Hyperthermia คือ ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป สภาวะร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนในของร่างกายให้สัมพันธ์กับอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมได้
ภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำ คือ ลักษณะที่อุณหภูมิร่างกายลดลงจนถึงระดับต่ำอย่างเป็นอันตราย ซึ่งปัญหาของอุณหภูมิร่างกายในลักษณะตรงข้ามนั้น ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน เรียกว่า ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
ความหมายของร่างกายเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป คือ เมื่อมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40 °C เพราะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติคือต่ำกว่า 35 °C อุณหภูมิของร่างกายโดยเฉลี่ยคือ 37 ° C
สาเหตุของภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด หรือสัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน ๆ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
คนงานก่อสร้าง เกษตรกร และผู้ที่ต้องอยู่ในความร้อนเป็นเวลานาน ๆ ควรระมัดระวังตนเองเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป รวมทั้งอาชีพนักดับเพลิง และผู้ทีงานใกล้เตาอบ หรือทำงานในอาคารที่ระบบปรับอากาศทำงานไม่ดี
ภาวะสุขภาพที่มีปัญหา อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ อุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปได้ ยารักษาโรคหัวใจและความดันโลหิตบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะจะลดความสามารถในการขับเหงื่อ การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ จะทำให้การควบคุมความดันโลหิตสูงในภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปทำได้ยากขึ้น
เด็ก และผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูง เด็ก ๆ มักชอบเล่นกลางแจ้ง โดยไม่รู้จักพัก หรือดื่มน้ำเลย ผู้สูงอายุมักไม่ค่อยรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองต่ออาการที่ร้อนได้ทัน ยิ่งในบ้านไม่มีอุปกรณ์ปรับอากาศเลยก็ยิ่งเสี่ยงจะเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปได้ง่ายขึ้น
ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป และไข้ต่างกันอย่างไร?
อุณหภูมิในร่างกายถูกควบคุมโดยสมองส่วนที่เรียกว่าไฮโปทาลามัส โดยปกติจะรักษาอุณหภูมิร่างกายที่ประมาณ 37° C อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย
การเป็นไข้ คือ กรณีที่ร่างกายมีการติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย สมองส่วนไฮโปทาลามัสอาจเปลี่ยนแปลงการควบคุมอุณหภูมิ โดยอุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นจากปฏิกิริยาที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อเชื้อเหล่านั้นได้อีกด้วย เมื่ออาการติดเชื้อหายไปอุณหภูมิของร่างกายก็จะกลับเข้าสู่ระดับปกติ
ส่วนกรณีภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป ความร้อนของร่างกายจะตอบสนองต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากกลไกการระบายความร้อนตามธรรมชาติอย่างการขับเหงื่อไม่สามารถเอาชนะความร้อนจากสภาพแวดล้อมได้ อุณหภูมิร่างกายจึงสูงขึ้น
การรักษาด้วยยาสามัญอย่างอะเซตามิโนเฟน (ไทลินอล) สามารถช่วยลดไข้ได้ แต่จะช่วยแก้ไขภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปได้ การปรับอุณหภูมิสภาพแวดล้อม การดื่มน้ำ และใช้ความเย็นช่วย (เช่น น้ำเย็น หรือถุงน้ำแข็งวางบนผิวหนัง) เท่านั้น
อาการของภาวะอุณหภูมิสูงเกินไป
ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปเกิดได้หลายอาการ เกิดจากการปรับตัวของภาวะร่างกายกับกิจกรรมต่าง และสภาพแวดล้อม ได้แก่:
-
ภาวะความเครียดจากความร้อน: กรณีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นแต่กลับไม่มีเหงื่อออก แสดงถึงอาการความเครียดจากความร้อน ภาวะความเครียดจากความร้อนจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง อย่างอาการอ่อนเพลียจากความร้อน และโรคลมแดด
นอกจากนี้ยังอาจมีอาการอื่น ๆ ได้แก่:
-
อ่อนเพลียไม่มีแรง
-
กระหายน้ำ
หากสงสัยว่า เกิดภาวะอาการเครียดจากความร้อนให้ไปพักในบริเวณที่อากาศเย็นสบาย ดื่มน้ำ หรือของเหลวที่มีเกลือแร่เพื่อคืนความชุ่มชื้น เกลือแร่ เป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกาย อย่างแคลเซียม โซเดียม และโพแทสเซียม ที่ช่วยลดอาการขาดน้ำ ช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ การทำงานของประสาท และความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อ แต่หากอาการแย่ลงให้รีบไปพบแพทย์
-
โรคเพลียความร้อน: การเผชิญความร้อนสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว และเกิดความเครียด แสดงว่ากำลังเผชิญกับความเหนื่อยล้าจากความร้อน ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อน ๆ หรือสภาพการทำงานที่ร้อนจัดจะเสี่ยงต่อโรคเพลียความร้อนเป็นพิเศษ
นอกเหนือจากรู้สึกร้อน กระหายน้ำ และเหนื่อยล้า แล้วอาจประสบปัญหากับการรวบรวมสมาธิเพื่อการทำงานได้ กรณีพบอาการควรหาทางปรับร่างกายและจิตใจให้เย็นลงด้วยของเหลว
การพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพอาการที่ร้อนจะช่วยป้องกันโรคเพลียความร้อนได้ในที่สุด
-
เป็นลมแดด: การเป็นลม หมดสติ ที่เกิดขึ้นเมื่อความดันเลือดลดลง หรือการไหลเวียนของเลือดไปสมองลดลงชั่วคราว
เป็นแนวโน้มที่เกิดเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนนาน ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้ยาประเภท beta-blocker เพื่อลดความดันโลหิตก็จะยิ่งเสี่ยงที่จะเป็นลมแดดมากขึ้น
การเป็นลมแดดมักมีอาการวิงเวียนหรือเวียนศีรษะ หากรู้สึกคล้ายจะเป็นลม ให้หาทางผ่อนคลายและทำตัวให้เย็นลงเพื่อป้องกันไม่ให้หมดสติ โดยนอนราบแล้วยกขาขึ้น
เช่นเดียวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับความร้อนอื่น ๆ การดื่มน้ำคือสิ่งสำคัญ หรือของเหลวทุกชนิด ยิ่งเป็นเครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา หรือเกลือแร่ก็จะยิ่งดี
-
ตะคริวจากความร้อน: ตะคริวจากความร้อนเป็นอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดเมื่อใช้แรงมาก ๆ หรือการออกกำลังกายอย่างหนักในอากาศที่ร้อน โดยปกติเป็นอาการที่เกิดจากความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย โดยจะเกิดอาการบริเวณหน้าท้อง ขา หรือกล้ามเนื้อแขน อาการนี้สามารถบรรเทาได้ด้วยการนอนพักในที่เย็น และดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยน้ำและเกลือแร่ที่เสียไปในขณะที่เหงื่อออก
-
บวมจากความร้อน: อาการบวมจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในบริเวณร้อน ๆ เป็นเวลานาน ๆ หรือในผู้ที่ไม่คุ้นกับอุณหภูมิที่ร้อน โดยมีการบวมที่มือ ขาส่วนล่าง หรือข้อเท้า เกิดจากการสะสมของของเหลวบริเวณแขนขาของคุณ เป็นปฏิกิริยาตอบสนองเกี่ยวกับการดูดซึมโซเดียมเข้าสู่เลือดผ่านทางไต ที่กระตุ้นโดย Aaldosterone
โดยปกติอาการบวมนี้จะหายไปเองเมื่อผู็ป่วยเกิดความคุ้นเคยต่อสภาพแวดล้อม หรือทำการระบายความร้อน หรือยกเท้าให้สูงขึ้น และเติมน้ำและเกลือแร่ให้ร่างกาย
-
ผดร้อน: บางครั้งการอยู่ในที่ร้อน ๆ เป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดตุ่มแดงคล้ายสิวขึ้นบนผิวหนัง มักเกิดเมื่อเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผดร้อนหายเองได้ เมื่อตัวเย็นลงหรือทำการเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่หากติดเชื้อ ก็อาจทำให้ผดเกิดได้นานขึ้น
เมื่อเหงื่อไม่สามารถขับออกมาได้ จะเกิดอาการดังนี้:
-
วิงเวียนศีรษะ
-
อ่อนเพลีย
-
กระหายน้ำ
-
การทำงานของร่างกายส่วนต่าง ๆ เกิดปัญหา
-
ไม่มีสมาธิ
-
ผิวหนังเย็นและชื้น
-
ชีพจรเต้นเร็ว
นับเป็นอาการสุดท้ายก่อนเกิดฮีทสโตรก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ป่วยจะต้องพักผ่อน และดื่มน้ำทันทีที่รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ และหากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การรักษาภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
แม้ว่าภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไปจะหายได้เมื่อพักให้คลายร้อนและดื่มน้ำ แต่ก็อาจมีอาการที่รุนแรงจนต้องไปพบแพทย์ ซึ่งต้องพิจารณาเมื่อเกิดอาการดังต่อไปนี้:
อาการที่ร้ายแรงที่สุดของภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป คือ ช่วงที่อุณหภูมิร่างกายสูงจนถึงแก่ชีวิตได้ เกิดเมื่ออาการต่าง ๆ ที่เกิดจากความร้อนอย่างลมแดดไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที ระดับความร้อนที่เป็นอันตรายคือ เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 40° C ทำให้เป็นลมหมดสติ
อาจมีอาการอื่น ๆ เป็นสัญญาณร่วมด้วยได้แก่ :
-
ฉุนเฉียว โกรธง่าย
-
ความสับสน มึนงง
-
การประสานงานระหว่างอวัยวะส่วนต่าง ๆ มีปัญหา
-
ผดแดง
-
เหงื่อไม่ออก
-
ชีพจรเต็นอ่อนหรือเร็วผิดปกติ
เมื่อเกิดสัญญาณเหล่านี้ให้ผู้ป่วยรีบแก้ไขอาการ ดังนี้:
-
พยายามไปยังบริเวณที่มีอากาศเย็น หรือบริเวณที่มีเครื่องปรับอากาศ
-
ดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่
-
อาบน้ำเย็น หรือรดน้ำเพื่อช่วยเร่งการฟื้นตัว
-
วางถุงน้ำแข็งไว้ใต้แขน และบริเวณขาหนีบ
หากอาการยังไม่ดีขึ้น เมื่อพยายามแก้ไขอาการแล้ว ให้รีบติดต่อแพทย์ทันที
อาการแทรกซ้อนของภาวะอุณหภูมิสูงเกินไป
อุณหภูมิร่างกายสูงเป็นภาวะที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ซึ่งมักเกิดจากการสัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน การออกกำลังกายมากเกินไป หรือสภาวะทางการแพทย์บางประการ อาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ซึ่งบางรายอาจรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ต่อไปนี้เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป:- อาการอ่อนเพลียจากความร้อน: นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยของภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป และเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียของเหลวและอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากการขับเหงื่อมากเกินไป ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น อ่อนแรง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และหัวใจเต้นเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการเพลียแดดอาจลุกลามไปสู่โรคลมแดดได้
- โรคลมแดด: โรคลมแดดเป็นรูปแบบที่รุนแรงของภาวะตัวร้อนเกินและเป็นเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ เกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิแกนกลางของร่างกายสูงขึ้นถึงระดับที่เป็นอันตราย ซึ่งมักจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการอาจรวมถึงสับสน ชัก หมดสติ หายใจเร็วและตื้น และเหงื่อออกน้อย โรคลมแดดสามารถทำลายอวัยวะสำคัญ เช่น สมอง หัวใจ และไต และอาจถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาทันที
- ภาวะขาดน้ำ: การสัมผัสกับอุณหภูมิสูงเป็นเวลานานและเหงื่อออกมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้ผลกระทบของภาวะอุณหภูมิร่างกายรุนแรงขึ้นอีก การขาดน้ำอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์และทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัญหาไต ปวดกล้ามเนื้อ และความดันโลหิตต่ำ
- การสลายตัวของกล้ามเนื้อ: นี่คือภาวะที่เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อสลายตัวอย่างรวดเร็วและปล่อยโปรตีนที่เรียกว่าไมโอโกลบินเข้าสู่กระแสเลือด ไมโอโกลบินอาจเป็นอันตรายต่อไตและอาจทำให้ไตเสียหายหรือล้มเหลวได้ การสลายตัวของกล้ามเนื้ออาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคที่เกิดจากความร้อนอย่างรุนแรง
- ความเสียหายของอวัยวะ: อุณหภูมิร่างกายสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของลมแดดสามารถทำลายอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงสมอง หัวใจ ตับ และไต ความเสียหายนี้อาจส่งผลระยะยาวและอาจต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างกว้างขวาง
- อาการชัก: อุณหภูมิร่างกายที่สูงสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการชักในบางคนได้ โดยเฉพาะในเด็กและผู้ที่มีอาการป่วยบางประการ อาการชักอาจทำให้การจัดการภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
- Disseminated Intravascular Coagulation (DIC): ในกรณีที่รุนแรงของโรคลมแดด ความสามารถของร่างกายในการควบคุมการแข็งตัวของเลือดอาจลดลง นำไปสู่ภาวะ DIC ภาวะนี้อาจส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติและอวัยวะถูกทำลาย
- อาการโคม่าและความตาย: หากไม่รักษาภาวะอุณหภูมิร่างกายสูง โดยเฉพาะโรคลมแดด อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ อาจนำไปสู่อาการโคม่า และในบางกรณีอาจถึงแก่ชีวิตได้
สรุปภาพรวมภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป
การป้องไม่ให้เกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายสูงเกินไป เริ่มจากการตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการทำงานหรือเล่นในอากาศที่ร้อนจัด แต่หากจำเป็นต้องอยู่ในที่ร้อน ๆ ควรปฏิบัติดังนี้
-
พักผ่อนในที่เย็น หรือในบริเวณที่มีการปรับอุณหภูมิให้เย็นสบาย หากอยู่กลางแจ้งควรยืนในที่ร่ม
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำ หรือเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ ทุกๆ 15 – 20 นาทีเมื่ออยู่ในที่ร้อนนาน ๆ
-
สวมเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา และสีอ่อนเมื่ออยู่กลางแจ้ง
-
หากในบริเวณที่อยู่อาศัยไม่มีเครื่องปรับอากาศ อาจใช้เวลาอยู่ในห้างสรรพสินค้า ห้องสมุด หรือสถานที่สาธารณะที่เย็นสบายในช่วงที่มีอากาศร้อนแทน
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
-
https://www.medicalnewstoday.com/articles/320226
-
https://www.nih.gov/news-events/news-releases/hyperthermia-too-hot-your-health-1
-
https://www.nih.gov/news-events/news-releases/hyperthermia-too-hot-your-health-1
-
https://www.medicinenet.com/hyperthermia_symptoms_and_signs/symptoms.htm