แมลงกัดต่อย (Insection Bites and Stings) คือเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนเนื่องจากในประเทศไทยเราเป็นประเทศเขตร้อนทำให้มีสัตว์จำพวกแมลงค่อนข้างชุกชุมและหลากหลาย ปฎิกริยาจากการโดนแมลงกัดจะแตกต่างกันออกไป หากไม่มีอาการแพ้มากเมื่อโดนแมลงกัดอาจเป็นแค่ตุ่มแดง ทายาก็จะหายได้
อาการของแมลงสัตว์กัดต่อย
การตอบสนองจากการโดนแมลงหรือแมงกัด ต่อยมีมากมายหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับปัจจัยที่หลากหลาย ผลที่พบเห็นได้ทั่วไปส่วนใหญ่คือ:
ผิวหนังอาจเกิดรอยแผลและเริ่มมีการติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม การติดเขื้อทั่วๆไปอาจกลายเป็นการติดเชื้อที่รุนแรงและอาจเป็นสาเหตุของโรคที่เรารู้จักกันดีว่าโรคเซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ
ผู้ป่วยบางคนอาจเคยประสบกับปฏิกิริยารุนแรงอย่างทันทีหลังโดนแมลงกัดต่อยหากผู้ป่วยมีอาการแพ้ต่อการกัดต่อยจากแมลงนั้นๆ ที่รู้จักในภาวะแพ้ชนิดรุนแรง อาการรุนแรงต่างๆเช่น:
-
-
หายใจมีเสียงวี๊ด
-
หายใจสั้น ถี่
-
หมดสติ
-
เสียชีวิตภายใน 30 นาที
-
การโดนแตนขนาดใหญ่ต่อยหรือผึ้งต่อย(เป็นร้อยเป็นพันตัว) ก็เคยมีรายงานว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อล้มเหลวและเกิดภาวะไตวาย และเสียชีวิตได้
-
อาการที่เกิดจากโดนมดคันไฟกัดมักจะเกิดตุ่มหนองหรือตุ่มเจ็บขึ้น ซึ่งมักทำให้คันและปวดมาก
-
หากโดนแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลกัดอาจทำให้เกิดแผลพุพองและเป็นแผลเน่าเนื้อตาย ในขณะที่หากโดนแมงมุมแม่ม่ายดำกัดจะเกิดอาการเกี่ยวกับระบบทางร่างกายมากกว่า เช่น:
-
ระบบหายใจมีปัญหา
-
มดกัดมักมีอาการให้เห็นเป็นจุดเดี่ยวๆหรือเป็นกระจุกเล็กๆ และบริเวณที่โดนกัดอาจเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำเล็กๆขึ้นมาได้
ในช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา นักวิจัยค้นพบว่าการโดนเห็บกัด (จากเห็บ lone star) สามารถก่อให้เกิดการตอบสนองต่อการแพ้เนื้อแดง (เช่นเนื้อวัว เนื้อหมูและเนื้อกวาง)และนม
สาเหตุของแมลงกัดต่อย
ตามปกติแล้วนั้นแมลงทุกชนิดจะไม่โจมตีมนุษย์ก่อนยกเว้นถูกยั่วยุหรือกระตุ้น การกัดและต่อยคือการป้องกันตัวชนิดหนึ่ง แมลงกัดต่อยเพื่อปกป้องรังหรือที่อยู่ของมันเมื่อมีอะไรเข้ามาสัมผัสหรือเข้ามารบกวน (ดังนั้นจึงไม่ควรไปเข้าใกล้หรือรบกวนรังผึ้งหรือรังต่างๆเด็ดขาด)
การกัดหรือต่อยแมลงจะปล่อยพิษที่ประกอบไปด้วยโปรตีนและสารบางตัวที่ไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ในตัวเหยื่อขึ้นมา การกัดต่อยเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยแดงและบวมตรงบริเวณที่ถูกกัดต่อย
ผึ้ง, ตัวต่อ, แตน, ต่อเสื้อคลุมเหลือง (yellow jackets) และมดคันไฟ คือแมลงในตระกูลอันดับ Hymenoptera การถูกแมลงตระกูล Hymenoptera นี้กัดหรือต่อยอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงต่อคนที่แพ้พวกมันได้ พบว่ามีการเสียชีวิตจากการถูกผึ้งต่อยมากกว่าถูกงูกัดเสียชีวิตถึง 3ใน4ครั้ง การถูกผึ้ง ตัวต่อและมดคันไฟกัดต่อยให้ผลเกิดการบาดเจ็บต่อร่างกายแตกต่างกัน
-
เมื่อผึ้งต่อย มันจะปล่อยตัวฉีดพิษ(เหล็กไน)ของมันทิ้งไว้ และตัวผึ้งก็จะตายไปตามกระบวนกา
-
ตัวต่อจะสามารถต่อยทำความเสียหายได้หลายครั้งเพราะตัวต่อจะไม่สลัดตัวฉีดพิษทิ้งหลังจากมันต่อย
-
มดคันไฟจะฉีดพิษของพวกมันโดยใช้จงอยปากของพวกมัน (ส่วนขากรรไกรล่าง) และหมุนตัวเอง พวกมันสามารถปล่อยพิษซ้ำได้หลายครั้ง
-
หนอนผีเสื้อกลางคืน หรือ Megalopyge opercularis ตัวของมันจะมี “ขน” ปุกปุยหรือเงี่ยง (เดือย) ที่แตกออกได้เมื่อไปสัมผัสโดน และสารพิษจะถูกฉีดเข้าไปสู่ร่างกาย
-
ในทางกลับกัน การโดนยุงกัดไม่ได้เกิดจากการป้องกันตัว เพราะยุงมากัดเราเพราะต้องการเลือดเราเป็นอาหาร
โดยปกติแล้วนั้นการโดนยุงกัดไม่ได้เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยแบบมีนัยสำคัญหรือก่อให้เกิดปฏิกิริยาแพ้เว้นเสียแต่ว่ายุงนั้นๆเป็นพาหะของโรคหรือนำเอาเชื้อที่ทำให้เกิดโรคมาด้วย ยกตัวอย่างเช่น:
-
-
-
โรคมาลาเรีย ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อโรคที่อยู่ในวงจรชีวิตของยุงสายพันธุ์หนึ่ง
-
ไข้เวสต์ไนล์คือโรคอีกชนิดหนึ่งที่แพร่เชื้อโดยยุง ยุงหลายสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อให้เกิดโรคไวรัสอื่นๆเช่น
-
โรคไข้ซิกา Zika virus (ที่สงสัยว่าอาจเป็นเหตุให้เกิดภาวะศีรษะเล็ก)
-
ไข้เหลืองในคนและสัตว์
-
-
ยังมีแมงหรือแมลงชนิดอื่นๆที่มากัดเพื่อกินเลือดเป็นอาหารและส่งผลให้เกิดโรคที่อาจมาจากการแพร่เชื้อโรค เช่น:
- โรคไข้กลับซ้ำชนิดระบาดเกิดจากโดนแมลงปรสิตเล็กๆ เหา หมัด โลนไรกัด ซึ่งมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มสไปโรคีท.
- โรคลิชมาเนีย เป็นโรคที่เกิดจากโปรโตซัวลิชมาเนีย ที่มีตัวริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อกัด
- โรคไข้เหงาหลับ (Sleeping sickness) ในคนและในโรคของวัวพบได้แพร่หลายในแอฟริกา และเป็นที่รู้กันดีว่ามีสาเหตุมาจากเชื้อโปรโตซัวทริพาโนโซม (protozoan trypanosomes) ที่ส่งผ่านเชื้อจากการโดนแมลงวันซีทซี ฟาย (tsetse flies) กัด
- โรคทูลารีเมียหรือโรคไข้กระต่าย เป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่แพร่เชื้อจากการถูกเหลือบกัด, โรคกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองจากหมัด, โรคไข้รากสาดใหญ่ชนิดระบาดจากเหา
- เห็บสามารถแพร่เชื้อทำให้เกิดโรคลายม์และอาการเจ็บป่วยอื่นๆเมื่อโดนพวกมันกัด เห็บจัดเป็นแมลงชนิดกินเลือดเป็นอาหารด้วยฃ
- สัตว์กลุ่มแมงอื่นๆ เช่น ไรอ่อน(ชิกเกอร์), ตัวเรือด(เบดบั๊ก)และ ตัวไร เป็นสาเหตุอาการเฉพาะที่ที่สามารถหายได้เองและมักมีอาการบวมฃ
- การโดนแมงมุมกัดชนิดร้ายแรง ซึ่งไม่ใช่โดนกัดจากแมลง อาจโดนแมงมุมแม่ม่ายดำหรือแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลกัด เมื่อโดนแมงมุมกัดก็จะเกิดกลไกการป้องกันขึ้
หากถูกแมลงสัตว์กัดต่อยควรไปพบแพทย์เมื่อไร
การเกิดลมพิษขึ้นเป็นอาการทางร่างกายส่วนใหญ่ที่พบได้ทั่วไป อาการที่ปรากฏคือผิวหนังจะขรุขระ หนาขึ้น เป็นจุดแดงๆและมีอาการคันมาก หากผื่นลมพิษที่เกิดขึ้นมีเพียงอาการทางร่างกายเพียงเท่านั้นไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ ผู้ป่วยสามารถรักษาตัวเองที่บ้านได้โดยการรับประทานยาแก้แพ้ แต่หากมีอาการอื่นๆร่วมเช่น หายใจสั้นถี่ และ/หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
หากผู้ป่วยประสบกับอาการที่ไม่ได้มีเพียงแค่อาการเฉพาะที่โดนกัดหรือต่อย (โดยเฉพาะหากเคยมีประวัติแพ้รุนแรงมาก่อน) ควรรีบพบแพทย์ทันที อาการเหล่านี้ (อาการทางร่างกายที่ส่งผลกระทบทั่วร่างกาย) อาจนำไปสู่ภาวะแอแนฟิแล็กซิส(ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน)ที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้
หากพบว่าเมื่อถูกกัดหรือต่อยแล้วมีการติดเชื้อ (มีรอยแดงแบบมีหรือไม่มีตุ่มหนองก็ตาม รู้สึกร้อน มีไข้ หรือรอยแดงมีการแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย) ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หากคุณไม่ทราบว่าโดนแมลงชนิดไหนกัดหรือต่อย ควรเฝ้าสังเกตุบริเวณที่โดนกัดอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์หากพบว่ามีแผลเปิดหรือแผลเปื่อย ซึ่งอาจเกิดจากการถูกแมงมุมมีพิษกัด
คนที่เคยมีประวัติแพ้ขั้นรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลใกล้บ้านในทันทีหลังโดนกัดหรือต่อยหากมีมีอาการอย่างที่เคยเป็นมาก่อน หรือในรายที่ไม่เคยมีประวัติแพ้รุนแรงมาก่อนก็ตามควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเช่นกันหากพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้:
-
หายใจมีเสียงวี๊ด
-
หายใจถี่สั้น
-
เจ็บหรือแน่นหน้าอก
-
รู้สึกคอตีบตันหรือพูดหรือกลืนลำบาก
-
รู้สึกหน้ามืดหรืออ่อนแรง
-
มีการติดเชื้อ (หากพบว่าแผลมีการติดเชื้อและคุณยังไม่สามารถพบหมอได้ ให้ขอการดูแลจากทางโรงพยาบาลไปก่อน)
การวินิจฉัยแมลงสัตว์กัดต่อย
การวินิจฉัยแมลงสัตว์กัดต่อยมักดูจากประวัติ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อหาผลกระทบจากแมลงสัตว์กัดต่อยว่ามีผลอย่างไรกับส่วนต่างๆของร่างกายบ้าง หากคุณสามารถนำชิ้นส่วนหรือตัวอย่างของแมลงที่กัดต่อยมาด้วยได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการวินิจฉัยและการรักษา และแพทย์อาจตรวจดูผิวหนัง ตรวจระบบการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือดและตรวจช่องปากเพื่อช่วยในการตัดสินใจในการวินิจฉัยและการรักษา
เพื่อระบุเชื้อโรคที่ถูกส่งต่อมาจากจากถูกแมลงหรือแมงกัดหรือต่อย อาจใช้วิธีตรวจเลือดเข้ามาช่วย จะสามารถช่วยในการวินิจฉัยได้ดีเช่นกัน (ยกตัวอย่างเช่น โรคลายม์, โรคไข้เวสต์ไนล์หรือโรคมาลาเรีย) เพื่อการรักษาจำเพาะเจาะจงจะได้เริ่มได้ในทันที
การดูแลตนเองที่บ้านเมื่อถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
การรักษาขึ้นออยู่กับปฏิกิริยาตอบสนองจากการถูกกัดหรือต่อย หากพบว่ามีเพียงรอยแดงและปวดบริเวณที่ถูกกัดต่อย ใช้วิธีประคบเย็นช่วยรักษาได้ ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดต่อยด้วยสบู่และน้ำเพื่อกำจัดสิ่งที่ปนเปื้อนจากที่แมลงทิ้งไว้ออก (เช่นยุง) สิ่งที่แมลงทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดบาดแผลต่อไปได้อนาคตหากไม่กำจัดออกไป ห้ามเกาบริเวณที่ถูกกัดต่อยเพราะอาจทำให้ผิวเป็นแผลและเกิดการติดเชื้อ การรีบประคบเย็นด้วยแผ่นความเย็นหรือน้ำแข็งทันทีสามารถช่วยลดอาการบวมได้
คุณอาจรักษาอาการคันบริเวณที่โดนกัดต่อยได้ด้วยยาแก้แพ้ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้เช่น ยาไดเฟนไฮดรามีน (เบนาดริล) ในรูปแบบของครีมหรือยาเม็ดรับประทาน. ยาทาโลชั่นคาลาไมน์ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการคันได้เช่นกัน
การรักษาแบบเฉียบพลันที่บ้านสำหรับการแพ้ขั้นรุนแรงควรมีติดบ้านไว้ คนที่เคยมีประวัติการแพ้ขั้นรุนแรงจากแมลงสัตว์กัดต่อยควรมีชุดอุปกรณ์แก้แพ้ติดบ้านไว้เสมอ ชุดอุปกรณ์นี้จะประกอบไปด้วยยาฉีดอิพิเนฟริน (ที่สามารถฉีดได้ด้วยตนเอง), สายรัดห้ามโลหิต,และยาแก้แพ้ ชุดอุปกรณ์ดังกล่าวควรอยู่ใต้คำแนะนำจากแพทย์ การรักษาควรตามผลการประเมินจากแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาหายสนิทดีแล้ว
การรักษาแมลงสัตว์กัดต่อย
การรักษาแมลงสัตว์กัดต่อยขั้นรุนแรงควรทำการรักษาที่โรงพยาบาล การรักษาอาจเริ่มจากใช้ยาอิพิเนฟรินหรืออะดรีนาลีน (โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง), ยาแก้แพ้ (เบนาดริล), และสเตียรอยด์ (เป็นยาในตระกูลคอร์ติซอล) ด้วยวิธีการฉีดเข้าสู่ร่างกาย และรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากบาดแผล ในผู้ป่วยรายที่มีอาการรุนแรง อาจต้องให้ยาด้วยการฉีดยา ให้ออกซิเจนและใช้เครื่องติดตามหัวใจไปจนกว่าอาการจะเริ่มดีขึ้น
สำหรับแมลงสัตว์กัดต่อยที่นำเอาเชื้อโรคมาด้วย ขั้นต่อมาแพทย์จะต้องวินิจฉัยหาเชื้อเพื่อทำการรักษาต่อไป การรักษาเชื้อโรคจะขึ้นอยู่กับเชื้อโรคแต่ละชนิด แพทย์ควรวินิจฉัยโรคดังกล่าวเพื่อการวางแผนการรักษาต่อไปในโรคที่อาจเกิดขึ้นเช่น:
-
โรคไข้เวสต์ไนล์
-
โรคทูลาริเมีย
-
โรคไข้รากสาดใหญ่
-
โรคอื่นๆ
ในห้องฉุกเฉินคุณอาจได้คำแนะนำวิธีการใช้ชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินเพื่อสามารถนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องหากเกิดแมลงกัดต่อยอีกในอนาคตที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ผู้ป่วยอาจถูกส่งตัวไปยังแผนกภูมิแพ้เพื่อฉีดวัคซีนภูมิแพ้บำบัด หลังจากมีการตรวจสอบว่าแพ้พิษชนิดไหน แพทย์จะค่อยๆเพิ่มปริมาณพิษทีละน้อยเข้าสู่ร่างกาย การรักษาด้วยวิธีนี้จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาแพ้ครั้งต่อไปในอนาคตได้
การป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อย
คุณสามารถลดโอกาสการสัมผัสกับแมลงสัตว์กัดต่อยได้โดยเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมและกิจกรรมที่ทำอยู่
-
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้ทำการกำจัดหรือทำลายรังของแมลงหรือแมง ไม่ควรทำด้วยตนเอง
-
เรียนรู้การว่ายุงมักออกมาในช่วงเวลาโพล้เพล้ ช่วงรุ่งเช้า พลบค่ำในเวลาเย็นๆ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมใดๆในช่วงเวลาดังกล่าว ควรสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวและหมวกเพื่อให้เหลือพื้นที่ที่ปล่อยให้ผิวเปิดโล่งให้น้อยที่สุด เสื้อเชิ้ตแขนยาวควรใส่ทับไว้ในกางเกงด้วย
-
ใช้ยากันยุง บริเวณเสื้อผ้า รองเท้า มุ้งกันยุง เต็นท์และอุปกรณ์อื่นๆ
-
การใช้ยาไล่แมลงแบบใช้สาร Permethrin เคลือบ มีการแนะนำให้นำไปใช้กับเสื้อผ้า รองเท้า มุ้งกันยุงและอุปกรณ์แค้มป์ สาร Permethrin มีประสิทธิผลสูงในด้านฆ่าแมลงป้องกันแมลง (กำจัดเห็บและไร) สาร Permethrin บนเสื้อผ้าจะขับไล่และฆ่าเห็บ ยุงและสัตว์ขาปล้องชนิดอื่นๆและยังคงมีประสิทธิภาพแม้หลังการซัก และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
-
การใช้ยาฆ่าแมลงที่มี DEET (N,N-diethylmetatoluamide) เป็นส่วนประกอบตามคำแนะนำไม่ควรมี DEET มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์หรือควรมีน้อยกว่านั้น เพราะถ้ามากกว่านั้นอาจส่งผลในการฆ่าแมลงได้ดีก็จริงแต่อาจเป็นอันตรายก่อให้เกิดสารพิษที่อาจเป็นเหตุให้เกิดโรคสมอง (สมองติดเชื้อ) ในเด็กได้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำที่ข้างขวดเพื่อหลีกเลี่ยงสารพิษที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กหรือผู้ใหญ่
-
การป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อยด้วยวิธีธรรมชาติ
การป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อยตามธรรมชาติอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงต่อโรคที่มีแมลงเป็นพาหะและความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากการถูกแมลงกัดต่อย ต่อไปนี้เป็นวิธีธรรมชาติในการป้องกันแมลงสัตว์กัดต่อย:-
ใช้สารไล่แมลงตามธรรมชาติ:
-
-
- น้ำมันหอมระเหย เช่น ตะไคร้หอม เลมอนยูคาลิปตัส ลาเวนเดอร์ และน้ำมันทีทรี มีคุณสมบัติไล่แมลงตามธรรมชาติ เจือจางน้ำมันเหล่านี้ 2-3 หยดในน้ำมันตัวพา (เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก) แล้วทาลงบนผิวที่สัมผัสออก สมัครใหม่ตามความจำเป็น
- น้ำมันสะเดาเป็นสารขับไล่ตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทาบนผิวหนังหรือเสื้อผ้าเพื่อยับยั้งแมลงได้
-
-
สวมชุดป้องกัน:
-
-
- สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ถุงเท้า และรองเท้าปิดนิ้วเท้าเพื่อลดการสัมผัสผิวหนัง
- เลือกเสื้อผ้าสีอ่อน เพราะแมลงมักชอบสีเข้มกว่า
- เก็บกางเกงไว้ในถุงเท้าหรือรองเท้าบูทเพื่อป้องกันไม่ให้แมลงคลานขึ้นขา
-
-
ใช้มุ้งกันยุง:
-
-
- เมื่อนอนกลางแจ้งหรือในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคที่มียุงเป็นพาหะ ให้ใช้มุ้งเพื่อสร้างแนวกั้นทางกายภาพระหว่างคุณกับแมลง
-
-
หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง:
-
- แมลงมักออกหากินในช่วงรุ่งเช้าและพลบค่ำ หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงเวลาเหล่านี้
การพยากรณ์โรคจากแมลงสัตว์กัดต่อย
คนส่วนใหญ่มักจะตอบสนองต่อการรักษาจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ดีทั้งแบบรักษาเองที่บ้านหรือรักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มีปฏิกิริยาแพ้ขั้นรุนแรง หรือผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้นจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการนอนโรงพยาบาลเพื่อการรักษาและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และอาจรุนแรงถึงขั้นถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
สำหรับคนที่เป็นโรคมาจากการปล่อยเชื้อของแมลงสัตว์กัดต่อย ต้องเฝ้าติดตามว่ามาจากเชื้อชนิดไหน หากวินิจฉัยได้รวดเร็วมากเท่าไรการรักษาและการดูแลก็รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น การเฝ้าติดตามหรือการพยากรณ์โรคอาจมีความแตกต่างกันมากตั้งแต่ดีจนแย่มากได้หากอวัยวะนั้นๆมีความเสียหายแบบถาวร
การถูกแมงมุมแม่ม่ายดำและแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลกัด
การรักษาเมื่อถูกแมงมุมกัดขึ้นอยู่กับชนิดของแมงมุมที่ผู้ป่วยโดนกัดมาว่ารุนแรงมากแค่ไหน แมงมุมแม่ม่ายดำกับแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลมีพิษที่ส่งผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป แต่ทั้งคู่ต่างมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง ตัวอย่างด้านล่างมีไว้เพื่อการจำแนกแยกแยะชนิดของแมงมุมทั้งสองชนิด:
-
แมงมุมแม่ม่ายดำ (Latrodectus mactans) อาจมีสีดำหรือน้ำตาล (มีขากางออกเฉลี่ยประมาณหนึ่งถึงสองนิ้ว) มักมีรูปคล้ายนาฬิกาทรายสีแดงปรากฏอยู่บนท้อง
-
แมงมุมสันโดษสีน้ำตาล (Loxosceles reclusa) จะมีสีน้ำตาล ขากางประมาณหนึ่งนิ้ว มักมีลายคล้ายรูปร่างไวโอลินปรากฏอยู่บนหน้าอก
-
แมงมุมแม่ม่ายดำและแมงมุมสันโดษสีน้ำตาลมักพบเจอได้ในแถบอเมริกาเหนือและทั่วไปในโลก
ข้อเท็จจริงของแมลงกัดต่อย
การถูกแมลงกัดหรือต่อยถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้โดยทั่วไป ผลจากการถูกกัดต่อยมักจะมีรอยแดงและบวมในบริเวณที่ถูกกัดหรือต่อย แต่ในบางครั้งการถูกแมลงสัตวกัดต่อยก็อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้หากมีการแพ้เกิดขึ้น หรือหากแมลงนั้นเป็นพาหะนำเชื้อโรค(เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย, หรือปรสิตเป็นต้น) สู่มนุษย์.
สัตว์ขาปล้องหรืออาร์โทรพอด คือแมลงที่อาศัยอยู่บนโลกนี้เป็นส่วนใหญ่และมี 6 ขา ปัจจุบันนี้พวกมันยึดครองพื้นที่บนพื้นดินมากกว่าสัตว์ชนิดอื่น มีมากกว่าสามในสี่ของสัตว์ที่เรารู้จักทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายเผ่าพันธุ์ที่เรายังไม่รู้จักมากมาย และเฉลี่ยแล้วมีมากกว่า 10 ล้านชนิด
สายพันธุ์แบ่งตามลำดับที่เราพบเห็นจำนวนมากที่สุดคือ:
-
-
อันดับโคลีออฟเทอรา Coleoptera (ด้วงหรือแมลงปีกแข็ง)
-
อันดับเลพิดอปเทรา Lepidoptera (ผีเสื้อและผีเสื้อกลางคืน)
-
อันดับแตน Hymenoptera (มด, ผึ้ง, ตัวต่อ)
-
อันดับ Diptera (แมลงวัน)
-
แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์เรามักจะเรียกแมลงทุกชนิด ทั้งสัตว์ขาปล้อง และสัตว์ตัวเล็กๆที่กัดหรือต่อยเราว่าแมงหรือแมลงทั้งสิ้น เป้าหมายหลักของบทความนี้มีไว้เพื่อเป็นการอธิบายการโดนแมงหรือแมลงกัดต่อยโดยไม่ระบุชนิดเจาะจงแมงหรือแมลงโดยเฉพาะ บทความนี้จะอธิบายครอบคลุมแมงหรือแมลงที่เด่นๆที่มีการพบเห็นหรือมีปรากฏในประเทศสหรัฐอเมริกาในเร็วๆนี้ ไม่ครอบคลุมรวมไปถึงแมลงสัตว์กัดต่อยจากทั่วโลก
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.webmd.com/allergies/ss/slideshow-bad-bugs
-
https://www.nhs.uk/conditions/insect-bites-and-stings/
-
https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-insect-bites/basics/art-20056593
-
https://kidshealth.org/en/teens/bug-bites.html
เนื้อหาและรีวิวมาจากผู้เชี่ยวชาญ โดย Bupa team