การปวดท้องข้างซ้าย (Left Abdominal Pain) : ส่วนล่างสุดของท้องด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของส่วนท้ายสุดของลำไส้ และสำหรับผู้หญิงก็ยังเป็นที่อยู่ของรังไข่ซ้ายด้วย อาการปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ บริเวณนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ต้องกังวล มันจะหายไปเองใน 1 ถึง 2 วัน
หากอาการปวดนั้นมาจากอุบัติเหตุหรือได้รับบาดเจ็บ คุณควรจะโทรหาบริการแพทย์ฉุกเฉินทันที หากรู้สึกปวดหรือเหมือนมีอะไรกดที่หน้าอก ควรพบแพทย์ในทันที
ควรไปห้องฉุกเฉินทันทีหากมีอาการ:
- ไข้
- กดเจ็บอย่างรุนแรงในบริเวณที่ติดเชื้อ
- ท้องบวม
- อุจจาระมีเลือด
- คลื่นไส้และอาเจียน
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ตัวเหลือง
โรคถุงผนังลำไส้อักเสบเป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อย
ในหลาย ๆ กรณี อาการปวดบริเวณท้องส่วนล่างเกิดจากถุงผนังลำไส้อักเสบ โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticula) เกิดขึ้นจากส่วนของลำไส้ที่อ่อนแอสร้างกระเปาะขึ้นมา โรคนี้พบได้ทั่วไป และพบมากขึ้นในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี เมื่อกระเปาะฉีกขาด มันจะทำให้เกิดการบวมและการติดเชื้อ ทำให้เกิดถุงผนังลำไส้อักเสบ อาการอื่น ๆ ได้แก่:- ไข้
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- กดเจ็บบริเวณท้อง
สาเหตุที่พบได้บ่อยอื่น ๆ ของการปวดท้องส่วนล่าง
เหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้เกิดการปวดในท้องส่วนล่าง ไม่ว่าจะข้างไหนก็ตามแก๊ส
การผายลมหรือการเรอเป็นเรื่องปกติ เรามีแก๊สอยู่ในระบบทางเดินอาหารของเรา ตั้งแต่กระเพาะอาหารจนถึงลำไส้ใหญ่ แก๊สเป็นผลมาจากการกลืนและการย่อยอาหาร แก๊สสามารถเกิดได้จาก:- กลืนอากาศเข้าไปมากกว่าปกติ
- กินมากเกินไป
- สูบบุหรี่
- เคี้ยวหมากฝรั่ง
- อาหารบางอย่างไม่ย่อย
- กินอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊ส
- แบคทีเรียในลำไส้หยุดทำงาน
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- ท้องผูก
- น้ำหนักลด
- จุกเสียดท้อง
- มีเลือดปนในอุจจาระ
อาหารไม่ย่อย
อาหารไม่ย่อยนั้นปกติเกิดหลังจากรับประทานอาหาร กระเพาะอาหารสร้างกรดเมื่อเรารับประทานอาหาร กรดนี้สามารถระคายเคืองหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้ได้ อาการปปวดมักเกิดขึ้นที่ท้องส่วนบน ในเคสที่ไม่พบมากนักมันอาจส่งผลต่อท้องส่วนล่างด้วย อาหารไม่ย่อยนั้นเป็นอาการที่ไม่รุนแรง และส่วนมากเราจะรู้สึกไม่สบายตัว ปวด หรือแสบร้อน อาการอื่น ๆ มีดังนี้:- จุกเสียดท้อง
- รู้สึกอิ่ม หรือ ท้องบวม
- ผายลม
- คลื่นไส้
ไส้เลื่อน
ไส้เลื่อนเป็นผลมาจากการที่อวัยวะภายในหรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายดันออกมาผ่านกล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ อาจพบก้อนบริเวณท้องหรือขาหนีบ อาการอื่น ๆ ได้แก่:- มีก้อนนูนใหญ่ขึ้น
- ปวดบริเวณที่เป็นมากขึ้น
- ปวดเวลายกของ
- ปวดแบบหนึบ ๆ
- รู้สึกอึดอัด
- ปวดท้องด้านซ้ายล่าง
นิ่วในไต
นิ่วในไตจะเริ่มก่อปัญหาเมื่อมันเคลื่อนที่อยู่ในไตหรือท่อไต นิ่วอาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณข้างลำตัวและหลัง อาการปวดอาจเป็น ๆ หาย ๆ เมื่อนิ่วเคลื่อนที่ไปยังทางเดินปัสสาวะ บางคนอา่จจะเจ็บท้องด้านซ้าย คุณอาจมีอาการเหล่านี้ด้วย:- ปัสสาวะสีชมพู แดง น้ำตาล คล้ำ และมีกลิ่นเหม็น
- ปวดเวลาปัสสาวะ
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- มีไข้ หรือ หนาวสั่น
โรคงูสวัด
คุณเคยเป็นอีสุกอีใสหรือไม่ หากเคยเป็น เชื้อไวรัสวาริเซลลาซอสเตอร์ยังคงอยู่ในร่างกายของคุณ ซึ่งมันสามารถแสดงอาการขึ้นมาได้อีกครั้งในรูปแบบของงูสวัด เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ก็มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากอายุ 50 งูสวัดทำให้เจ็บปวด และมันมีลักษณะเหมือนแผลพุงพองเป็นเส้นขึ้นรอบ ๆ ข้างใดข้างหนึ่งของร่างกาย บางครั้งก็ที่คอ หรือที่ในหน้า บางคนปวดแต่ไม่มีผื่น อาการอื่น ๆ ได้แก่: วัคซีนงูสวัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดได้ หากคุณมีอาการของโรคงูสวัด ควรพบแพทย์ การเริ่มรักษาแต่เนิ่น ๆ จะช่วยทำให้อาการติดเชื้อสั้นลงและลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นสาเหตุที่ส่งผลต่อผู้หญิงเท่านั้น
สาเหตุของการปวดท้องส่วนล่างด้านซ้ายบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเป็นปัญหาร้ายแรงและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา อาการปวดอาจเริ่มจากท้องส่วนล่างด้านขวาได้ด้วยปวดท้องประจำเดือน
อาการปวดเกร็งสามารถเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างการมีประจำเดือน ถึงแม้ว่าการปวดนั้นจะเป็นการปวดน้อย ๆ ที่ทำให้รำคาญ หรือเป็นการปวดอย่างรุนแรงที่รบกวนกิจกรรมประจำวัน แต่การปวดประจำเดือนนั้นไม่อันตราย คุณควรพบแพทย์หากมีอาการเหล่านี้:- อาการปวดรบกวนการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- อาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
- คุณอายุมากกว่า 25 ปี แล้วอาการปวดก็รุนแรงขึ้น
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่คือการที่เนื้อเยื่อในมดลูกเจริญอยู่ด้านนอกมดลูก ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดช่องท้องและเกิดภาวะมีบุตรยาก อาการอื่น ๆ ได้แก่:- อาการปวดประจำเดือนที่แย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป
- เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
- ปวดเวลาอุจจาระหรือปัสสาวะ
- ประจำเดือนมามาก
- มีเลือดออกกระปริบกระปรอยในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน
เนื้องอกถุงน้ำรังไข่
เนื้องอกถุงน้ำรังไข่เป็นถุงที่มีของเหลวอยู่ข้างในหรือบนพื้นผวของรังไข่ ซึ่งเป็นส่วนนึงของการเกิดรอบเดือนของผู้หญิง ซิสต์ส่วนมากนั้นไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ และจะหายไปโดยไม่ต้องรักษาในเวลาไม่กี่เดือน หากซิสต์มีขนาดใหญ่อาจทำให้เกิดการไม่สบายตัว มันอาจไปกดกระเพาะปัสสาวะและทำให้ฉี่บ่อยขึ้น ซิสต์นั้นสามารถแตกออกได้ ซึ่งจะทำให้เกิดปัยหาร้ายแรง เช่น ปวดอย่างรุนแรงหรือเลือดออกภายใน ควรพบแพทย์ในทันทีหากมีอาการเหล่านี้:- ปวดช่องท้องเฉียบพลันและรุนแรง
- ปวดร่วมกับมีไข้ และ อาเจียน
- มีสัญญาณที่จะช็อค เช่น ตัวเย็น หายใจหอบ บ้านหมุน หรือออ่นแรง
การบิดของรังไข่
ซิสต์ที่มีขนาดใหญ่อาจทำให้รังไข่เปลี่ยนตำแหน่ง ซึ่งทำให้ความเสี่ยงของการเกิดการบิดของรังไข่เพิ่มขึ้น การบิดอย่างรุนแรงของรังไข่อาจทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงได้ ท่อนำไข่ก็อาจได้รับผลกระทบไปด้วย การบิดตัวของรังไข่มีแนวโน้มที่จพเกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ใช้ฮอร์โมนทำให้เกิดการตกไข่ การบิดตัวของรังไข่นั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป โดยปกติแล้วจะเกิดกับหญิงวัยเจริญพันธุ์ ควรพบแพทย์หากมีอาการปวดที่ท้องร่วมกับอาเจียน บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการบิดตัวการตั้งครรภ์นอกมดลูก
การตั้งครรภ์นอกมดลูกเป็นการที่ตัวอ่อนฝังตัวก่อนที่จะถึงมดลูก ปกติแล้วเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ คุณอาจจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ อาการต่าง ๆ มีดังนี้:- ประจำเดือนขาด และ มีสัญญาณของการตั้งครรภ์อื่น ๆ
- มีเลือดออกทางช่องคลอด
- ตกขาวเป็นน้ำ
- รู้สึกไม่สบายตัวเวลาปัสสาวะหรืออุจจาระ
- ปวดไหล่
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ
ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบในผู้หญิง เกิดขึ้นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม และ โรคหนองในแท้ แต่การติดเชื้ออื่น ๆ ก็ทำให้เกิดอาการอักเสบได้เช่นกัน ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบอาจแสดงหรือไม่แสดงอาการก็ได้ อาการต่าง ๆ มีดังนี้:- มีไข้
- ตกขาวมีเลือด มีกลิ่นเหม็น
- เจ็บ หรือ มีเลือดออกเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ
- มีเลือดออกที่ไม่ใช่ประจำเดือน
สาเหตุที่ส่งผลต่อผู้ชายเท่านั้น
สาเหตุที่ปวดท้องล่างบางอย่างเกิดขึ้นกับผู้ชายเท่านั้น วึ่งอาจรุนแรงและต้องเข้ารับการรักษา อาการปวดอาจเกิดขึ้นกับท้องด้านขวาด้วยไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ
ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบเกิดจากการที่ลำไส้เล็กดันออกมาจากส่วนที่อ่อนแอในช่องท้องล่าง ซึ่งพบได้น้อยในผู้หญิง อาการมีดังนี้:- มีส่วนที่นูนออกมาที่ตรงขาหนีบ มีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และจะหายไปตอนที่นอนลง
- อาการปวดที่ขาหนีบแย่ลงเมื่อออกแรง ยกขแง ไอ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ
- อ่อนแรง รู้สึกหนัก แสบร้อน และปวดที่ขาหนีบ
- อัณฑะใหญ่ขึ้น
- กดเจ็บมาก หรือแดงตรงบริเวณที่นูน
- ปวดแบบฉับพลันรุนแรงและปวดต่อเนื่อง
- มีปัญหาเกี่ยวกับการผายลมและการอุจจาระ
- คลื่นไส้ และ อาเจียน
- มีไข้
อัณฑะบิดตัว
การบิดตัวของอัณฑะ ทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงอัณฑะน้อยลง ทำให้เกิดการปวดอย่างรุนแรงและบวม สาเหตุของโรคนี้ยังไม่มีใครทราบ การบิดตัวของอัณฑะสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคน แต่พบมากในผู้ชายอายุ 12 ถึง 16 ปี อาการต่าง ๆ มีดังนี้:- ปวดอย่างรุนแรงและฉับพลันร่วมกับการบวมขึ้นของอัณฑะ
- ปวดช่องท้อง
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปัสสาวะเเล้วปวด
- มีไข้
ควรพบแพทยืเมื่อไหร่
คุณกำลังกังวลกับการปวดท้องหรือไม่? มีอาการมีหลายวันแล้วหรือไม่? หากคำตอบคือใช่ ควรไปพบแพทย์ อาการปวดท้องด้านซ้ายอาจมีสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่น แก๊สหรือความเครียดของกล้ามเนื้อ ไปจนถึงอาการที่ร้ายแรงกว่า เช่น ไส้ติ่งอักเสบ หรือโรคถุงผนังลำไส้อักเสบ แม้ว่าอาการปวดท้องข้างซ้ายไม่ได้ทุกกรณีจำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทันที คำแนะนำบางประการเมื่อต้องไปพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดท้องข้างซ้าย:- อาการปวดรุนแรงหรือฉับพลัน:หากคุณมีอาการปวดเฉียบพลันอย่างฉับพลันที่ช่องท้องด้านซ้ายซึ่งไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างรวดเร็ว ให้ไปพบแพทย์ทันที สิ่งนี้อาจบ่งบอกถึงสภาวะร้ายแรง เช่น อวัยวะที่มีรูพรุนหรือไส้ติ่งอักเสบ
- อาการปวดพร้อมกับอาการอื่นๆ:หากปวดท้องด้านซ้ายร่วมกับอาการต่างๆ เช่น มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง อุจจาระมีเลือด หรือพฤติกรรมการขับถ่ายเปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญคือต้องไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- อาการปวดเรื้อรัง:หากอาการปวดยังคงอยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันโดยไม่มีการปรับปรุง ให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านการแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
- การผ่าตัดช่องท้องครั้งก่อน:หากคุณมีประวัติการผ่าตัดช่องท้อง และพบอาการปวดท้องครั้งใหม่หรือผิดปกติ แนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจทำให้เกิดการยึดเกาะหรือภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดครั้งก่อนได้
- การตั้งครรภ์:หญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการปวดท้องข้างซ้ายควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพ เนื่องจากบางครั้งอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรืออวัยวะสืบพันธุ์ได้
- อายุและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ:กลุ่มอายุบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุ อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดปัญหาเกี่ยวกับช่องท้อง เช่น โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากคุณอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ควรมีการประเมินอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นใหม่หรือไม่ทราบสาเหตุ
- อาการปวดแบบแผ่กระจาย:หากอาการปวดเริ่มต้นที่ช่องท้องด้านซ้ายแต่ลามไปยังบริเวณอื่นๆ เช่น หลังหรือไหล่ อาจเป็นสัญญาณของอาการร้ายแรง และควรได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ปวดเมื่อปัสสาวะ:อาการปวดท้องด้านซ้ายที่มาพร้อมกับปัสสาวะอย่างเจ็บปวดอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือปัญหาไตซึ่งควรได้รับการประเมินโดยแพทย์
- ประวัติอาการทางการแพทย์:หากคุณมีประวัติเกี่ยวกับอาการทางเดินอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือโรคลำไส้อักเสบ (IBD) หรือภาวะสุขภาพเรื้อรังอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือต้องหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอาการปวดท้องกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ .
- ความกังวลส่วนบุคคล:หากคุณมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการปวดท้องด้านซ้าย ควรทำผิดข้างและไปพบแพทย์จะดีกว่าเสมอ
นี่คือที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/320069
- https://www.medicinenet.com/abdominal_pain_causes/views.htm
- https://www.healthgrades.com/right-care/symptoms-and-conditions/left-lower-quadrant-pain
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น