ ยาลดความดันชนิดหนึ่งที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้ความดันโลหิตต่ำลง ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโตซึ่งเป็นภาวะที่ผนังหัวใจห้องล่างซ้ายหนาขึ้น ยา Losartan เป็นยาที่ต้องได้รับใบสั่งจากแพทย์จึงจะรับประทานได้ มีอยู่ในรูปแบบเม็ดรับประทาน

การใช้ยา Losartan

ปริมาณการใช้ยา Losartan นั้น แพทย์จะพิจารณาตามปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

อาการและความรุนแรงของโรคที่ต้องการใช้ Losartan รักษา
อายุ
น้ำหนัก
ยาที่ผู้ป่วยกำลังรับประทานอยู่

ปกติแล้ว แพทย์จะให้ยาในปริมาณน้อย ๆ ก่อนแล้วจึงปรับปริมาณยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเมื่อใช้ยาไปสักพัก ปริมาณการรักษาด้วยยา Losartan สำหรับโรคต่าง ๆ มีดังนี้

การใช้ Losartan สำหรับรักษาโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ไม่มีปริมาณยาที่เฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุอาจมีการตอบสนองต่อยาที่ช้ากว่า ทำให้ผู้สูงอายุอาจต้องการยานี้ในปริมาณน้อย ผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ปริมาณยาปกติจะเริ่มที่ 50 มิลลิกรัม 1 ครั้ง ต่อวัน โดยปริมาณยาจะอยู่ที่ 25 ถึง 100 มิลลิกรัมต่อวัน รับประทาน 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้งต่อวัน เด็กอายุ 6-17 ปี ปริมาณยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก ปริมาณยาปกติจะอยู่ที่ราว 0.7 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม รับประทาน 1 ครั้งต่อวัน แพทย์จะเพิ่ม หรือลดปริมาณยาขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของเด็ก เด็กอายุ 0-5 ปี ยานี้ไม่ควรใช้ในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี

การใช้ Losartan สำหรับรักษาโรคไตจากเบาหวาน

การใช้ Losartan สำหรับลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูงและผู้ที่มีภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโต

ผลข้างเคียงของยา Losartan

ยา Losartan สามารถมีผลข้างเคียงได้ตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุนแรง อาการข้างเคียงที่พบได้ปกติ มีดังนี้:

การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น เป็นหวัด
วิงเวียนศีรษะ
คัดจมูก
ปวดหลัง
ท้องเสีย
อ่อนเพลีย
น้ำตาลในเลือดต่ำ
เจ็บหน้าอก
ความดันสูงหรือความดันต่ำ

อาการเหล่านี้อาจดีขึ้นในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ หากอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร อาการข้างเคียงรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ มีดังนี้:

ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง ทำให้เกิด ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อ่อนแรง หัวใจเต้นช้าลง
อาการแพ้ เช่น หน้า ปาก คอ ลิ้นบวม
ความดันโลหิตต่ำ ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ หรือเป็นลม
โรคไต เช่น เท้า ข้อเท้า มือบวม
น้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

ข้อควรระวัง

ยานี้ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่วางแผนจะมีลูก
ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้ง่วงซึม และเป็นอันตรายหากต้องขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักร
ยานี้อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ ซึ่งอาจทำให้เป็นลมหรือเวียนศีรษะได้ หากมีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต ยานี้อาจทำให้อาการแย่ลงได้

ปฏิกริยากับยาชนิดอื่น

ยา Losartan อาจทำปฏิกริยากับยา วิตามิน หรือสมุนไพรที่ท่านรับประทานอยู่ ดังนั้น จึงควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะรับยา Losartan ยาที่ทำปฏิกริยากับ Losartan มีดังนี้ การรับประทานยาร่วมกับลิเทียมที่ใช้รักษาอาการไบโพล่า อาจทำให้ระดับลิเทียมในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง การรับประทานยา Losartan ร่วมกับการรับประทานยาความดันโลหิตชนิดอื่น อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตต่ำ ระดับโพแทสเซียมสูง และเกิดความเสียหายต่อไตได้ ยาต่าง ๆ เช่น Irbesartan Candesartan Valsartan Lisinopril Enalapril เป็นต้น การรับประทานยา Losartan ร่วมกับยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อไต คุณไม่ควรรับประทานยาสองชนิดนี้ร่วมกัน ตัวอย่างของยาเหล่านั้น คือ Naproxen และ Ibuprofen ยา Losartan ไม่ควรใช้ร่วมกับยาที่มีส่วนประกอบของโพเเทสเซียมเพราะจะทำให้ปริมาณโพแทสเซียมเพิ่มสูงเกินไป

ใครที่ไม่ควรใช้ Losartan

Losartan เป็นตัวรับ angiotensin II receptor blocker (ARB) ที่ใช้โดยทั่วไปเพื่อรักษาสภาวะต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจบางชนิด แม้ว่าโดยทั่วไปคนจำนวนมากจะใช้ยาโลซาร์แทนได้ดี แต่ก็มีสถานการณ์เฉพาะที่การใช้ยานี้อาจมีข้อห้ามหรือต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอก่อนเริ่มหรือหยุดใช้ยาใดๆ ต่อไปนี้คือบางสถานการณ์ที่ยาโลซาร์แทนอาจไม่เหมาะ:

ปฏิกิริยาการแพ้:

- - บุคคลที่มีอาการแพ้ยาโลซาร์แทนหรือ ARB อื่น ๆ ไม่ควรใช้ยานี้

การตั้งครรภ์:

- - โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ยาโลซาร์แทนในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือเสียชีวิตต่อทารกในครรภ์ที่กำลังพัฒนา หากตรวจพบการตั้งครรภ์ ควรพิจารณาการรักษาทางเลือก

ให้นมบุตร:

- - ยาโลซาร์แทนสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ และความปลอดภัยระหว่างให้นมบุตรยังไม่เป็นที่แน่ชัด มารดาที่ให้นมบุตรควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด

โรคไต:

- - บุคคลที่มีความบกพร่องทางไตอย่างรุนแรงหรือเป็นโรคไตวายระยะสุดท้ายอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือการรักษาทางเลือกอื่น ยาโลซาร์แทนถูกขับออกทางไตเป็นหลัก และอาจเกิดการสะสมในบุคคลที่มีความบกพร่องในการทำงานของไต

ภาวะโพแทสเซียมสูง (ระดับโพแทสเซียมสูง):

- - ยาโลซาร์แทนสามารถเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือดได้ บุคคลที่มีสภาวะที่กระตุ้นให้เกิดภาวะโพแทสเซียมสูง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับไต หรือการใช้ยาขับปัสสาวะที่ไม่ต้องใช้โพแทสเซียม ควรใช้ยาโลซาร์แทนด้วยความระมัดระวัง

โรคตับ:

- - ยาโลซาร์แทนถูกเผาผลาญโดยตับ บุคคลที่มีความบกพร่องทางตับอย่างรุนแรงอาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาหรือการรักษาทางเลือกอื่น แนะนำให้ติดตามอย่างใกล้ชิด

ภาวะขาดน้ำ:

- - ผู้ที่ขาดน้ำ รวมถึงผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรงหรือผู้ที่ใช้ยาขับปัสสาวะที่อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ควรระมัดระวังเมื่อใช้ยาโลซาร์แทน

ความดันเลือดต่ำ :

- - ยาโลซาร์แทนอาจทำให้ความดันโลหิตลดลง โดยเฉพาะในช่วงรับประทานยาครั้งแรกหรือเมื่อเพิ่มขนาดยา บุคคลที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำควรใช้ยา Losartan อย่างระมัดระวัง

ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่รับประทาน Aliskiren:

- - โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ยาโลซาร์แทนร่วมกับ aliskiren (ยารักษาความดันโลหิตชนิดอื่น) ร่วมกันในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาไต การรวมกันนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติของไต ความดันโลหิตต่ำ และระดับโพแทสเซียมสูง

ผู้ป่วยที่เป็นโรคแองจิโออีดีมาทางพันธุกรรม:

- ยาโลซาร์แทนอาจทำให้แองจิโออีดีมารุนแรงขึ้น (อาการบวมของชั้นผิวหนังชั้นลึก) ในผู้ที่เป็นโรคแองจิโออีดีมาทางพันธุกรรม ใช้ความระมัดระวังในกรณีเช่นนี้

ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจำเป็นต้องประเมินประวัติทางการแพทย์ สถานะสุขภาพในปัจจุบัน และปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นของแต่ละบุคคลก่อนสั่งยาโลซาร์แทน แจ้งให้ผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณทราบถึงสภาวะที่มีอยู่แล้ว อาการแพ้ หรือยาที่คุณกำลังใช้อยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้ยาโลซาร์แทนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา