ภาวะเลือดออกในสมองคืออะไร
ภาวะเลือดออกในสมองภาษาอังกฤษเรียกว่า (Intracerebral Hemorrhage) เกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดเเตกเฉียบพลันทำให้เลือดไหลเข้าไปในเนื้อเยื่อสมองส่งผลทำให้สมองเกิดความเสียหาย โดยปกติมักมีอาการเกิดขึ้นทันทีในระหว่างที่มีเลือดออกในสมอง ได้แก่อาการปวดหัว อ่อนเเรง งุนงงสับสนและอัมพาตโดยเฉพาะอัมพาตครึ่งซีก ทำให้เกิดแรงกดอัดของเลือดภายในสมองและเข้าไปรบกวนออกซิเจนที่เข้าไปหล่อเลี้ยงในสมองจึงเป็นสาเหตุทำให้สมองและเส้นประสาทถูกทำลาย ภาวะเลือดออกในสามารถจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากทีมแพทย์ฉุกเฉินทันที โดยทั่วไปแล้วภาวะเลือดออกในสมองมีความแตกต่างจากโรคหลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตันซึ่งเป็นโรคที่มีสาเหตุเกิดจากมีลิ่มเลือดอุดตันในสมอง สำหรับภาวะเลือดออกในสมองเป็นอาการที่ไม่เป็นอันตรายร้ายเเรง การรักษาขึ้นอยู่กับปริมาณของเลือดที่ออกมาและขนาดของสมองที่เกิดอาการบาดเจ็บขึ้น เนื่องจากสาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะเลือดออกในสมองเกี่ยวข้องกับภาวะความดันเลือดสูงดังนั้นการควบคุมความดันเลือดให้ต่ำลงจึงเป็นการรักษาขั้นตอนเเรก บางครั้งอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อลดความดันของเลือดที่สะสมและเพื่อซ่อมแซมหลอดเลือดที่เสียหาย สำหรับการรักษาในระยะยาวขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดเลือดออกในสมองและปริมาณของเลือดที่ทำให้สมองเสียหาย โดยการรักษาได้แก่การรักษาทางกายภาพ การบำบัดการพูดและกิจกรรมบำบัด ทั้งนี้ในผู้ป่วยหลายรายอาจพิการถาวรสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมองคืออะไร
ภาวะความดันเลือดสูงเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมอง สำหรับผู้ป่วยที่เป็นวัยรุ่นสาเหตุทั่วไปคือมีหลอดเลือดออกในสมองผิดปกติ สาเหตุอื่นๆได้แก่- ได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะ
- หลอดเลือดในสมองที่โป่งขึ้นแตก (มีจุดที่ผนังหลอดเลือดบางเกิดขึ้นบนหลอดเลือดที่แตก)
- โรคหลอดเลือดสมองเอวีเอ็ม (เป็นโรคหลอดเลือดในสมองผิดปกติชนิดหนึ่งที่ทำให้การไหลของกระเเสเลือดปกติถูกรบกวน)
- การใช้ยาเจือจางเลือด
- ก้อนเนื้องอกที่มีเลือดออก
- การใช้ยาโคเคนหรือยาเมแทมเฟตามีน (ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะความดันสูงรุนเเรงและทำให้เกิดเลือดออกในสมอง)
- เลือดออกผิดปกติ เช่นโรคเลือดไหลไม่หยุดหรือโรคเม็ดเลือดเเดงรูปเคี้ยว
อาการของภาวะเลือดออกในสมองมีอะไรบ้าง
อาการของภาวะเลือดออกในสมองได้แก่- เกิดอาการอ่อนแรงเฉียบพลัน มีอาการชาหรืออัมพาตที่ใบหน้า แขนหรือขา โดยอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นบนร่างกายเพียงซีกเดียว
- เกิดอาการปวดหัวเฉียบพลัน
- เกิดอาการกลืนลำบาก
- มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นที่ตาข้างเดียวหรือสองข้าง
- สูญเสียการทรงตัวและวิงเวียนศีรษะ
- มีปัญหาเกียวกับทักษะการใช้ภาษาเช่น การอ่าน การเขียน การพูดและความเข้าใจภาษา
- คลื่นไส้และอาเจียน
- ไร้อารมณ์ นอนไม่หลับ เฉื่อยชา และสูญเสียสติสัมปชัญญะ
- งุนงงสับสนและเกิดอาการเพ้อ
วิธีวินิจฉัยภาวะเลือดออกในสมอง
ถ้าหากผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกในสมอง แพทย์จะทำการตรวจระบบประสาทด้วยการสร้างภาพระบบประสาทเพื่อตรวจดูว่าผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดอุดตันหรือมีเลือดออกในสมองหรือไม่ วิธีการวินิจฉัยภาวะเลือดออกในสมองได้แก่การทำ CT scan การวินิจฉัยโรคด้วยวิธีนี้เป็นการตรวจด้วยการสร้างภาพของสมองเพื่อตรวจดูให้มั่นใจว่ามีเลือดออกในสมองและมีความผิดปกติอื่นๆเกิดขึ้นในสมองหรือไม่ การตรวจด้วยภาพรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI เป็นวิธีที่ช่วยทำให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพสมองได้ชัดเจนขึ้นเพื่อทำให้สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เลือดออกได้ดีมากขึ้น การตรวจวินิจฉัยหลอดเลือดเป็นการตรวจที่ใช้เทคโนโลยีเอกซ์เรย์เพื่อทำให้เห็นภาพการไหลเวียนของเลือดภายในเส้นเลือดใหญ่และทำให้สามารถมองเห็นความผิดปกติของหลอดเลือดได้ ตัวอย่างเช่นภาวะหลอดเลือดโป่งหรือโรคหลอดเลือดในสมองผิดปกติตั้งแต่กําเนิด นอกจากนี้การตรวจเลือดยังสามารถช่วยระบุปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อและเส้นเลือดอุดตันที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เลือดออกในสมองได้ภาวะแทรกซ้อนของโรคเลือดออกในสมองมีอะไรบ้าง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นมีสาเหตุจากตำแหน่งที่เกิดเลือดออกและระยะเวลาที่สมองขาดออกซิเจนซึ่งอาการที่เกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้- ความบกพร่องของทักษะการใช้ภาษา
- อ่อนล้าหมดเเรง
- มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน
- สูญเสียการมองเห็น
- ไร้ความรู้สึกเเละไม่สามารถขยับร่างกายครึ่งซีก
- โรคปอดบวม
- เกิดภาวะผิดปกติเกี่ยวกับความคิดเเละการรับรู้ เช่นสูญเสียความทรงจำ ไม่เข้าใจเหตุผลและมีอาการสับสนงุนงง
- สมองบวม
- ภาวะลมชัก
- เกิดภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางอารมณ์
- มีไข้
วิธีรักษาภาวะเลือดออกในสมอง
โดยปกติการรักษาอาการของภาวะเลือดออกในสมองภายใน 3 ชั่วโมงแรกทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาออกมาดีขึ้น การผ่าตัดสามารถช่วยบรรเทาเเรงกดดันในสมองและช่วยซ่อมเเซมเส้นเลือดใหญ่ที่สึกหรอได้ การใช้ยาบางชนิดสามารถช่วยรักษาอาการที่เกิดขึ้นจากภาวะเลือดออกในสมองได้อย่างเช่นการทานยาแก้ปวดเพื่อช่วยลดอาการปวดหัวอย่างรุนเเรงและการใช้ยาลดความดัน นอกจากนี้ถ้าแพทย์ระบุว่าคุณมีความเสี่ยงมีอาการลมชัก คุณอาจจำเป็นต้องใช้ยากันชัก สำหรับการรักษาในระยะยาวจำเป็นต้องรักษาอาการที่เป็นสาเหตุทำให้สมองถูกทำลายก่อน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้นซึ่งวิธีการรักษามีดังต่อไปนี้ได้แก่ กายภาพบำบัดและการบำบัดคำพูดเพื่อช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ส่วนนี้หรือปรับปรุงการสื่อสารให้ดีขึ้น สำหรับการรักษาด้วยการทำกิจกรรมบำบัดเป็นการช่วยฟื้นฟูทักษะบางประเภทและเป็นการทำกิจกรรมอิสระที่ช่วยปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันได้นี่คือแหล่งที่มาของบทความของเรา
- https://mayfieldclinic.com/pe-ich.htm
- https://www.healthline.com/health/lobar-intracerebral-hemorrhage
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3138486/
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น