อาหารคีโตคืออะไร
Ketogenic diet หรือ อาหารคีโตเจนิกหรือคีโต เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันสูง ที่มีผลดีต่อสุขภาพหลากหลาย อาหารคีโตคืออาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือดและอินซูลิน เปลี่ยนให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและคีโตนแทนคาร์โบไฮเดรต มีการศึกษาหลายชิ้นที่แสดงว่าอาหารชนิดนี้ทำให้น้ำหนักลดและดีต่อสุขภาพ และอาจมีผลดีต่อผู้ที่เป็น- โรคเบาหวาน
- โรคมะเร็ง
- โรคลมชัก
- โรคอัลไซเมอร์
คนยังมองหา : ยาลดน้ำหนัก
Keto Diet ชนิดต่างๆ
- อาหารคีโตมาตรฐาน (SKD): เป็นอาหารที่คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก โปรตีนปานกลางและไขมันสูง โดยทั่วไปจะมีไขมัน 70% โปรตีน 20% และคาร์โบไฮเดรต10%
- อาหารคีโตชนิดวงจร (CKD): มีการจัดวงจรเช่น กินอาหารคีโค 5 วันและกินอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง 2วัน
- อาหารคีโตแบบTargeted(TKD): ให้เพิ่มคาร์โบไฮเดรตได้ในช่วงออกกำลังกาย
- อาหารคีโตโปรตีนสูง คล้ายกับแบบมาตรฐาน แต่มีโปรตีนมากขึ้น โดยมีไขมัน 60% โปรตีน 35% และคาร์โบไฮเดรต 5%
คีโตสิสคืออะไร
คีโตสิสเป็นภาวะที่ร่างกายใช้ไขมันเป็นเชื้อเพลิงแทนที่คาร์โบไฮเดรต เกิดขึ้นเมื่อคุณลดการกินคาร์โบไฮเดรตลงให้มาก ลดการกินน้ำตาลกลูโคสที่เป็นแหล่งอาหารของเซลล์ การกินอาหารคีโตเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะเข้าสู่ภาวะคีโตสิส โดยทั่วไปคือลดการกินคาร์โบไฮเดรตให้เหลือ 20-50 กรัมต่อวัน และแทนด้วยไขมัน เช่นเนื้อสัตว์ ปลาไข่ ถั่วเมล็ดแห้งและน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ และสำคัญมากที่ต้องลดการกินโปรตีน เพราะโปรตีนเปลี่ยนเป็นกลูโคสได้หากกินมากไป และจะทำให้เข้าสู่คีโตสิสได้ช้า การฝึกอดอาหารเป็นระยะ ช่วยทำให้เข้าสู่คีโตสิสได้เร็วขึ้น การอดอาการเป็นระยะมีหลายแบบ แต่แบบที่ใช้บ่อยคือกินอาหาร 8 ชั่วโมง อดอาหาร 16 ชั่วโมง ในขณะที่เข้าสู่กระบวนการนี้ ควรมีการตรวจเลือด ปัสสาวะและการหายใจ เพื่อให้ทราบว่าเข้าสู่ภาวะคีโตสิสแล้ว จากการวัดปริมาณของคีโตนที่ร่างกายผลิตออกมา เมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตสิส จะมีอาการบางอย่างเช่น กระหายน้ำ ปากแห้ง ปัสสาวะบ่อยและไม่ค่อยหิวอาหารอาหารคีโตช่วยลดน้ำหนัก
การกินอาหารคีโตเป็นวิธีที่ได้ผลในการลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ การศึกษาพบว่าในการลดน้ำหนัก อาหารคีโตอาจได้ผลเท่าอาหารลดไขมัน แต่ที่ดีกว่าคืออาการคีโตทำให้อิ่มและลดน้ำหนักได้ดีกว่าการนับแคลอรี การศึกษาชิ้นหนึ่งจาก 13 ชิ้นพบว่าการกินอาหารคีโตที่คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก มีผลต่อการลดน้ำหนักในระยะยาวมากกว่าการกินอาหารไขมันต่ำเล็กน้อย ผู้ที่กินอาหารคีโตลดน้ำหนักได้เฉลี่ยมากกว่ากลุ่มที่กินอาหารไขมันต่ำราว 0.9 กิโลกรัม และยังช่วยลดความดันเลือดขณะหัวใจคลายตัวและไตรกลีเซอไรด์ได้ด้วย การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งในผู้สูงอายุ 34 คน พบว่าผู้ที่กินอาหารคีโตนาน 8 สัปดาห์ ลดไขมันรวมในร่างกายได้มากกว่าผู้ที่กินอาหารไไขมันต่ำถึงห้าเท่า คีโตนที่เพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดที่ลดลงและความไวต่ออินซูลินที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี่อาจเป็นกุญแจสำคัญอาหารคีโตสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานและผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน
เบาหวานเกิดจากการเผาผลาญเปลี่ยนแปลง น้ำตาลในเลือดสูงและอินซูลินทำงานไม่ดี อาหารคีโตช่วยลดไขมันส่วนเกิน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเบาชนิดที่ 2 ภาวะเสี่ยงเบาหวานและโรคของการเผาผลาญอื่นๆ การศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าอาหารคีโตเพิ่มความไวของอินซูลินได้มากถึง 75% การศึกษากลุ่มเล็กในหญิงที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าการกินอาหารคีโตนาน 90 วัน พบว่าระดับA1C (ระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยสามเดือน)ลดลงอย่างชัดเจน การศึกษาอีกชิ้นในคน 349 คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าผู้ที่กินอาหารคีโตลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 11.9 กิโลกรัม ภายในเวลาสองปี ซึ่งเป็นผลดีที่สำคัญมากเมื่อคิดว่าน้ำหนักกับการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 นั้นเกี่ยวข้องกัน ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าการควบคุมน้ำตาลในเลือดดีขึ้น และลดการใช้ยาลงได้ในระหว่างการวิจัยผลดีต่อสุขภาพอื่นๆ
อาหารคีโตเริ่มมาจากการจัดอาหารเพื่อรักษาโรคระบบประสาท เช่นลมชัก จากการศึกษาพบว่าอาหารนี้มีประโยชน์มากมายดังนี้- โรคหัวใจ: ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงเช่น ไขมันตามร่างกาย เพิ่มโคเลสเตอรอลดี ควบคุมความดันเลือดและน้ำตาลในเลือด
- มะเร็ง: พบว่าอาหารนี้อาจทำให้ก้อนมะเร็งโตช้าลง
- อัลไซเมอร์ อาจช่วยลดอาการของโรคและทำให้การดำเนินโรคช้าลง
- ลมชัก:การศึกษาพบว่า อาหารนี้ช่วยลดการกระตุ้นการชักได้อย่างชัดเจน ในเด็กที่เป็นโรคลมชัก
- พาร์กินสัน: มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าอาหารคีโตช่วยลดอาการของโรคได้ แต่ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
- ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ(Polycystic ovary syndrome) อาหารคีโตช่วยลดระดับอินซูลิน ซึ่งมีผลต่อโรค
- การบาดเจ็บที่สมอง:การศึกษาบางชิ้นเสนอว่าอาหารคีโตอาจช่วยลดอาการของการบาดเจ็บของสมองได้
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
ควรลดอาหารที่ทีคาร์โบไฮเดรตสูง นี่คือ อาหารที่ควรลดหรือไม่ควรรับประทาน- อาหารรสหวาน: น้ำอัดลม,น้ำผลไม้,สมูทตี้,เค้ก,ไอสครีม,ลูกอม และอื่นๆ
- ผลไม้: ผลไม้ทุกชนิด ยกเว้นเบอร์รี่จำนวนน้อยเช่นสตอเบอรี่
- แป้งและธัญพืช: ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี,ข้าว,พาสต้า,ซีเรียล และอื่นๆ
- ถั่วและพืชตระกูลถั่ว
- ผักกินหัว:มันฝรั่ง,มันหวาน,แครอทและอื่นๆ
- อาหารไขมันต่ำ:มายองเนสไขมันต่ำ,น้ำสลัดและเครื่องแรุงต่างๆ
- ซอสและเครื่องปรุงรสทุกชนิด
- ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ:น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี,มายองเนส
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: เบียร์,ไวน์,เหล้า,เครื่องดื่มผสมต่างๆ
- อาหารที่ปลอดน้ำตาล: ลูกอม,น้ำหวาน,ขนม,ของหวาน
- เนื้อสัตว์: สเต๊ก แฮม ไส้กรอก เบคอน ไก่
- ปลามีมัน: ปลาสลิด ปลาช่อน ปลาแซลมอน ปลาสำลี ปลาจาระเม็ดขาว
- ไข่:ไข่ที่มีโอเมก้า-3
- เนยและครีม:เนยจากนมวัวที่กินหญ้าและครีม
- ชีส:เชดดาร์,ชีสนมแพะ ครีมชีส บลูหรือมอสซาเรลล่าชีส
- ถั่วและเมล็ด:อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดแฟล็กซ์ เมล็ดเจียและอื่นๆ
- น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ:น้ำมันมะกอกสกัดสด น้ำมันมะพร้าวและน้ำมันอะโวคาโด
- อะโวคาโด:ทั้งสดและกัวคาโมเล
- ผักที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ:ผักสีเขียว มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ พริกไทย และอื่นๆ
- เครื่องปรุงรส:เกลือ พริกไทย สมุนไพรและเครื่องเทศ
กินแบบคีโต คีโตกินอะไรได้บ้าง
วันที่ 1 เช้า: เบคอนทอด ไข่ดาว มะเขือเทศ กลางวัน: เนื้อไก่ กินกับสลัด เย็น: เนื้อปลาแซลมอน หรือปลาอื่น ๆ พร้อมหน่อไม้ฝรั่งย่าง วันที่ 2 เช้า: บวบผัดไข่ กลางวัน: สลัดไก่ทอด พร้อมบรอคโคลี เย็น: สปาเกตตี้คาโบนาร่าเส้นบุก วันที่ 3 เช้า: ไข่เจียว กับนมอัลมอนด์ กลางวัน: สเต็กหมูย่าง ไข่กวนกับเนยถั่วและผักสลัด เย็น: ต้มข่าไก่ วันที่ 4 เช้า: นมอัลมอนด์ ไข่ต้ม กลางวัน: หมูทอดน้ำปลา กับสลัด เย็น: แซลมอนย่างเห็ดออรินจิ วันที่ 5 เช้า: ไข่กระทะ ใส่หมูสับ กลางวัน: แกงส้มกุ้งผักบุ้ง เย็น: คอหมูอบ กับไข่ม้วน วันที่ 6 เช้า: ไข่ตุ๋นหน้าหมูสับ กลางวัน: ตำแตงกวา ไก่ทอด เย็น: ก๋วยเตี๋ยวหมูเส้นบุก วันที่ 7 เช้า: ผักโขมอบชีส กลางวัน: ผัดคะน้าหมูกรอบ เย็น: ยำกุ้งเส้นแก้ว ของว่างแบบคีโต ถั่วต่างๆ เนื้อแดดเดียว ไข่ต้มสุกเคล็ดลับวิธีกินคีโต
- เริ่มจากการอ่านฉลากอาหาร เพื่อดูปริมาณไขมัน คาร์โบไฮเดรต และใยอาหารที่เหมาะสมตามต้องการ
- วางแผนทำอาหารล่วงหน้า
- จัดอาหารของตนเองไปกินเมื่อต้องไปกินอาหารกับเพื่อนหรือครอบครัว
เคล็ดลับการกินคีโต เมื่อต้องไปกินอาหารนอกบ้าน
เลือกเนื้อสัตว์หรือปลา และผัก เลือกอาหารที่ทำจากไข่ผลข้างเคียงและวิธีลดผลข้างเคียง
แม้ว่าอาหารคีโตจะปลอดภัยสำหรับคนที่สุขภาพดี แต่อาจมีผลข้างเคียงบ้างในขณะที่ร่างกายปรับเข้ากับอาหาร มีรายงานเล็กน้อยเกี่ยวกับการเกิดไข้หวัดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการกินคีโต แต่จะหายไปเองภายในสองสามวัน อาจมีอาการเช่น ท้องเสีย ท้องผูก และอาเจียน อาการอื่นๆ เช่น- อ่อนเพลียทั้งกายและใจ
- หิว
- นอนไม่หลับ
- คลื่นไส้
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- ไม่ค่อยมีแรงออกกำลังกาย
ความเสี่ยงของอาหารคีโต
การกินอาหารคีโตนานๆอาจมีผลทางลบเช่น- โปรตีนในเลือดต่ำ
- มีไขมันในตับ
- นิ่วในไต
- ขาดเกลือแร่จำเป็น
อาหารเสริมสำหรับการกินคีโต
แม้ว่าสารเสริมไม่จำเป็นแต่บางตัวก็อาจเป็นประโยชน์- นำ้มัน MCT ใส่ในเครื่องดื่มหรือโยเกิร์ต ช่วยให้มีพลังงานและเพิ่มระดับคีโตน
- เกลือแร่ การเพิ่มเกลือและเกลือแร่อื่นจำเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสมดุลของน้ำและเกลือแร่
- คาเฟอีน ช่วยให้มีพลัง ลดไขมันและเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย
- Exogenous ketonesช่วยเพิ่มระดับรีโตนในร่างกาย
- ครีเอติน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ดีต่อสุขภาพ เหมาะกับผู้ที่กินคีโตและออกกำลังกายด้วย
- เวย์ ผสมเวย์โปรตีนครึ่วช้อนลงในเครื่องดื่มชงหรือโยเกิร์ตเพื่อเพิ่มโปรตีนในอาหาร
อาหารคีโตเหมาะกับใคร
อาหารคีโตเจนิก เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำและมีไขมันสูงซึ่งได้รับความนิยมในด้านประโยชน์ด้านสุขภาพและการลดน้ำหนักหลายประการ อย่างไรก็ตามอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน บุคคลที่อาจได้รับประโยชน์จากอาหารคีโต ได้แก่:- ผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู:
-
-
- อาหารคีโตเจนิกถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการรักษาโรคลมบ้าหมู โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการชักจากการดื้อยา
-
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก:
-
-
- บางคนประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักด้วยการคุมอาหารแบบคีโต เนื่องจากปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ลดลงทำให้เกิดภาวะคีโตซีส ซึ่งเป็นสภาวะการเผาผลาญที่ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงาน
-
- การจัดการโรคเบาหวานประเภท 2:
-
-
- อาหารคีโตอาจช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จัดการระดับน้ำตาลในเลือดได้โดยการลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรต
-
- เมตาบอลิซินโดรม:
-
-
- อาหารคีโตอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคเมตาบอลิซึม ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และเบาหวานประเภท 2
-
- ความผิดปกติทางระบบประสาท:
-
-
- งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้สำหรับสภาวะทางระบบประสาทบางอย่าง เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมในด้านเหล่านี้
-
- กลุ่มอาการรังไข่หลายใบ (PCOS):
-
-
- ผู้หญิงที่มีภาวะ PCOS ซึ่งเป็นความผิดปกติของฮอร์โมน อาจพบว่าการรับประทานอาหารแบบคีโตมีประโยชน์ในการจัดการอาการต่างๆ เช่น การดื้อต่ออินซูลิน และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
-
- กิจกรรมนักกีฬาและกิจกรรม:
-
- นักกีฬาและบุคคลที่เล่นกีฬาประเภทความอดทนบางคนอาจลองรับประทานอาหารคีโตเพื่อเพิ่มการใช้ไขมันและระดับพลังงานที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตามการปรับตัวให้เข้ากับอาหารอาจต้องใช้เวลา
- สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร:ความต้องการทางโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรอาจไม่เพียงพอสำหรับอาหารคีโต
- ปัญหาถุงน้ำดี:ปริมาณไขมันสูงของอาหารคีโตอาจทำให้ปัญหาถุงน้ำดีรุนแรงขึ้นในบางคน
- ความผิดปกติของตับอ่อน:บุคคลที่มีภาวะตับอ่อนไม่เพียงพออาจประสบปัญหาในการย่อยอาหารคีโตที่มีไขมันสูง
- ภาวะตับ:อาหารคีโตสามารถเพิ่มความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับในบางคนได้
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
- https://www.medicalnewstoday.com/articles/319196
- https://www.nm.org/healthbeat/healthy-tips/nutrition/pros-and-cons-of-ketogenic-diet
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7480775/
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น