อาหารทะเลคืออะไร
อาหารทะเล คือ อาหารทุกชนิดที่มาจากน้ำ ไม่ว่าจะเป็นปลา หอย เช่น หอยมอลลัคซ์ และกุ้ง รวมไปถึงพืช เช่น สาหร่ายและตะไคร่น้ำ อาหารทะเลเป็นแหล่งของสารอาหาร วิตามิน และกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่สำคัญที่มาจากทะเล อาหารทะเล ได้แก่:- ปลา เช่น แซลมอน คอด ทูน่า ปลาแฮดดอก และอื่น ๆ
- กุ้ง
- หอยเชลล์
- ปู
- ล็อปสเตอร์
- หอยแมลงภู่
- หอยลาย
ทำไมอาหารทะเลจึงดีต่อเรา
อาหารทะเลถูกแนะนำให้รับประทานเพราะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งก็คือ DHA และ EPA ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังมีสรรพคุณต้านการอักเสบอีกด้วย อาหารทะเลมีสารอาหารมากมาย หลายชนิดมีแคลเซียมและวิตามินดี วิตามินดีเป็นสารอาหารที่จำเป็น การได้รับวิตามินดีจากอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ยาก นอกจากนี้ อาหารทะเลยังมีโปรตีนสูงเช่นเดียวกับ ไข่ เนื้อ สัตว์ปีก และนม ประโยชน์ของอาหารทะเลยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรองอีกด้วย อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: แพ้อาหารทะเลประโยชน์ของอาหารทะเล
มีชีวิตยาวนานขึ้น
การรับประทานอาหารทะเล 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์สามารถลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารทะเลน้อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรทำให้มีความสุข
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทานปลาเป็นประจำมีโอกาสในการเกิดโรคซึมเศร้าลดลง 20% นอกจากนี้ การรับประทานปลาอาทิตย์ละครั้งช่วยให้ดีขึ้นอีกด้วยเด็กจะฉลาดและมีสุขภาพดีขึ้น
ในการศึกษา นักวิจัยพบว่า เด็กที่แม่รับประทานอาหารทะเล 12 ออนซ์ต่อสัปดาห์ในขณะที่ตั้งครรภ์มี IQ สูงกว่า แม้แต่การรับประทาน 4 ออนซ์ต่อสัปดาห์ก็ช่วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าแม่ที่รับประทานปลา 1-3 ครั้งต่อสัปดาห์ระหว่างตั้งครรภ์มีลูกที่มีระดับของการอักเสบตำ่และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเมทาโบลิกซินโดรมต่ำอีกด้วย อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับ: อาการของคนท้องมีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับการรับประทานอาหารทะเล
ส่วนมากแล้วก็จะเป็นเรื่องของปรอท เป็นสารพิษที่มีอยู่ในอาหารทะเล ซึ่งมีปริมาณต่างกันไป แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ประโยชน์ของการรับประทานอาหารทะเลนั้นมีมากกว่าความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ในการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารทะเลได้คัดค้านเกี่ยวกับปริมาณปรอทที่สูงในผู้ที่ตั้งครรภ์ในกรณีของการพัฒนาสติปัญญาของเด็กในภายหลัง แต่การทราบว่าอาหารทะเลชนิดไหนที่มีปริมาณปรอทสูงก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรู้ ขึ้นอยู่กับอายุและการใช้ชีวิต ควรใส่ใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารทะเลเหล่านั้นในปริมาณที่มาก ปกติแล้ว ปลาตัวใหญ่จะมีปริมาณปรอทสูงกว่า เช่น ปลาไทล์ฟิช ปลาฉลาม ปลากระโทงดาบ ปลาทูน่าครีบยาว และปลาอินทรีย์ USDA’s ของสหรัฐอเมริการแนะนำว่าควรรับประทานอาหารทะเลอย่างน้อย 8 ออนซ์ต่อสัปดาห์ เลือกอาหารทะเลที่มีปรอทน้อย เช่น แซลมอน กุ้ง ทูน่ากระป๋อง ปลานิล ปลาคอด และปลาที่มีโอเมก้า 3 สูงชนิดอื่น ๆ อาหารทะเลยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยขึ้นอยู่กับชนิดที่คุณเลือก แหล่งที่มา และวิธีการเลี้ยง (ตามธรรมชาติหรือฟาร์ม) บางครั้งปลาที่ขายก็จะมีข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการส่งผลต่อความยั่งยืนของอาหารทะเลที่คุณเลือกอาหารทะเลเทียบกัยโปรตีนชนิดอื่นอย่างไร
เราไม่ได้รับประทานอาหารทะเลเพียงพอ มีเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่รับประทานอาหารทะเล 2 ครั้งต่อสัปดาห์ตามที่แนะนำ เราควรรับประทานอาหารทะเลให้มากขึ้น เพราะสารอาหารที่ได้จากสัตว์ทะเลก็มีเช่นเดียวกับที่ได้จากเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ เช่น สเต็กทูน่าให้ธาตุเหล็กเท่ากับสเต็กสตริปลอยน์ เมื่อเทียบกับอกไก่ที่ไม่มีกระดูก ปลาคอดมีโปรตีนมากกว่าและมีไขมันน้อยกว่า เพราะฉะนั้น เลือกปลาที่มีความมัน เช่น ปลาเเซลมอน หรือหอย เช่น หอยนางรม คุณจะได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งยากที่จะหาจากเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เพื่อที่จะส่งเสริมให้รับประทานอาหารทะเลมากขึ้น แต่ควรอบ ต้ม หรือนึ่งแทนที่จะทอด เพราะอาหารทะเลทอดจะมีไขมันไม่อิ่มตัวเพิ่มขึ้นราว 3-4 เท่า และมีพลังงานมากขึ้นอีกด้วยหัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น