ภาพรวม
ช่วงเวลาของการตั้งครรภ์เฉลี่ยราว 280 วัน (40 สัปดาห์) นับตั้งแต่วันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้าย วันแรกของรอบเดือนสุดท้ายถือเป็นวันที่หนึ่งของการตั้งครรภ์ ถึงแม้จะยังไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจนกระทั่งสองสัปดาห์ต่อมาก็ตาม (การพัฒนาของทารกจะล่าช้าออกไปสองสัปดาห์หลังจากวันตั้งครรภ์) การนับอายุครรภ์ไม่ใช่สิ่งชี้ชัดทางวิทยาศาสตร์ มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่มีการคลอดบุตรตรงตามวันที่กำหนด ดังนั้นในขณะที่เป็นเรื่องสำคัญในการรู้วันที่ลูกน้อยจะคลอดก็ตาม แต่ก็ไม่ควรไปยึดติดกับวันที่มากจนเกินไปเราสามารถนับอายุครรภ์อย่างไร
หากคุณมีวงจรของรอบเดือนเป็นปกติคือ 28 วัน มีสองวิธีในการคำนวณ
หลักกฏเนเกล
หลักของเนเกลคือวิธีนับการตั้งครรภ์แบบง่ายๆหลักการคำนวณคือ: บวกเพิ่มจากวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้ายไปอีก 7 วัน จากนั้นลบ 3 เดือน ยกตัวอย่าง เช่น หากวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้ายคือวันที่ 1 พฤศจิกายน 2017- บวกเพิ่มไปอีก 7 วัน ( 8 พฤศจิกายน 2017 )
- ลบ 3 เดือน (8 สิงหาคม 2017)
- เปลี่ยนปี (ในกรณีนี้คือ 2018)
วงล้อการตั้งครรภ์
อีกวิธีหนึ่งในการคำนวณอายุครรภ์คือการใช้วงล้อในการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นวิธีที่แพทย์ส่วนใหญ่เลือกใช้ เพราะง่ายต่อการหาค่าเฉลี่ยวันครบอายุครรภ์ ในขั้นแรกจะต้องกำหนดวันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้ายลงไปในวงล้อ เมื่อใส่วันที่ลงไป วงล้อจะขึ้นวันที่ครบอายุครรภ์ขึ้นมาให้ จำไว้ว่าวันครบอายุการตั้งครรภ์เป็นเพียงการคาดคะเนวันกำหนดคลอดบุตรเท่านั้น โอกาสที่จะคลอดบุตรตรงตามที่กำหนดมีน้อยมากจะทำอย่างไรถ้าไม่รู้วันสุดท้ายของรอบเดือน
สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากกว่าที่คุณคิด โชคดีที่เรามีหลายวิธีในการคาดเดาวันได้หากคุณไม่สามารถจำได้ได้ว่าวันแรกของรอบเดือนสุดท้ายคือวันไหน:- หากคุณรู้วันแรกของประจำเดือนรอบสุดท้าย แพทย์ก็จะคาดวันครบอายุครรภ์ให้ตามนั้น
- หากคุณจำไม่ได้ว่ามีรอบเดือนสุดท้ายไปเมื่อไร แพทย์อาจสั่งอัลตราซาว์นเพื่อประเมินอายุการตั้งครรภ์
จะเกิดอะไรขึ้นหากมีรอบเดือนที่ผิดปกติหรือมีรอบวงที่ยาวนาน
ผู้หญิงบางคนมีวงจรรอบเดือนที่อาจยาวนานกว่า 28 วัน ในกรณีเช่นนี้สามารถนำวงล้อการตั้งครรภ์มาใช้ได้ แต่การคำนวณแบบง่ายๆก็ยังมีความจำเป็นอยู่ ครึ่งหนึ่งของวงจรรอบเดือนของผู้หญิงปกติแล้วจะอยู่ที่ 14 วัน เวลานี้คือช่วงเวลาที่ไข่ตกเพื่อรอบเดือนถัดไป หากคุณมีวงจรรอบเดือนยาวนาน 35 วัน ดังนั้นวันไข่ตกของคุณอาจเป็นวันที่ 21 เมื่อเรารู้วันไข่ตกแล้ว เราก็สามารถนำไปใช้ในการนับอายุครรภ์โดยดูวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้ายเพื่อหาวันครบอายุครรภ์ด้วยวงล้อการตั้งครรภ์ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีวงจรรอบเดือนคือ 35 วัน และวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่ 1 พฤศจิกายน:- บวกเพิ่มไป 21 วัน (22 พฤศจิกายน)
- ลบ 14 วัน เพื่อหาวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้าย (8 พฤศจิกายน)
หากแพทย์เปลี่ยนวันครบอายุครรภ์หมายความถึงอะไร
แพทย์อาจเปลี่ยนวันครบอายุครรภ์ได้หากพบว่าทารกตัวเล็ก หรือใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยของตัวอ่อนตามขั้นตอนการตั้งครรภ์ ปกติแล้วแพทย์จะสั่งตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อทำการประเมินอายุครรภ์ของทารกเมื่อมีประวัติการมีรอบเดือนที่ไม่ปกติ เมื่อวันที่ของวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้ายมีความไม่แน่นอน หรือเมื่อการปฏิสนธิเกิดขึ้น แม้จะมีการทานยาคุมกำเนิดอยู่ อ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม อัลตร้าซาวด์คืออะไร การอัลตร้าซาว์นจะช่วยทำให้แพทย์สามารถคำนวณหาความยาวของตัวอ่อน-ความยาวของทารกนับจากหัวถึงก้น ในช่วงระหว่างไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ การวัดขนาดนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อหาค่าเฉลี่ยสำหรับอายุของทารก แพทย์อาจเปลี่ยนวันครบอายุครรภ์ได้โดยดูจากค่าที่วัดได้จากการอัลตร้าซาว์น ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ วันที่คิดออกมาจากการอัลตร้าซาว์นมักแตกต่างจากที่แพทย์คาดคะเนจากวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้ายไปไม่มากไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ในช่วงไตรมาสที่สอง การอัลตร้าซาว์นจะมีความแม่นยำน้อยลง และแพทย์มักจะไม่ปรับวันเว้นเสียแต่ว่าวันมีความแตกต่างมากกว่าสองสัปดาห์ขึ้นไป ในไตรมาสที่สาม ความแม่นยำจะน้อยมากในการกำหนดวันคลอดบุตร ดังนั้นแพทย์มักจะไม่ค่อยปรับเปลี่ยนวันในช่วงระหว่างไตรมาสที่สามรู้หรือไม่
การคำนวณด้วยการอัลตร้าซาวด์ เพื่อคาดคะเนอายุของทารกจะมีความแม่นยำในช่วงระหว่างช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ในสองสามสัปดาห์แรกตัวอ่อนจะมีการพัฒนาในอัตราเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามในกระบวนการตั้งครรภ์อัตราการเจริญเติบโตของทารกก็มีความแตกต่างกันออกในแต่ละคน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการคำนวณจากอัลตราซาว์นไม่สามารถนำมาคาดเดาอายุที่แม่นยำของทารกในช่วงไตรมาสหลังของการตั้งครรภ์ได้จะเป็นอย่างไรถ้าหากวันที่ได้จากการอัลตราซาว์นแตกต่างจากวันครบอายุครรภ์
เมื่อแพทย์ทำการอัลตราซาว์น แพทย์จะลงบันทึกสิ่งที่พบ รวมไปถึงวันครบอายุครรภ์ทั้งสองแบบ วันแรกเป็นวันที่ได้จากการคำนวณจากวันแรกของรอบเดือนครั้งสุดท้าย วันที่สองคือวันที่คำนวณได้จากการอัลตราซาว์น ซึ่งพบว่ายากมากที่จะเป็นวันที่ตรงกัน เมื่อแพทย์ประเมินผลอัลตราซาวด์ แพทย์จะประเมินไม่ว่าวันนั้นจะเป็นวันที่เห็นพ้องกันหรือไม่ก็ตาม แพทย์จะไม่เปลี่บนแปลงวันครบอายุครรภ์เว้นเสียแต่ว่ามีความแตกต่างจากวันของอัลตราซาว์นอย่างเห็นได้ชัด หากมีการอัลตราซาว์นหลายครั้ง ในแต่ละครั้งจะรายงานวันครบอายุครรภ์ใหม่ขึ้นอยู่กับการวัดในเวลานั้นๆ วันที่ครบอายุครรภ์ไม่ควรถูกเปลี่ยนเพราะเป็นผลจากการคำนวณที่ได้มาจากการอัลตราซาว์นในไตรมาสสองหรือสาม การคาดคะเนวันครบอายุครรภ์จะมีความแม่นยำมากกว่าเมื่อทำในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ การอัลตราซาว์นในช่วงต่อมามีเพื่อช่วยในการประเมินการเจริญเติบโตของทารกแต่ไม่ได้ประเมินอายุของทารกหากยังไม่เจ็บท้องคลอดเมื่อครบกำหนด
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การตั้งครรภ์จะขยายออกไปเกินวันที่ครบกำหนดที่คำนวณไว้ ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ส่วนใหญ่พิจารณาว่าการตั้งครรภ์ครบกำหนดตามปกติจะมีระยะเวลาระหว่าง 37 ถึง 42 สัปดาห์ หากคุณไม่ได้คลอดบุตรภายในวันครบกำหนด ต่อไปนี้คือข้อควรพิจารณาทั่วไปบางประการ:- ระยะเวลาการตั้งครรภ์ที่แตกต่างกัน:
-
-
- ระยะเวลาการตั้งครรภ์อาจแตกต่างกันไป ผู้หญิงบางคนอาจคลอดก่อนกำหนด ในขณะที่บางคนอาจเลยกำหนดคลอดไป เป็นเรื่องปกติที่การตั้งครรภ์จะคงอยู่ตั้งแต่สองสามวันก่อนถึงกำหนดคลอดไปจนถึงสองสามสัปดาห์หลังจากนั้น
- การปรับเปลี่ยนวันครบกำหนด:
- ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณอาจปรับวันครบกำหนดของคุณตามการวัดอัลตราซาวนด์หรือการประเมินอื่น ๆ การตรวจอัลตราซาวนด์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกของการตั้งครรภ์ สามารถประมาณอายุครรภ์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น
-
- การติดตามความเป็นอยู่ที่ดีของทารกในครรภ์:
-
-
- หากคุณเลยวันครบกำหนด ผู้ให้บริการด้านการแพทย์จะติดตามความเป็นอยู่ของทารกอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการเข้ารับการตรวจก่อนคลอดบ่อยขึ้น การทดสอบแบบไม่มีความเครียด และการประเมินอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทารกมีสุขภาพแข็งแรง
-
- การกระตุ้นคลอด:
-
-
- หากการตั้งครรภ์ขยายออกไปเกินกำหนดคลอดอย่างมาก ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณอาจหารือเกี่ยวกับทางเลือกในการกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ การตัดสินใจกระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ รวมถึงสุขภาพของทารกและมารดา
-
- ความก้าวหน้าตามธรรมชาติ:
-
-
- ผู้หญิงจำนวนมากต้องทำงานหนักด้วยตัวเองแม้จะเลยวันครบกำหนดไปแล้วก็ตาม การเริ่มเจ็บครรภ์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ตำแหน่งของทารก และกระบวนการทางชีวภาพอื่นๆ
-
- การสื่อสารกับผู้ป่วย:
-
-
- สิ่งสำคัญคือต้องรักษาการสื่อสารอย่างเปิดเผยกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ หารือเกี่ยวกับข้อกังวลใด ๆ ที่คุณอาจมี และรับแจ้งเกี่ยวกับตัวเลือกที่มีให้คุณ
-
- การปรับแผนการคลอดบุตร:
-
-
- หากการตั้งครรภ์ของคุณเกินกำหนด คุณอาจต้องปรับแผนการคลอดบุตร มีความยืดหยุ่นและเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงความเป็นไปได้ในการให้ความรู้เบื้องต้น
-
- การสนับสนุนทางอารมณ์:
-
- การเกินวันครบกำหนดอาจเป็นเรื่องท้าทายทางอารมณ์ ขอการสนับสนุนจากผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ คู่รัก ครอบครัว และเพื่อนฝูงของคุณ พวกเขาสามารถให้กำลังใจและข้อมูลเพื่อช่วยคุณนำทางช่วงเวลานี้
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
0 ความคิดเห็น